“เฮ้ สวยแบบนี้ใครกันจะพูดไม่ได้?” เสี่ยวซีหร่านกัดซาลาเปาเคี้ยวแล้วกลืนมันลงไป เธอพูดต่อว่า “คนหนุ่มสาวพระเจ้าไม่ได้ให้ความพิเศษเหมือนกันทุกคนนะ คุณได้รับมักมากเกินไปแล้ว จำเป็นต้องต้องแลกมาด้วยการสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง”
“ผมรู้” ขนตาแพรยาวของเย่ฉ่าวเหยียนหลับลง “แต่พี่ชายของผมก็เป็นส่วนน้อย ดังนั้นพระเจ้าควรจะให้สิ่งที่พิเศษแก่เขา”
เสี่ยวซีหร่านซาบซึ้งใจ เหลือบมองเขาแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการกิน
มู่เวยเวยอยู่ในความฝันอันยาวนานและน่าตื่นเต้น เธอลอยอยู่บนเรือลำเล็กกลางทะเล ทั้งลมพายุ ทั้งคลื่นลูกแรงที่โหมกระหน่ำเข้ามานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ถูกซัดลงไปยังก้นทะเล น้ำทะเลสาดใส่หน้าเธอ ซัดเข้าตามแขนขาจนรู้สึกเจ็บ ฉลามกำลังไล่ล่าเธอ เธอว่ายน้ำหนีอย่างสิ้นหวัง ระหว่างทางได้พบกับวาฬตัวใหญ่ เธอต้องการจะพลิกตัวกลับขึ้นเรือ แต่เท้าของเธอหนักอึ้งและขยับไม่ได้ ราวกับว่ามีมือจากในท้องทะเลดึงเธอไว้
เธออยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่เพียงแค่อ้าปาก น้ำทะเลก็ซัดเข้าปากและลำคอ
เมื่อเธอกำลังจะถูกฉลามฉีกเป็นชิ้นๆ มือใหญ่ทรงพลังคู่หนึ่งก็อุ้มเธอขึ้นมาจากทะเล แล้วส่งเข้าไปยังห้องผู้โดยสารบนเรือ มู่เวยเวยหันกลับไปมอง ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินปรากฏขึ้นกลางทะเล ดวงตาของเขากลมกลืนไปกับสีของน้ำทะเล ส่องประกายเหมือนกับไพลิน
“เย่ฉ่าวเฉิน——” มู่เวยเวยตะโกนเรียก เอื้อมมือไปดึงเขาขึ้นมา แต่ร่างกายของเขากลับจมหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกฉลามฉีกเป็นชิ้นๆ
“เย่ฉ่าวเฉิน——” มู่เวยเวยตะโกน น้ำตาไหลพราก ตกลงไปในท้องทะเลกว้างใหญ่ที่เหน็บหนาวเข้ากระดูก
แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินกลับมีรอยยิ้มอบอุ่นตอบเธอ เขาอ้าปากพูด มู่เวยเวยไม่ได้ยินเสียง แต่กลับเข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมาได้เป็นอย่างดี เขาพูดว่า เด็กดี
จากนั้น เย่ฉ่าวเฉินถูกกลืนหายไปกับเลือดสีแดงฉาน
มู่เวยเวยหัวใจสลาย ความเจ็บปวดที่ไร้เสียง
ในห้องรักษาพยาบาล เสี่ยวซีหร่านมองไปที่เตียงผู้ป่วย เธอร้องไห้อยู่เงียบๆ หญิงสาวเรียกหาแต่ “เย่ฉ่าวเฉิน” เสี่ยวซีหร่านขมวดคิ้วแล้วหันไปถามหมอหาน “ทำยังไงดี? เขย่าเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ไม่รู้ว่าเธอกำลังฝันเรื่องอะไร?”
หมอหานก็หมดหนทางเช่นกัน จึงเริ่มใช้กลอุบาย “ไม่เช่นนั้นคุณก็บีบจมูกเธอ พอเธอหายใจไม่ออกก็จะตื่นขึ้นมา”
เสี่ยวซีหร่านจ้องหมอหานอย่างคิดไม่ถึง “แบบนี้จะไม่บ้าไปหน่อยเหรอคุณหมอ?”
หมอหานยิ้มแห้งๆ
“แต่แค่ลองดูก็ได้” เสี่ยวซีหร่านพูดแล้วบีบจมูกมู่เวยเวย ถือโอกาสนี้งับปากของเธอไว้ หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที...
ใบหน้าของมู่เวยเวยขึ้นสีแดง ส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่รู้ตัวเพื่อสลัดให้หลุดจากการบีบ แต่เสี่ยวซีหร่านทำใจแข็งไม่ยอมปล่อย
ครึ่งนาทีผ่านไป ในที่สุดมู่เวยเวยก็หายใจไม่ออก จึงลืมตาตื่นขึ้นมา ทันทีที่ตื่นขึ้นเธอก็ผลักเสี่ยวซีหร่านออก
“แค่กๆ——” หญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้วไออย่างรุนแรง เสี่ยวซีหร่านรีบเข้าไปปลอบเธอ
รอให้อาการไอบรรเทาลง มู่เวยเวยหน้าแดงมองไปที่เสี่ยวซีหร่าน ประโยคแรกถามขึ้น “หาเย่ฉ่าวเฉินเจอไหม?”
เสี่ยวซีหร่านไม่อยากโกหกเธอ จึงบอกไปตามตรง “ยังหาไม่เจอ”
น้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาของมู่เวยเวย เสียงของเธอแหบแห้ง “ช่วยพยุงฉันนั่งหน่อย”
เสี่ยวซีหร่านวางหมอนไว้ข้างหลังเธอ แล้วช่วยพยุงเธอลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
“อย่ากังวลไปเลย เทียนเย่พาคนไปช่วยตามหาแล้ว คงหาเย่ฉ่าวเฉินเจอแน่ๆ” เสี่ยวซีหร่านหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอ
น้ำตาของมู่เวยเวยไหลพราก แต่เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามการร้องไห้โดยไม่มีเสียงยิ่งทำให้คนเจ็บปวด
“ซีหร่าน ฉันฝันว่าเขาตายแล้ว” เสียงแหบแห้งพูดขึ้นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและโศกเศร้า “เขาตายแล้ว”
เสี่ยวซีหร่านชะงักงัน ไม่รู้จะใช้คำพูดใดปลอบโยนเธอ
อันที่จริงเธอก็มีความคิดนี้อยู่ในใจเช่นกัน ตอนที่เห็นเสื้อสูทตัวนั้น ตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เธอรู้ว่าท่าจะไม่ดี คงรอดกลับมายาก เธอไม่กล้าบอกมู่เวยเวย กลัวว่าเธอจะรับไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกมาเองแบบนี้ และสภาพของมู่เวยเวยก็ดูแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดไว้มาก
หมอหานถอนหายใจ สองวันที่อยู่ที่นี่ เขาก็พอได้ยินข่าวคราวมาบ้าง
“คุณหญิงเย่ คนจีนเรามีความเชื่อว่าความฝันจะกลับกัน คุณฝันว่าคุณชายเย่ประสบโชคร้าย บางทีเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้” หมอหานปลอบโยนเธอด้วยใบหน้าซีดเซียว
มู่เวยเวยเอนศีรษะลงหมอน ปล่อยให้น้ำตาไหลเข้ามาในใจ แววตาเธอว่างเปล่า “ไม่ ฉันมีลางสังหรณ์”
“เวยเวย คุณอย่าเพิ่งคิดแบบนี้ คุณต้องเชื่อเขา” เสี่ยวซีหร่านมองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ซีหร่าน ฉันโคม่ามานานหรือยัง?” มู่เวยเวยถาม
“สามสิบกว่าชั่วโมง”
“หนึ่งวันกว่าๆ…” มู่เวยเวยถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย เสี่ยวซีหร่านได้ยินก็น้ำตาคลอ
หมอหานสลดใจอยู่ชั่วครู่ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ พูดกับมู่เวยเวยว่า “คุณหญิงเย่ คุณลองยกเท้าขึ้นดูหน่อย ยังมีรู้สึกอยู่ไหม”
มู่เวยเวยขยับเท้าอย่างยากลำบาก “อ่ะ——” เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกเจ็บที่เท้าซ้าย
ทางตรงกันข้ามหมอหานถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ยังรู้สึกเจ็บ พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ถูกแช่แข็ง เท้าขวาก็ลองขยับด้วยครับ”
มู่เวยเวยขยับเท้าขวา “ยังรู้สึก”
“อย่างนั้นก็ดี ผมเป็นกังวลว่าเท้าทั้งสองข้างของคุณจะมีปัญหา” หมอหานพูดด้วยใจจริง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสี่ยวซีหร่านพูดขึ้น “เข้ามา”
ประตูถูกผลักออกเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นที่ประตู เมื่อสายตาประสบกับมู่เวยเวย เขาชะงักไปสองวินาที หัวใจที่สงบนิ่งมานานเริ่มเคลื่อนไหว
“คุณตื่นแล้ว” เย่ฉ่าวเหยียนเดินเข้ามา ไม่มีใครสังเกตเห็นความเศร้าที่คืบคลานเข้ามาในแววตา
มู่เวยเวยตกตะลึง เย่ฉ่าวเหยียน? เขาอยู่ยุโรปไม่ใช่เหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเบาๆ “เป็นยังไงบ้าง? ไม่เจอกันปีกว่าๆ ไม่รู้จักกันแล้วเหรอ?”
มู่เวยเวยได้สติกลับมา “ไม่ใช่ แค่ตกใจ”
“รู้สึกยังไงบ้าง?” เย่ฉ่าวเฉินถามขึ้นเรียบๆ
“ยังดี” มู่เวยเวยตอบเรียบๆ เธอไม่จำเป็นต้องถามเขาว่ากลับมาทำไม เย่ฉ่าวเฉินเป็นตายอย่างไรก็ไม่รู้ ในฐานะคุณชายรองของตระกูลเย่ ก็ต้องกลับมาจัดการกิจการทั้งภายในและภายนอกประเทศ
แต่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่ชายหนุ่มที่เอาแต่เอ้อระเหยไปวันๆ อีกแล้ว ทั้งสงบ และโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
“ผมไปดูที่ริมชาดหาด แต่ก็ยังไม่มีข่าวของพี่ใหญ่” เย่ฉ่าวเหยียนจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ ยังคงสดใสและเป็นประกาย
“ฉันรู้” มู่เวยเวยรู้สึกว่าตอนที่พูดออกมาเลือดกำลังหยดเข้ามาในใจเธอ
เย่ฉ่าวเหยียนมองท่าทางอ่อนแรงของเธอ อยากเข้าไปกอดปลอบ แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เขาเกรงว่าจะทำให้เธอกลัว
“เวยเวย ผมมีเรื่องที่ต้องปรึกษาคุณ”
มู่เวยเวยพยักหน้า
เสี่ยวซีหร่านคิดว่าทั้งสองคงอยากพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว รู้ตัวว่าต้องลุกออกไป เย่ฉ่าวเหยียนขวางเธอเอาไว้ “พี่หร่านไม่ต้องไป ไม่ได้มีความลับอะไร บางทีคุณอาจจะให้คำแนะนำผมได้”
เสี่ยวซีหร่านขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาเรียกแบบนั้น “คุณเรียกฉันว่าซีหร่านเหมือนเวยเวยก็ได้ เรียกพี่รู้สึกแก่ยังไงไม่รู้”
“โอเค” เย่ฉ่าวเหยียนเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงอีกฝั่งของเตียง พูดขึ้นอย่างจริงจัง “เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ดี ผมเข้าใจ แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องแก้ไม่ตกอีกเรื่อง ก็คือการไล่พวกนักข่าวที่อยู่หน้าประตู”
มู่เวยเวยเพิ่งฟื้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามอย่างสงสัย “นักข่าวอะไร?”
เสี่ยวซีหร่านพูดสั่นๆ เกี่ยวกับวิดีโอที่แพร่ระบาดบนอินเตอร์เน็ต เนื่องจากตระกูลเย่ไม่ให้คำตอบ ประกอบกับการปรากฏตัวของผู้ประสงค์ร้ายบางคน เรื่องต่างๆ จึงเป็นอันตรายมากขึ้น ข้อสันนิฐานว่าเย่ฉ่าวเฉินเป็นมนุษย์ต่างดาวแพร่กระจายไปบนอินเตอร์เน็ต
มู่เวยเวยตกใจมากเมื่อได้ฟังที่เธอพูด สิ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุดก่อนหน้านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
“เราเพิกเฉยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่และผิงอันจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากคนอื่น” เย่ฉ่าวเหยียนเป็นกังวลเรื่องนี้มาก
“คุณคิดจะทำอะไร?” มู่เวยเวยถาม
เย่ฉ่าวเหยียนพูดความคิดเห็นของตัวเองอย่างจริงจัง สุดท้ายจึงเสริมว่า “ตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ ต้องใช้ดึงดูดความสนใจของทุกคน ดังนั้น
เสี่ยวซีหร่านกอดอกพูดขึ้น “ฉันคิดว่านอกจากจะไล่พวกนักข่าวไปแล้ว พวกสื่อที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องให้ความสนใจด้วย ในอนาคตหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก จะได้ระงับได้ทัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...