วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 273

สรุปบท บทที่ 273 แปลกพิลึก เดินเฉียดผ่านไป: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

บทที่ 273 แปลกพิลึก เดินเฉียดผ่านไป – ตอนที่ต้องอ่านของ วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

ตอนนี้ของ วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ โดย ฉันคือมู่มู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 273 แปลกพิลึก เดินเฉียดผ่านไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

"อยู่ที่ไหน?"

จางเห่อรายงานที่อยู่หนึ่งให้เขา จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็รีบไปทันที

"หลังนี้แหละ" จางเห่อพาเขาไปที่บ้านส่วนตัวที่เรียบง่าย ซึ่งด้านในนั้นว่างเปล่า มีเตียงสามเตียงเก้าอี้ไม่กี่ตัวและโต๊ะอีกหนึ่งตัว บนโต๊ะยังมีอาหารอุ่นๆที่พึ่งซื้อมา บนเตียงมีรูบิคที่ถูกปรับสีจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

"นายรู้ได้อย่างไรว่าเป็นหลังนี้?" เย่ฉ่าวเฉินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

จางเห่อตอบ “เมื่อกี้ผมถามคนที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง พวกเขาเคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ตอนกลางคืน อีกอย่างพวกเขามั่นใจว่ามีผู้ชายสองคนกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนอาศัยอยู่ที่นี้ หนึ่งในนั้นมักจะสวมหน้ากากไว้”

ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง“พวกเขาน่าจะไปจากที่นี้ยังไม่นานนัก รีบไปหาดูแถวนี้เร็ว”

"ครับ คุณชาย"

ฝั่งนี้ ชายหนุ่มจ้างแท็กซี่ข้างทาง ค่อยๆเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างระมัดระวังไว้หลังรถ หลังจากเขาก็ขึ้นรถปล้วพูดกับคนขับรถว่า "ไปที่ชายหาด รีบๆเลย"

"ได้เลย!" คนขับเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งเพื่อพุ่งไปข้างหน้า

รถแท็กซี่ขับมาเส้นทางที่จะไปชายหาด พี่คนขับฮัมเพลงเบาๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะน่าเบื่อเกินไป เขาก็เลยชวนผู้โดยสารคุย "น้องครับ น้องไปทำอะไรที่ชายหาดตอนนี้?ตอนเที่ยงแบบนี้มันร้อนมากเลยนะ”

ชายหนุ่มยิ้มและไม่ได้พูดอะไร

เมื่อพี่คนขับเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คุยด้วย เขาก็ทำได้แค่ฮัมเพลงของตัวเองต่อเบาๆ

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถคันข้างหน้าก็ชะลอลง

ชายหนุ่มชะโงกหัวไปดู มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษสี่ห้านายกำลังตรวจสอบรถอยู่ไม่ไกลนัก นอกจากนี้ยังมีสุนัขตำรวจที่ให้ความร่วมมือด้วย

"พี่คนขับ ข้างหน้าเขาตรวจอะไรกัน?" ชายหนุ่มลองสุ่มถามดู

"อันนี้ก็ไม่แน่ใจแต่ช่วงนี้เข้มงวดมาก ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องตรวจ"

“ต้องตรวจรถทุกคันเลยหรือ?”

"ใช่ ต้องตรวจทุกคัน" หลังจากนั้นพี่คนขับที่รับรู้เรื่องมามาก เขาจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "ประมาณว่าเร็วๆนี้จะมีผู้นำใหญ่มาที่เมืองA หรือไม่ก็น่าจะกำลังตามหาคนสำคัญอะไรสักอย่าง”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งและพูดกับคนขับว่า "พี่ครับ ผมไม่ไปที่ชายหาดแล้ว เรากลับกันเถอะ"

คนขับมองเขาผ่านกระจกมองหลังแล้วถามว่า "เฮ้ ทำไมไม่ไปแล้วล่ะ"

“ ผมคิดๆดูแล้วว่าไปตอนนี้อากาศก็คงร้อนไปหน่อย ค่อยไปตอนเย็นๆแล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ถ้างั้นเราจะกลับกันเลยไหม?” นายคนขับถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง

"ครับ กลับเลย"

"ได้เลย" คนขับชะลอความเร็วลงและหักพวงมาลัยรถเพื่อกลับไปทางเดิมทันที

ชายที่นั่งด้านหลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความ

พูดถึงถนนหนานหลัว

เย่ฉ่าวเฉินและจางเห่อพาคนค้นหาจนแทบจะพลิกแผ่นดินตรงบริเวณถนนหนานหลัว และเรียกสาวที่นั่งประจำบาร์เดินมาให้ดูแล้วหนึ่งรอบแต่พวกเขาก็ยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้น

จะหนีไปไหนได้นะ?

เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่กลางถนนหนานหลัว มองดูแสงไฟหลากสีและผู้คนที่สัญจรไปมาโดยมีสำเนียงที่แตกต่างกันไป

สำหรับผู้ใหญ่เป็นเรื่องง่ายที่จะซ่อนตัวเอาไว้เพราะพวกเขาไม่รู้จักกัน เป็นไปได้ที่ทั้งสองจะเดินสวนกันโดยไม่รู้ก็ได้ แต่แล้วเด็กล่ะ? เด็กที่โตขนาดนั้นจะซ่อนตัวอยู่ตรงไหน? ยิ่งไปกว่านั้นผิงอันฉลาดซะขนาดนั้น ถ้าเขารู้ว่ากำลังหาเขาอยู่เขาจะต้องหาวิธีติดต่อกับเขาให้ได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ก็คือกาวินไม่ได้อยู่ที่นี้ นี้เป็นเพียงความฝันที่ไร้สาระของเวยเวย สำหรับอาหารอุ่นๆที่อยู่ในห้องเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

แต่จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้บนโลกนี้ได้อย่างไร?

ขอบเขตการค้นหาขยายไปถึงห้าไมล์รอบๆถนนหนานหลัว ถนนทุกเส้นร้านค้าทุกร้านหาจนเหลือเพียงแค่ต้องพลิกที่ดินหาเท่านั้น

ใช้วิธีหาตั้งแต่เช้าจรดค่ำแต่ก็ไม่พบอะไรเลย

เมื่อกลับบ้านมาถึงบ้านตระกูลมู่ เย่ฉ่าวเฉินก็เก็บสีหน้าที่หงุดหงิดนั้นไว้ เขาไม่อยากให้อารมณ์ของตัวเองส่งผลไปถึงภรรยาของตัวเอง

มู่เวยเวยและเสี่ยวซีหร่านกำลังทำโยคะสำหรับคนท้องในห้องออกกำลังกาย เย่ฉ่าวเฉินแวะเข้าไปดูแล้วเดินออกมา ตอนเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอชายเจ้าของคฤหาสน์พอดี

“นายกลับมาเมื่อไหร่?” มู่เทียนเย่มีน้ำอุ่นสองแก้วอยู่ในมือ สำหรับทั้งสองหลังออกกำลังกายเสร็จ

“พึ่งมาถึง” เย่ฉ่าวเฉินเสียงต่ำ

“ไปที่ถนนหนานหลัวมีข่าวอะไรหรือเปล่า?” มู่เทียนเย่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเที่ยงของวันนี้แล้ว

เย่ฉ่าวเฉินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์การค้นหาของวันนี้อย่างเรียบง่าย

หลังจากฟังเรื่องนี้จนจบมู่เทียนเย่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "หรือไม่พรุ่งนี้ก็ให้หมอประจำตระกูลมาตรวจเวยเวยดูว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าใช่ ... ความเป็นไปได้ที่ว่าผิงอันอยู่ในเมือง A เป็นไปได้สูงมาก "

เมื่อสองเดือนก่อน พ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านรู้ว่าลูกสาวของพวกเขาตั้งท้องลูกแฝดมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก พวกเขาไม่อยากให้ลูกสาวไปโรงพยาบาลเพื่อเข้าคิวตรวจสุขภาพอย่างยากลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงซื้อชุดอุปกรณ์ทดสอบทางการแพทย์ทั้งหมดให้กับครอบครัวตระกูลมู่ มีเครื่องอัลตร้าซาวด์ B เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์และเครื่องวัดความดันโลหิต ฯลฯ นอกจากนี้ยังเชิญผู้เชี่ยวชาญประจำแผนกสูติ-นรีเวชที่มีชื่อเสียงในเมือง A มาเป็นหมอประจำตระกูลอีกด้วย

เดิมทีมู่เทียนเย่บอกว่าเขาจะเป็นคนจ่ายเอง แต่พ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านบอกว่านี้เป็นหนึ่งในของขวัญที่พวกเขามอบให้ลูกสาวและมู่เทียนเย่ก็ทำได้แค่รับเอาไว้

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยินคำแนะนำนี้ก็พยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน" จริงๆแล้วระหว่างทางกลับที่เขากลับ เขาก็พิจารณาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

ที่ฝันถึงเรื่องเช่นนี้หรืออาจจะเป็นเพราะทารกในครรภ์เข้าฝัน ฟังดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้นมา

หลังจากที่มู่เวยเวยออกกำลังกายเสร็จ เธอก็เห็นสามีของเธอยืนเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่าง แผ่นหลังของเขาแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าและความกังวลอย่างมาก

ไม่จำเป็นต้องถามเธอก็รู้ว่ายังหาผิงอันไม่เจอ

ในตอนกลางคืน ทั้งสี่คนนั่งอยู่รอบโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร บรรยากาศค่อนข้างเงียบ ทุกคนไม่สามารถผ่อนคลายลงและไม่อยากฝืนยิ้มออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่กินข้าวอย่างเงียบๆ

ท้ายที่สุดมู่เทียนเย่ก็เป็นคนทำลายบรรยากาศที่เงียบนั้นทิ้งไป“ เวยเวย วันพรุ่งนี้หมอจะมาอัลตร้าซาวด์ให้ซีหร่าน ให้หมอตรวจร่างกายน้องด้วยเลยแล้วกัน” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็หยุดไปสักพักและพูดต่อ “จะได้ดูว่าความฝันของน้องจะตรงหรือเปล่า”

มู่เวยเวยเข้าใจว่าพี่ชายของเธอหมายถึงอะไร เธอตอบอย่างเห็นด้วยว่า "บังเอิญจัง ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน"

คืนนั้นเย่ฉ่าวเฉินพักที่บ้านตระกูลมู่ หลังจากอาบน้ำออกมาภรรยาของเขาก็หลับไปแล้ว เธอขี้เซาเป็นพิเศษหลังตั้งครรภ์ ยกเว้นการหายไปของผิงอันเมื่อสองวันก่อน อาการบาดเจ็บและโคม่าของเธอก็ทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้ในตอนกลางคืน ปกติพอหัวถึงหมอนภายในห้านาทีเธอก็จะหลับไปเลย

เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเขย่งเท้าไปที่เตียง จากนั้นก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

เวยเวยฝันดีนะ ผมหวังว่าคุณจะนอนหลับฝันดี

แต่คืนนี้มู่เวยเวยไม่ได้ฝันถึงอะไรเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น หมอประจำตระกูลก็มาถึงบ้านตระกูลมู่และหลังจากตรวจมู่เวยเวยเสร็จเขาก็พูดว่า "เป็นเด็กผู้หญิงที่พัฒนาการดีมากพวกคุณไม่ต้องกังวลอะไรเลย"

ทั้งสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นใบ้ขึ้นมาทันที ต่างคนต่างมองกันไปมาแต่เมื่อนึกสิ่งที่มู่เวยเวยเคยพูดไว้ในเมื่อวานนี้

หมอมองพวกเขาด้วยใบหน้าแปลกๆและอดไม่ได้ที่จะถามว่า "เป็นอะไรไป?มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?หรือว่าพวกคุณไม่อยากได้เด็กผู้หญิง?"

"ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน" เย่ฉ่าวเฉินอธิบายทันที "มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ เพียงแต่เรานึกอะไรบางอย่างได้แค่นั้น"

"อ้อ"

ถึงคราวที่เสี่ยวซีหร่านต้องตรวจบ้าง เย่ฉ่าวเฉินประคองมู่เวยเวยออกมา

นี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว ถ้ายังหาผิงอันไม่เจอเขาก็จะทุ่มสุดตัว แม้ว่าจะถูกเปิดเผยความเป็นส่วนตัวแล้วยังไงล่ะ? อย่างมากก็แค่ต้องย้ายออกจากเมืองA ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็มีที่สำหรับให้พวกเขาสามารถปักหลักได้เสมอ สำหรับเย่ฉ่าวเฉินตราบใดที่ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง สำหรับความมั่งคั่งที่มีนั้นเพียงพอมากแล้ว

ปัจจุบันทั้งทางทะเล ทางบก และทางอากาศถูกปิดตายทั้งหมด สำหรับทุกอย่างนั้นมีความเป็นไปได้ที่น้อยมากและในความเป็นไปได้ที่น้อยมากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยจะสามารถทนได้

ดังนั้นเขาและมู่เทียนเย่จึงต้องเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้น

ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงอุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความร้อนในฤดูร้อนพัดผ่านไปมา

เย่ฉ่าวเฉินมาที่อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กในใจกลางเมืองและเคาะประตู

"เจ้านาย คุณมาแล้วหรอ" เย่ยิงพูดด้วยความเคารพ

“ฉู่เซวียนล่ะ?”

"อยู่ในห้องครับ" ทันใดนั้นเย่ยิงก็เปิดประตูห้องที่เล็กที่สุดและฉู่เซวียนก็กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสบายๆ

เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินเข้ามา เขาก็โยนหนังสือทิ้งและมองไปที่อดีตพันธมิตรของเขาอย่างเย็นชา

"ฉู่เซวียน เราเจอกันอีกแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินรูปร่างสูงและยืนมองเขาอย่างไม่แยแส

รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉู่เซวียน"ใช่แล้ว นี้ต้องพึ่งพรของประธานเย่ด้วย มิฉะนั้นชาตินี้เราก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก"

เย่ฉ่าวเฉินเเดินสำรวจรอบๆห้องพักและมีทุกอย่างพร้อมที่จำเป็นต้องใช้สำหรับในชีวิตประจำวัน

"ฉู่เซวียน ฉันมาที่นี่เพื่อเจรจาเงื่อนไขกับนาย" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา

ฉู่เซวียนหัวเราะเยาะ "ฉันถูกนายขังไว้ที่นี้ ยังมีสิทธิ์ในการเจรจาหรอ?"

"พูดตามตรง ความคับข้องใจระหว่างนายกับฉันเคลียร์กันไปแล้วในครั้งที่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะปฏิบัติกับนายอย่างดี ทำไมนายยังเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีก นี้มันไม่มีผลดีต่อนายและตระกูลฉู่ของนายเลยแม้แต่น้อย" เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความขมขื่นเล็กน้อย

ฉู่เซวียนพูดเบา ๆว่า "นายเลิกพูดให้เปลืองน้ำลายได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมิฉะนั้นคงไม่ไปหาเข้าที่มณฑลFหรอก"

เย่ฉ่าวเฉินจ้องเขาลึกลงไปราวกับใช้ประโยคนี้ตัดสินว่าเป็นความจริงหรือไม่

“นายไม่ต้องมองฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“ แต่นายรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร”

ฉู่เซวียนแข็งไปทั้งตัว ใช่เขารู้ ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาและเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

ถ้าเขากลับไปที่จุดเริ่มต้น เขาก็จะไม่ยินยอมเห็นใบหน้านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องคอยนึกถึงคนๆนี้

"นายอยากเจรจาเงื่อนไขไหม?" เย่ฉ่าวเฉินถามอีกครั้ง

ฉู่เซวียนเงียบไปนานและในที่สุดก็ยอมพูดออกมาว่า“ ยังไง?”

"ง่ายมากนายแค่พาฉันไปหาคนๆนั้นแล้วฉันจะปล่อยพวกนายไป"

ฉู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ“ นายเจรจาง่ายแบบนี้เลย?”

"ฉันแค่ต้องการลูกของฉันเท่านั้น สำหรับฉันชีวิตของพวกนายไม่มีค่าเลยสักนิด" ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินดุดัน

"ถ้าฉันไม่เห็นด้วยล่ะ?"

ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วงและเย่ฉ่าวเฉินจับหนังสือที่เขาอ่านเมื่อกี้ขึ้นมากลางอากาศด้วยมือของเขาแล้วพลิกหนังสือไปมากลางอากาศและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆาตกรรม

พฤติกรรมนี้ทำให้ฉู่เซวียนตกใจมาก เขาเคยได้ยินข่าวลือว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาและสามารถใช้เวทมนตร์ต่างๆได้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง

ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่สนุก เย่ฉ่าวเฉินควบคุมทุกอย่างในห้องให้ลอยขึ้นกลางอากาศแน่นอนว่ารวมถึงฉู่เซวียนด้วย เขาตกใจกลัวมากจนระยะหลังๆตะโกนขึ้นกลางอากาศว่า "เย่ฉ่าวเฉิน ปล่อยฉันลงไป "

ทันทีที่ฉู่เซวียนพูดจบเขาก็กดโทรออก "เหล่าเว่ย ช่วยหาผู้หญิงที่ชื่อจ้าวถิงอวี่ให้ฉันตามโรงแรมทั้งโรงแรมเล็กๆและโรงแรมใหญ่ทั่วเมืองAหน่อย"

"จะไปทันทีครับ"

หลังจากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็โทรหามู่เทียนเย่ทันทีและพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าของที่นี้ ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกัน แบ่งตามสถานที่และเริ่มตามหาผู้หญิงที่ใช้นามสกุลจ้าวคนนี้อย่างลับๆ

ครึ่งวันผ่านไป เวลาสี่โมงเย็นเย่ฉ่าวเฉินก้าวเข้าสู่โรงแรมในย่านที่เจริญที่สุดของเมือง Aอย่างรวดเร็ว

"สวัสดีครับ" เย่ฉ่าวเฉินทักทายด้วยรอยยิ้ม

ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับเงยหน้าขึ้น ว้าว นี้ไม่ใช่เย่ฉ่าวเฉินจากเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปหรอกหรอ?

“สวัสดีค่ะคุณเย่ ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรที่ต้องการคะ?”

"ช่วยตรวจสอบคนๆหนึ่งในโรงแรมของพวกคุณให้ผมหน่อยได้ไหม?"เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างมีเสน่ห์ วันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่แสดงใบหน้านี้ออกมา โชคดีที่แผนกต้อนรับของโรงแรมทุกแห่งต่างให้ความร่วมมือ

สาวสวยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย "คุณเย่ พอดีโรงแรมเรามีข้อบังคับที่ไม่สามารถเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของแขกได้"

รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินยิ่งเย้ายวนมากขึ้น“ คนสวย คุณช่วยผมแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมมีเรื่องที่เร่งด่วนจริงๆ ช่วยผมหน่อยได้ไหม?”

คำว่า"ได้ไหม?" คำสุดท้ายกระแทกเข้าใจของผู้หญิงคนนั้นโดยตรง รวมถึงสีหน้าที่อ้อนวอนของเย่ฉ่าวเฉิน สาวสวยประนีประนอมลงทันที "โอเค คนที่คุณเย่กำลังตามหาชื่ออะไรคะ?"

เย่ฉ่าวเฉินพูดชื่อของจ้าวถิงอวี่

ฉู่เซวียนที่เดินตามหลังทำหน้ามุ่ย เขาก็แค่เกิดมาหล่อไม่ใช่หรือ? มีอะไรดี?

“จ้าวถิงอวี่ใช่ไหม? มีค่ะ”

ทันทีที่หญิงสาวที่แผนกต้อนรับพูดจบ ทำให้ความหดหู่ใจในหลายวันที่ผ่านมาได้รับการฟื้นฟู บางทีอาจเป็นเพราะได้รับข่าวที่น่าผิดหวังมากเกินไป เมื่อได้ยินข่าวดี เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ตอบสนอง

"คุณพูดอะไรนะ?"

"มีคนหนึ่งที่ชื่อจ้าวถิงอวี่จองห้องไว้เมื่อวานนี้และยังไม่ได้เช็คเอาท์"

เย่ฉ่าวเฉินโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น "จองห้องไหนไว้?"

"สามหนึ่งเจ็ด"

"ขอบคุณมากครับ" เย่ฉ่าวเฉินวิ่งไปที่ลิฟต์และอีกหลายคนที่อยู่ข้างหลังก็ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับตะโกนอย่างกระวนกระวาย "คุณเย่ พวกคุณขึ้นไปไม่ได้"

แต่ในตอนนี้สิ่งที่เธอพูดไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ลิฟต์ยังคงอยู่ที่ชั้นเจ็ด เย่ฉ่าวเฉินรอแทบไม่ไหวและออกจากลิฟต์แล้ววิ่งขึ้นบันไดไวอย่างกับสายฟ้าแลบ

ใช้เวลาไปแค่เกือบหนึ่งนาที เย่ฉ่าวเฉินก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องสามหนึ่งเจ็ด เขาไม่ลังเลใดๆก็กระโดดขึ้นแล้วเตะที่ประตูให้เปิดออก เมื่อเดินเข้าไปกลับพบว่าไม่มีใครอยู่

ผ้าห่มบนเตียงถูกเปิดออกและมีเสื้อผ้าผู้หญิงหลายตัวทิ้งอยู่บนนั้น มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เปิดฝาทิ้งไว้บนโต๊ะในห้องน้ำ สัญญาณทั้งหมดบ่งบอกว่าเมื่อกี้เจ้าของห้องอยู่ที่นี้

เย่ยิงสำรวจห้อง เขายืนอยู่ที่หน้าต่างและพูดว่า "เจ้านาย พวกเขากระโดดลงจากตรงนี้"

"นายรีบพาฉู่เซวียนตามเธอไป เขารู้จักผู้หญิงคนนั้นฉันจะไปดูที่ห้องอื่น"

"รับทราบ"

เย่ฉ่าวเฉินออกมาจากสามหนึ่งเจ็ดและกำลังจะเตะประตูตรงข้ามที่เป็นห้องสามหนึ่งแปด พวกเขาผู้ใหญ่สามคนเป็นไปไม่ได้ว่าจะอยู่รวมกันในห้องเดียว อย่างน้อยก็ต้องสองห้อง

"โอ้ ประธานเย่ คุณอย่าเตะผมจะเปิดประตูให้คุณเอง" ผู้จัดการของโรงแรมรีบวิ่งมาและถือการ์ดไว้ในมือของเขา

"ปึ้ง" ประตูเปิดออก เย่ฉ่าวเฉินวิ่งเข้าไปดูข้างในและไม่มีใครอยู่ เตียงเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีร่องรอยการนอน

เย่ฉ่าวเฉินพูดกับผู้จัดการอย่างกระวนกระวาย "ในบรรดาคนที่ดำเนินที่พักพร้อมกับห้องสามหนึ่งเจ็ด มีใครสวมหน้ากากอนามัยไหม หรือที่พาเด็กมาด้วย"

ผู้จัดการพยักหน้าทันที "มีคนหนึ่งที่สวมหน้ากากและพักอยู่ในห้องสองหนึ่งเจ็ดแต่ไม่มีเด็ก"

"พาฉันไป"

"ได้ครับๆ"

ผู้จัดการมองไปยังเย่ฉ่าวเฉินที่ร้อนรนใจและไม่กล้าชักช้า เขาจึงรีบวิ่งลงไปที่ชั้นสองและเปิดประตูห้องสองหนึ่งเจ็ด

ด้านในว่างเปล่าไม่มีใคร แต่มีกองขนมและรถจำลองขนาดเล็กวางอยู่บนโต๊ะที่ไม่ใหญ่นัก

"แขกน่าจะออกไปแล้ว"

เย่ฉ่าวเฉินมองไปรอบๆห้องด้วยสายตาที่เฉียบคมและสายตาของเขาก็จ้องไปที่กระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงมุมกำแพงนั้น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางใบนี้ดูคุ้นๆ เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่งในสองสามวันที่ผ่านมา

ทันใดนั้นภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัว เมื่อวานนี้เขาชนกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ Nanluo Lane เขาลากกระเป๋าเดินทางสีดำแบบนี้ไว้ในมือ

หรือว่า...

กระเป๋าเดินทางใบนี้เป็นใบเดียวกับเมื่อวานที่ชายคนนั้นลากไว้?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดกระเป๋าเดินทาง ในหัวเขา“ตึง”แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากรองเท้าเล็กๆและเป็นรองเท้าเล็กๆที่ไม่กี่วันก่อนเขาใส่ให้ผิงอันเองกับมือ

กระเป๋าเดินทางมีพื้นที่เยอะมากและมันก็เพียงพอจนสามารถใส่เด็กคนหนึ่งลงไปได้

ความคิดแย่ๆปรากฏขึ้นในหัว สาเหตุที่หลายวันที่ผ่านมาไม่สามารถหาผิงอันเจอได้เพราะเขาถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางใบนี้

ตามนิสัยของผิงอันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ข้างในเงียบๆ ไอ้สารเลวนั้นต้องให้เขากินยาอะไรบางอย่างไปแน่ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ