"อยู่ที่ไหน?"
จางเห่อรายงานที่อยู่หนึ่งให้เขา จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็รีบไปทันที
"หลังนี้แหละ" จางเห่อพาเขาไปที่บ้านส่วนตัวที่เรียบง่าย ซึ่งด้านในนั้นว่างเปล่า มีเตียงสามเตียงเก้าอี้ไม่กี่ตัวและโต๊ะอีกหนึ่งตัว บนโต๊ะยังมีอาหารอุ่นๆที่พึ่งซื้อมา บนเตียงมีรูบิคที่ถูกปรับสีจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"นายรู้ได้อย่างไรว่าเป็นหลังนี้?" เย่ฉ่าวเฉินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
จางเห่อตอบ “เมื่อกี้ผมถามคนที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง พวกเขาเคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ตอนกลางคืน อีกอย่างพวกเขามั่นใจว่ามีผู้ชายสองคนกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนอาศัยอยู่ที่นี้ หนึ่งในนั้นมักจะสวมหน้ากากไว้”
ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง“พวกเขาน่าจะไปจากที่นี้ยังไม่นานนัก รีบไปหาดูแถวนี้เร็ว”
"ครับ คุณชาย"
ฝั่งนี้ ชายหนุ่มจ้างแท็กซี่ข้างทาง ค่อยๆเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างระมัดระวังไว้หลังรถ หลังจากเขาก็ขึ้นรถปล้วพูดกับคนขับรถว่า "ไปที่ชายหาด รีบๆเลย"
"ได้เลย!" คนขับเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งเพื่อพุ่งไปข้างหน้า
รถแท็กซี่ขับมาเส้นทางที่จะไปชายหาด พี่คนขับฮัมเพลงเบาๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะน่าเบื่อเกินไป เขาก็เลยชวนผู้โดยสารคุย "น้องครับ น้องไปทำอะไรที่ชายหาดตอนนี้?ตอนเที่ยงแบบนี้มันร้อนมากเลยนะ”
ชายหนุ่มยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
เมื่อพี่คนขับเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คุยด้วย เขาก็ทำได้แค่ฮัมเพลงของตัวเองต่อเบาๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถคันข้างหน้าก็ชะลอลง
ชายหนุ่มชะโงกหัวไปดู มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษสี่ห้านายกำลังตรวจสอบรถอยู่ไม่ไกลนัก นอกจากนี้ยังมีสุนัขตำรวจที่ให้ความร่วมมือด้วย
"พี่คนขับ ข้างหน้าเขาตรวจอะไรกัน?" ชายหนุ่มลองสุ่มถามดู
"อันนี้ก็ไม่แน่ใจแต่ช่วงนี้เข้มงวดมาก ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องตรวจ"
“ต้องตรวจรถทุกคันเลยหรือ?”
"ใช่ ต้องตรวจทุกคัน" หลังจากนั้นพี่คนขับที่รับรู้เรื่องมามาก เขาจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "ประมาณว่าเร็วๆนี้จะมีผู้นำใหญ่มาที่เมืองA หรือไม่ก็น่าจะกำลังตามหาคนสำคัญอะไรสักอย่าง”
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งและพูดกับคนขับว่า "พี่ครับ ผมไม่ไปที่ชายหาดแล้ว เรากลับกันเถอะ"
คนขับมองเขาผ่านกระจกมองหลังแล้วถามว่า "เฮ้ ทำไมไม่ไปแล้วล่ะ"
“ ผมคิดๆดูแล้วว่าไปตอนนี้อากาศก็คงร้อนไปหน่อย ค่อยไปตอนเย็นๆแล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ถ้างั้นเราจะกลับกันเลยไหม?” นายคนขับถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
"ครับ กลับเลย"
"ได้เลย" คนขับชะลอความเร็วลงและหักพวงมาลัยรถเพื่อกลับไปทางเดิมทันที
ชายที่นั่งด้านหลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความ
พูดถึงถนนหนานหลัว
เย่ฉ่าวเฉินและจางเห่อพาคนค้นหาจนแทบจะพลิกแผ่นดินตรงบริเวณถนนหนานหลัว และเรียกสาวที่นั่งประจำบาร์เดินมาให้ดูแล้วหนึ่งรอบแต่พวกเขาก็ยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้น
จะหนีไปไหนได้นะ?
เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่กลางถนนหนานหลัว มองดูแสงไฟหลากสีและผู้คนที่สัญจรไปมาโดยมีสำเนียงที่แตกต่างกันไป
สำหรับผู้ใหญ่เป็นเรื่องง่ายที่จะซ่อนตัวเอาไว้เพราะพวกเขาไม่รู้จักกัน เป็นไปได้ที่ทั้งสองจะเดินสวนกันโดยไม่รู้ก็ได้ แต่แล้วเด็กล่ะ? เด็กที่โตขนาดนั้นจะซ่อนตัวอยู่ตรงไหน? ยิ่งไปกว่านั้นผิงอันฉลาดซะขนาดนั้น ถ้าเขารู้ว่ากำลังหาเขาอยู่เขาจะต้องหาวิธีติดต่อกับเขาให้ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ก็คือกาวินไม่ได้อยู่ที่นี้ นี้เป็นเพียงความฝันที่ไร้สาระของเวยเวย สำหรับอาหารอุ่นๆที่อยู่ในห้องเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
แต่จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้บนโลกนี้ได้อย่างไร?
ขอบเขตการค้นหาขยายไปถึงห้าไมล์รอบๆถนนหนานหลัว ถนนทุกเส้นร้านค้าทุกร้านหาจนเหลือเพียงแค่ต้องพลิกที่ดินหาเท่านั้น
ใช้วิธีหาตั้งแต่เช้าจรดค่ำแต่ก็ไม่พบอะไรเลย
เมื่อกลับบ้านมาถึงบ้านตระกูลมู่ เย่ฉ่าวเฉินก็เก็บสีหน้าที่หงุดหงิดนั้นไว้ เขาไม่อยากให้อารมณ์ของตัวเองส่งผลไปถึงภรรยาของตัวเอง
มู่เวยเวยและเสี่ยวซีหร่านกำลังทำโยคะสำหรับคนท้องในห้องออกกำลังกาย เย่ฉ่าวเฉินแวะเข้าไปดูแล้วเดินออกมา ตอนเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอชายเจ้าของคฤหาสน์พอดี
“นายกลับมาเมื่อไหร่?” มู่เทียนเย่มีน้ำอุ่นสองแก้วอยู่ในมือ สำหรับทั้งสองหลังออกกำลังกายเสร็จ
“พึ่งมาถึง” เย่ฉ่าวเฉินเสียงต่ำ
“ไปที่ถนนหนานหลัวมีข่าวอะไรหรือเปล่า?” มู่เทียนเย่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเที่ยงของวันนี้แล้ว
เย่ฉ่าวเฉินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์การค้นหาของวันนี้อย่างเรียบง่าย
หลังจากฟังเรื่องนี้จนจบมู่เทียนเย่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "หรือไม่พรุ่งนี้ก็ให้หมอประจำตระกูลมาตรวจเวยเวยดูว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าใช่ ... ความเป็นไปได้ที่ว่าผิงอันอยู่ในเมือง A เป็นไปได้สูงมาก "
เมื่อสองเดือนก่อน พ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านรู้ว่าลูกสาวของพวกเขาตั้งท้องลูกแฝดมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก พวกเขาไม่อยากให้ลูกสาวไปโรงพยาบาลเพื่อเข้าคิวตรวจสุขภาพอย่างยากลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงซื้อชุดอุปกรณ์ทดสอบทางการแพทย์ทั้งหมดให้กับครอบครัวตระกูลมู่ มีเครื่องอัลตร้าซาวด์ B เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์และเครื่องวัดความดันโลหิต ฯลฯ นอกจากนี้ยังเชิญผู้เชี่ยวชาญประจำแผนกสูติ-นรีเวชที่มีชื่อเสียงในเมือง A มาเป็นหมอประจำตระกูลอีกด้วย
เดิมทีมู่เทียนเย่บอกว่าเขาจะเป็นคนจ่ายเอง แต่พ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านบอกว่านี้เป็นหนึ่งในของขวัญที่พวกเขามอบให้ลูกสาวและมู่เทียนเย่ก็ทำได้แค่รับเอาไว้
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยินคำแนะนำนี้ก็พยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน" จริงๆแล้วระหว่างทางกลับที่เขากลับ เขาก็พิจารณาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ที่ฝันถึงเรื่องเช่นนี้หรืออาจจะเป็นเพราะทารกในครรภ์เข้าฝัน ฟังดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้นมา
หลังจากที่มู่เวยเวยออกกำลังกายเสร็จ เธอก็เห็นสามีของเธอยืนเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่าง แผ่นหลังของเขาแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าและความกังวลอย่างมาก
ไม่จำเป็นต้องถามเธอก็รู้ว่ายังหาผิงอันไม่เจอ
ในตอนกลางคืน ทั้งสี่คนนั่งอยู่รอบโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร บรรยากาศค่อนข้างเงียบ ทุกคนไม่สามารถผ่อนคลายลงและไม่อยากฝืนยิ้มออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่กินข้าวอย่างเงียบๆ
ท้ายที่สุดมู่เทียนเย่ก็เป็นคนทำลายบรรยากาศที่เงียบนั้นทิ้งไป“ เวยเวย วันพรุ่งนี้หมอจะมาอัลตร้าซาวด์ให้ซีหร่าน ให้หมอตรวจร่างกายน้องด้วยเลยแล้วกัน” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็หยุดไปสักพักและพูดต่อ “จะได้ดูว่าความฝันของน้องจะตรงหรือเปล่า”
มู่เวยเวยเข้าใจว่าพี่ชายของเธอหมายถึงอะไร เธอตอบอย่างเห็นด้วยว่า "บังเอิญจัง ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน"
คืนนั้นเย่ฉ่าวเฉินพักที่บ้านตระกูลมู่ หลังจากอาบน้ำออกมาภรรยาของเขาก็หลับไปแล้ว เธอขี้เซาเป็นพิเศษหลังตั้งครรภ์ ยกเว้นการหายไปของผิงอันเมื่อสองวันก่อน อาการบาดเจ็บและโคม่าของเธอก็ทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้ในตอนกลางคืน ปกติพอหัวถึงหมอนภายในห้านาทีเธอก็จะหลับไปเลย
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเขย่งเท้าไปที่เตียง จากนั้นก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
เวยเวยฝันดีนะ ผมหวังว่าคุณจะนอนหลับฝันดี
แต่คืนนี้มู่เวยเวยไม่ได้ฝันถึงอะไรเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น หมอประจำตระกูลก็มาถึงบ้านตระกูลมู่และหลังจากตรวจมู่เวยเวยเสร็จเขาก็พูดว่า "เป็นเด็กผู้หญิงที่พัฒนาการดีมากพวกคุณไม่ต้องกังวลอะไรเลย"
ทั้งสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นใบ้ขึ้นมาทันที ต่างคนต่างมองกันไปมาแต่เมื่อนึกสิ่งที่มู่เวยเวยเคยพูดไว้ในเมื่อวานนี้
หมอมองพวกเขาด้วยใบหน้าแปลกๆและอดไม่ได้ที่จะถามว่า "เป็นอะไรไป?มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?หรือว่าพวกคุณไม่อยากได้เด็กผู้หญิง?"
"ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน" เย่ฉ่าวเฉินอธิบายทันที "มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ เพียงแต่เรานึกอะไรบางอย่างได้แค่นั้น"
"อ้อ"
ถึงคราวที่เสี่ยวซีหร่านต้องตรวจบ้าง เย่ฉ่าวเฉินประคองมู่เวยเวยออกมา
นี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว ถ้ายังหาผิงอันไม่เจอเขาก็จะทุ่มสุดตัว แม้ว่าจะถูกเปิดเผยความเป็นส่วนตัวแล้วยังไงล่ะ? อย่างมากก็แค่ต้องย้ายออกจากเมืองA ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็มีที่สำหรับให้พวกเขาสามารถปักหลักได้เสมอ สำหรับเย่ฉ่าวเฉินตราบใดที่ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง สำหรับความมั่งคั่งที่มีนั้นเพียงพอมากแล้ว
ปัจจุบันทั้งทางทะเล ทางบก และทางอากาศถูกปิดตายทั้งหมด สำหรับทุกอย่างนั้นมีความเป็นไปได้ที่น้อยมากและในความเป็นไปได้ที่น้อยมากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยจะสามารถทนได้
ดังนั้นเขาและมู่เทียนเย่จึงต้องเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้น
ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงอุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความร้อนในฤดูร้อนพัดผ่านไปมา
เย่ฉ่าวเฉินมาที่อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กในใจกลางเมืองและเคาะประตู
"เจ้านาย คุณมาแล้วหรอ" เย่ยิงพูดด้วยความเคารพ
“ฉู่เซวียนล่ะ?”
"อยู่ในห้องครับ" ทันใดนั้นเย่ยิงก็เปิดประตูห้องที่เล็กที่สุดและฉู่เซวียนก็กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสบายๆ
เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินเข้ามา เขาก็โยนหนังสือทิ้งและมองไปที่อดีตพันธมิตรของเขาอย่างเย็นชา
"ฉู่เซวียน เราเจอกันอีกแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินรูปร่างสูงและยืนมองเขาอย่างไม่แยแส
รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉู่เซวียน"ใช่แล้ว นี้ต้องพึ่งพรของประธานเย่ด้วย มิฉะนั้นชาตินี้เราก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก"
เย่ฉ่าวเฉินเเดินสำรวจรอบๆห้องพักและมีทุกอย่างพร้อมที่จำเป็นต้องใช้สำหรับในชีวิตประจำวัน
"ฉู่เซวียน ฉันมาที่นี่เพื่อเจรจาเงื่อนไขกับนาย" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา
ฉู่เซวียนหัวเราะเยาะ "ฉันถูกนายขังไว้ที่นี้ ยังมีสิทธิ์ในการเจรจาหรอ?"
"พูดตามตรง ความคับข้องใจระหว่างนายกับฉันเคลียร์กันไปแล้วในครั้งที่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะปฏิบัติกับนายอย่างดี ทำไมนายยังเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีก นี้มันไม่มีผลดีต่อนายและตระกูลฉู่ของนายเลยแม้แต่น้อย" เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
ฉู่เซวียนพูดเบา ๆว่า "นายเลิกพูดให้เปลืองน้ำลายได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมิฉะนั้นคงไม่ไปหาเข้าที่มณฑลFหรอก"
เย่ฉ่าวเฉินจ้องเขาลึกลงไปราวกับใช้ประโยคนี้ตัดสินว่าเป็นความจริงหรือไม่
“นายไม่ต้องมองฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ แต่นายรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร”
ฉู่เซวียนแข็งไปทั้งตัว ใช่เขารู้ ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาและเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าเขากลับไปที่จุดเริ่มต้น เขาก็จะไม่ยินยอมเห็นใบหน้านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องคอยนึกถึงคนๆนี้
"นายอยากเจรจาเงื่อนไขไหม?" เย่ฉ่าวเฉินถามอีกครั้ง
ฉู่เซวียนเงียบไปนานและในที่สุดก็ยอมพูดออกมาว่า“ ยังไง?”
"ง่ายมากนายแค่พาฉันไปหาคนๆนั้นแล้วฉันจะปล่อยพวกนายไป"
ฉู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ“ นายเจรจาง่ายแบบนี้เลย?”
"ฉันแค่ต้องการลูกของฉันเท่านั้น สำหรับฉันชีวิตของพวกนายไม่มีค่าเลยสักนิด" ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินดุดัน
"ถ้าฉันไม่เห็นด้วยล่ะ?"
ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วงและเย่ฉ่าวเฉินจับหนังสือที่เขาอ่านเมื่อกี้ขึ้นมากลางอากาศด้วยมือของเขาแล้วพลิกหนังสือไปมากลางอากาศและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆาตกรรม
พฤติกรรมนี้ทำให้ฉู่เซวียนตกใจมาก เขาเคยได้ยินข่าวลือว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาและสามารถใช้เวทมนตร์ต่างๆได้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง
ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่สนุก เย่ฉ่าวเฉินควบคุมทุกอย่างในห้องให้ลอยขึ้นกลางอากาศแน่นอนว่ารวมถึงฉู่เซวียนด้วย เขาตกใจกลัวมากจนระยะหลังๆตะโกนขึ้นกลางอากาศว่า "เย่ฉ่าวเฉิน ปล่อยฉันลงไป "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...