"ไม่มีแฟนก็ไม่มีความมั่นใจนั้น กลับไปฉันต้องแก้ไขคำถามที่ถามขึ้นในวันนี้แล้วแหละ" หนานกงฉิงหันมายิ้มและถามเขา "แล้วคุณล่ะ?ต้องมีผู้หญิงสวยๆหลายคนนัดคุณไว้แน่ๆ "
"ไม่มีอารมณ์" เย่จิงเหยียนพูดเบา ๆ แต่หัวใจของเขากลับรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อออกมาจากประตูบริษัทลมกระโชกอย่างแรง ข้อมูลในมือของหนานกงฉิงก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นทันที เธอก้มศีรษะลงและหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เย่จิงเหยียนเองก็นั่งลงแล้วช่วยเธอ เมื่อหนานกงฉิงลุกขึ้นเธอก็หน้ามืดและขาอ่อนจนแทบล้มลงไป โชคดีที่มีมือที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งพยุงเธอไว้
“คุณเป็นอะไรไป?” เย่จิงเหยียนถาม
หนานกงฉิงเขย่าหัวไปมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดอย่างหมดหนทาง "โลหิตจาง เป็นมานานแล้ว บวกกับหลายวันมานี้ทำงานหนักเกินไปร่างกายก็เลยโต้แย้งขึ้นมา"
เย่จิงเหยียนเห็นใบหน้าของเธอซีดเผือด เพื่อไม่ให้เธอล้มลงอีกครั้งเขาก็เลยไม่ปล่อยมือออกและพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “สละเวลาไปโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าระดับเลือดต่ำเกินไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้"
“ขอบคุณมาก รอให้ช่วงนี้ผ่านไปก่อนเถอะ ฉันยังทนไหว”
"รถของคุณล่ะ?ผมไปส่ง"
หนานกงฉิงพูดติดตลกว่า "รถฉันรออยู่ที่ป้ายรถเมล์"
เย่จิงเหยียนถึงกับอึ้งและหลังจากเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรจึงพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งคุณเอง ยังต้องเดินไปอีกช่วงหนึ่งของถนน"
"ไม่ต้องหรอก ลำบากคุณมากเกินไป" หนานกงฉิงปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
"ไม่เป็นไร ยังไงซะผมก็ยังว่างอยู่ ไปกันเถอะ"
เย่จิงเหยียนหันหลังกลับเพื่อไปที่ลานจอดรถ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเลือดก็แข็งตัวและสมองของเขาก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่าในทันที
คนที่เอาแต่นึกถึงทั้งวันทั้งคืนยืนอยู่ข้างๆรถที่ไม่ไกลนัก สวมแว่นกันแดดและเผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆที่ขาวนวล มองไม่เห็นดวงตาของเธอแต่รู้สึกได้ถึงความโกรธที่แผ่ออกมาจากเธอ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ใช่ทหารจากครั้งที่แล้ว แต่เป็นชายร่างสูงใหญ่ที่รูปร่างดูเนี้ยบ มีดวงตาเย็นชา สวมเครื่องแบบทหารแบบเดียวกับเธอและมีมือข้างหนึ่งจับเอวเธอไว้ ...
หัวใจถูกทิ่มแทงอีกครั้ง เธอ ... หมายความว่าอย่างไร?
เมื่อหนานกงฉิงเห็นฉากนี้ก็ยืนอยู่เงียบๆโดยไม่พูดอะไร
เขาไม่พูดและเธอก็ไม่พูด
เมื่อทั้งสี่สบตากันเป็นเวลานาน ต้วนอีเหยาจึงพูดกับคนข้างๆเธอว่า "เราไปกันเถอะ"
เมื่อเย่จิงเหยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาและรีบก้าวพุ่งไปข้างหน้าหลายก้าว คว้าแขนของเธอไว้ทันทีแต่เธอก็สะบัดมันออกไป ดวงตาของเขาแสดงความเจ็บปวดที่เขามองไม่เห็นออกมา
"ทำไมคุณไม่บอกลาสักคำ" โทนเสียงของเย่จิงเหยียนต่ำลงและมองตรงไปที่เธอ พยายามคว้าแขนของเธออีกครั้งแต่ก็ถูกเธอสะบัดออกอีกครั้งเช่นกัน
“วันนั้นฉันมีเรื่องด่วน” ต้วนอีเหยาอธิบายอย่างเย็นชา
"เรื่องอะไรทำไมรีบขนาดนั้น ไม่ทันได้พูดอะไรเลยสักคำแม้แต่ข้อความเดียวก็ไม่มี" เย่จิงเหยียนจี้ถาม ราวกับว่าอยากระบายความเจ็บปวดทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันนี้ออกมา
ต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้นจ้องเขาโดยไม่พูดอะไร มีเรื่องบางเรื่องที่เธอไม่สามารถพูดได้
“ทำไมไม่พูด?” เย่จิงเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทันทีที่เห็นต้วนอีเหยาเขาก็สูญเสียการควบคุม
ต้วนอีเหยายิ้มอย่างเย็นชา“เย่จิงเหยียน คุณเป็นอะไรกับฉัน?ทำไมฉันต้องบอกคุณ?
คำพูดสำคัญที่ตรงประเด็นเหล่านี้ทำให้เย่จิงเหยียนได้รับผลกระทบทางร่างกายทันที ดูเหมือนว่าพอเขาได้ยินเช่นนั้นเสียงหัวใจก็ดัง "เปรี๊ยะ" แหลกสลายลงบนพื้น แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
จริงสิ เขาเป็นอะไรกับเธอ? มีสิทธิ์อะไรไปถามเธอ?
หายใจเข้าลึกๆ รวมกับความรู้สึกที่เจ็บปวดและความเสียใจ เย่จิงเหยียนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาและถามเธอประโยคสุดท้าย "คุณยังไม่ได้ให้คำตอบผม ผมต้องการคำตอบที่ชัดเจน"
ต้วนอีเหยามองไปที่สาวสวยที่ยืนอยู่ตรงประตูบริษัทและพูดอย่างใจเย็นว่า "คุณจะเจอคนที่เหมาะสมกับคุณ" หาคนที่มีชีวิตเหมือนกับคุณ มีเรื่องพูดคุยที่เหมือนกับคุณและสามารถอยู่กับคุณได้ตลอดเวลา ไม่ใช่แบบที่ฉันเป็น ผู้หญิงที่ตกอยู่ในอันตรายตลอ ไม่รู้ว่าจะตายวันหรือตายพรุ่งและไม่สามารถเป็นผู้หญิงที่อยู่กับคุณได้
วันนั้นยังแอบหวังตั้งหน้าตั้งตารอ แต่เมื่อกี้เพิ่งเห็นเขาและผู้หญิงคนอื่นที่เดินออกมาแล้วพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา เขาอยู่ในเมืองนี้และเหมาะกับการยืนอยู่ใต้แสงไฟที่ส่องแสงอันไกลโพ้น แต่เธออยู่ในสนามรบต้องเผชิญกับดาบปืนและเลือด บางครั้งเธอไม่กล้าแม้แต่จะใช้ชื่อจริงของเธอด้วยซ้ำแล้วทำไมเธอถึงต้องดึงเขาเข้ามาในชีวิตแบบนี้?
คำพูดไม่กี่คำของต้วนอีเหยาทำให้เย่จิงเหยียนพุ่งลงไปในนรกโดยตรง
ต้วนอีเหยาไม่สามารถทนมองเขาได้เพราะกลัวว่าจะหวั่นไหวขึ้นมา เธอจึงกระซิบบอกคนข้างๆเธอว่า "ฉันขึ้นรถเอง"
ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังต้องทำตามคำสั่งแล้วปล่อยมือที่จับเอวของเธอ
เมื่อเปิดประตู ต้วนอีเหยาก็หันหลังและกัดฟันแน่น นั่งอยู่ข้างคนขับด้วยท่าทางที่ดูปกติ หลังจากถอนหายใจอย่างโล่งอกเธอก็หันหน้าไปพูดกับเย่จิงเหยียนที่ยังคงเฉื่อยชาว่า“ สิ่งที่คุณพูดกับฉันมันจะคงอยู่ข้างในตลอดไป ฉันไม่มีทางบอกคนอื่นๆคุณไม่ต้องห่วง”
เย่จิงเหยียนมองเข้าไปในดวงตาของเธอ กัดฟันเอาไว้แล้วถามอย่างดุดัน "ถ้าคุณไม่ชอบผมแล้วทำไมยังมาหาผม?สงสารผมหรอ?"
ดวงตาของต้วนอีเหยาเป็นประกาย เธอไม่ได้อธิบายอะไรแค่พูดเบาๆว่า "จิงเหยียน ลาก่อน"
รถสตาร์ทอย่างรวดเร็วและพุ่งออกไปอย่างไว เย่จิงเหยียนเดินตามไม่กี่ก้าวแล้วหยุดลงและยืนมองสีเขียวเข้มนั้นที่ค่อยๆหายไป
ในรถ ต้วนอีเหยามองไปที่ร่างใครบางคนผ่านกระจกมองหลังที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานและน้ำตาสองหยดก็ร่วงหล่นไหลออกมาจากแว่นกันแดดของเธอ
คนที่มาพร้อมกับเธอคือชิงหลงจากกองทัพนักล่า เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ตกใจ รีบหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้เธอ“โอ้แม่เจ้า คุณร้องไห้เป็นด้วย?ผมคิดมาตลอดว่าคุณเป็นคนเหล็ก "
เขาไม่พูดออกมายังรู้สึกโอเคบ้าง แต่พอเขาพูด น้ำตาของต้วนอีเหยาก็ไหลออกมาอย่างกับสายน้ำ เธอถอดแว่นกันแดดออก รอยแผลที่หางตาเธอดูน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้
“อ้าว ทำไมร้องหนักขึ้นล่ะ?กัปตัน ผมผิดไปแล้วๆ คุณอย่าร้องเลย”
ต้วนอีเหยาสั่งจมูกแล้วดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตาและพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า "แม่ง ไม่ง่ายเลยที่จะชอบผู้ชายคนหนึ่งแล้วก็ปล่อยไปง่ายๆแบบนี้เลย จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไง?"
ชิงหลงตกใจอีกครั้ง ในขณะที่มองไปทางข้างหน้าเขาก็หันไปมองกัปตัน "คุณ ... คุณชอบไอ้หน้าขาวนั้นจริงๆหรือ?ยังจะพูดอะไรอีก?ผมจะพาคุณกลับไป ถึงจะต้องมัดเขาก็ต้องมัดแล้วพามาให้ได้”
"ไปไกลๆตีน!" ต้วนอีเหยาด่าเขาไปประโยคหนึ่ง "นายเป็นโจรหรือไงจะมัดเขามาอ่ะ"
"ไม่ใช่เพราะกัปตันชอบหรอ แล้วตอนนี้คุณจะเอายังไงต่อ?ตกลงจะกลับไปไหม?" ชิงหลงหัวดื้อแต่ก็ทำได้แค่ฟังต้วนอีเหยา
ต้วนอีเหยาหายใจเข้าออกช้าๆ ในกระจกมองหลังไม่มีร่างคนๆนั้นอยู่แล้ว มีความขมขื่นในรอยยิ้มของเธอ "กลับไปที่โรงพยาบาลเถอะ"
“ คุณไม่ต้องการไอ้ขาวนั้นแล้วหรอ? ผมดูๆแล้วเขาน่าจะชอบกัปตันมากเลยนะ”
"เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง อย่างไรซะตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอเขา" น้ำเสียงของต้วนอีเหยาแฝงด้วยความโกรธ ไม่ง่ายเลยที่เธอจะเอาชนะอุปสรรคที่ยากลำบากต่างๆแล้วหนีออกมาจากโรงพยาบาลได้ เธอมาหาเขาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข แต่เขากลับพูดคุยหัวเราะเฮฮากับผู้หญิงคนอื่นแถมยังมองไม่เห็นเธอเลยด้วยซ้ำ
ในประเด็นนี้ทำให้ต้วนอีเหยาไม่อยากสนใจเขาในตอนนี้
อย่างน้อยในอนาคต ถ้าเขาชอบผู้หญิงคนอื่นเข้าจริงๆก็แสดงว่าเย่จิงเหยียนไม่ใช่คนรักของเธอ
ค่อยๆเปิดแขนเสื้อออก ผ้ากอซสีขาวที่ปลายแขนซึมด้วยเลือดสีแดงสดและมันกำลังแพร่กระจายไปทั่ว
"ไอ้เด็กบ้า จับที่ไหนไม่จับมาจับตรงแผลพอดีแถมยังจับไปตั้งสองรอบ เจ็บจะตายอยู่แล้วเนี่ย" ต้วนอีเหยาบ่นเบาๆ
ชิงหลงไม่เข้าใจ "กัปตัน ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ให้ผมพยุงคุณขึ้นรถ?ทั้งๆที่เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บนั้นสาหัสมากแค่ไหน"
“ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันได้รับบาดเจ็บ” ต้วนอีเหยาอธิบายเบาๆ เธอเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโส ไม่ต้องการเห็นความสงสารหรือเห็นใจจากสายตาคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บนี้เธอจะอธิบายอย่างไร?
ดังนั้น ไม่พูดถึงดีกว่า
กลับไปถึงโรงพยาบาลทหารในเมืองA ต้วนอีเหยาเห็นคนคุ้นเคยสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องผู้ป่วยของเธอจากระยะไกล หัวใจเธอก็กระตุกเล็กน้อยรีบหันกลับมาและเตรียมตัวจะเดินออกไป
"กัปตันห้องผู้ป่วยอยู่ฝั่งนั้น คุณจะไปไหน?" ชิงหลงเสียงดังทำให้ดึงดูดความสนใจของบุคคลนั้นทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่ร่างกายของเธอ ต้วนอีเหยาอยากจะเตะผู้ชายคนนี้จริงๆ "เสียงดังขนาดนี้อยากตายหรอ?"
ชิงหลงแตะที่หลังศีรษะของเขาแล้วมีรอยยิ้มที่รู้สึกผิดเพราะเขาเห็นสองคนนั้นเดินมาหาพวกเขาและหนึ่งในนั้นเขาบังเอิญรู้จัก
"ผู้นำสวัสดีครับ!" ชิงหลงโค้งคำนับด้วยความเคารพอย่างนอบน้อม
คนที่เดินมาไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกของกองทัพC พ่อของต้วนอีเหยา ทหารต้วนรูปร่างเขาสูงใหญ่และแต่งกายในชุดเครื่องแบบทหาร มีผมขาวเล็กน้อย ผิวสีดำเข้ม โครงร่างของเขาดูมีอำนาจและดวงตาของเขาสงบราวกับน้ำลึกซึ่งยากที่จะคาดเดา
คนที่เดินตามเขาเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลทหาร
ผู้นำต้วนพยักหน้าให้ชิงหลงและมองไปที่ลูกสาวของเขาแล้วถามด้วยโทนเสียงต่ำ"จะไปไหนล่ะ?"
ต้วนอีเหยาหันกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม "พ่อ หนูคิดว่าหนูเดินผิดชั้น"
"ฮึ!" ผู้นำต้วนอุทานอย่างเย็นชา เขาไม่อยากดุลูกสาวตรงทางเดินจึงหันหลังเดินไปทางห้องผู้ป่วยของเธอ
ผู้อำนวยการชี้ไปที่เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ต้วนอีเหยาส่งยิ้มให้เขาแล้วประสานมือเข้าหากันและขอร้องให้เขาพูดอะไรดีๆออกมา
“มัวทำอะไรอยู่? ขาหักหรือไง?” ผู้นำต้วนหันหน้ามาถาม
ต้วนอีเหยาแลบลิ้นแล้วค่อยๆเดินตามหลังพ่ออย่างปวกเปียกทีละก้าว
เมื่อเข้ามาในห้องผู้ป่วย ผู้นำต้วนนั่งลงบนโซฟาสีดำในขณะที่ต้วนอีเหยายืนตัวตรง แม้ว่าขาของเธอจะเจ็บ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะนั่งโดยไม่ได้รับคำสั่งจากผู้นำ
ผู้อำนวยการพูดดีๆแทนต้วนอีเหยา "ผู้นำให้อีเหยานั่งลงเถอะ อาการบาดเจ็บที่ขาของเธอยังไม่หายดี"
“ฉันว่าดีขึ้นเยอะแล้วนิ ยังแอบหนีออกไปได้” ผู้นำต้วนพูดเยาะเย้ย
ผู้อำนวยการยิ้มแห้งแล้วขยิบตาให้ต้วนอีเหยา เพื่อส่งสัญญาณให้เธอรีบขอโทษเร็วๆ
ต้วนอีเหยาเข้าใจและพนมมือขึ้นยอมรับความผิดของเธออย่างเชื่อฟัง "พ่อ หนูผิดไปแล้ว หลังจากนี้ไม่กล้าทำอีกแล้ว"
“ยังมีหลังจากนี้อีก?” ผู้นำต้วนขมวดคิ้วหนาของเขาขึ้น
"ไม่มีหลังจากนี้แล้ว นี้เป็นครั้งสุดท้าย" ต้วนอีเหยารับประกันทันที
"ลูกรู้ไหมว่าการที่จู่ๆก็หายไปทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนมากแค่ไหน มีคนมากมายแค่ไหนที่ขึ้นๆลงๆตามหาลูก?" ผู้นำต้วนชะลอน้ำเสียงลงมาก สายจากผู้อำนวยการทำให้เขาตกใจมาก กลัวไอ้ตัวแสบนี้จะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...