เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ต้วนอีเหยาพบว่าตัวเองถูกมัดติดกับเก้าอี้ บริเวณนั้นมืดซะจนเธอมองอะไรไม่ชัด และร่างกายของเธอก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
"พรึ่บ——" แสงสปอตไลท์สว่างขึ้นตรงหน้าเธอ มันจ้าซะจนเธอต้องเธอต้องปิดตาลงทันที เมื่อปรับสายตาเข้ากับแสงได้แล้ว เธอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
นี่คือห้องขนาดเล็ก เรียบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง มีของวางระเกะระกะอยู่ตรงมุมห้อง
ชายในชุดดําหลายคนนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ยกขาขึ้นนั่งไขว้ ท่าทางหยิ่งผยอง หนึ่งในนั้นควงปืนในมือไปมาและเหน็บแนมขึ้นว่า "ฉันก็นึกว่าหน่วยกำลังพิเศษของกองทัพ C จะแน่สักแค่ไหนเชียว ที่ไหนได้"
"พวกแกเป็นใคร? ดูเหมือนเราจะไม่เคยพบกันมาก่อน" ต้วนอีเหยากล่าวอย่างเย็นชา
"จะเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ไม่สำคัญ" ชายคนนั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่ต้วนอีเหยา เขาใช้ปืนเชยคางของเธอขึ้น และยิ้มเบา ๆ "ตอนนี้ก็ได้เจอกันแล้วไม่ใช่หรือไง?"
"พวกแกคิดจะทําอะไร?"
"ในเมื่อผู้พันต้วนถามตรง ๆ แบบนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง ง่ายนิดเดียว แค่บอกมาเกี่ยวกับฐานทัพลับทั้งหมดของกองทัพ C แล้วพวกฉันจะปล่อยเธอไป"
ต้วนอีเหยาหัวเราะเสียงดัง "ต้วนอีเหยาคนนี้ไม่ได้เพิ่งจะเป็นทหารวันแรกนะ แกประเมิณฉันต่ำเกินไปหน่อยแล้วมั้ง"
"ดูท่าแล้ว เธอคงไม่อยากจะพูดสินะ?" ชายคนนั้นถามด้วยใบหน้าเย็นชา
ต้วนอีเหยาเอียงคอมองเขาแล้วพูดว่า "ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันคิดเรื่องนี้สักสองวันล่ะ?"
"เธอต้องการถ่วงเวลาให้คนมาช่วย? อย่าเพ้อฝันไปเลย สถานที่แห่งนี้ไม่มีใครสามารถค้นหาเจอหรอก" ชายคนนั้นมองทะลุความคิดของเธอ
"ฉันไม่หนีไปไหนหรอก เพียงแต่ฐานทัพลับของกองทัพ C มีมากมาย แกต้องให้เวลาฉันคิดด้วย" ต้วนอีเหยาพูดย้อนกลับ
ชายคนนั้นจ้องมองเธอด้วยสายตาเข้ม "เธอไม่ได้กำลังหลอกฉันใช่ไหม"
"ถ้าแกไม่เชื่อ งั้นก็ยิงฉันทิ้งไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา" ต้วนอีเหยาสีหน้าสงบนิ่ง
เธอเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะเป็นครั้งแรกและไม่มีประสบการณ์ เธอจึงแข็งข้อกับอีกฝ่าย จนทำให้เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดในครั้งนั้น โชคยังดีที่ทีมช่วยเหลือมาถึงทันเวลา ไม่เช่นนั้นเธอก็คงจะตายไปแล้ว
คราวนี้เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้นแล้ว หนีได้ก็ย่อมต้องหนี ต่อให้ตายก็ต้องตายในสนามรบ หากมาตายในมือของเจ้าลูกสมุนกลุ่มนี้ จะเป็นการทําให้ชื่อเสียงกองกำลังพิเศษของเธอเสื่อมเสียเปล่า ๆ
ชายคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากฆ่าเธอซะ กว่าจะจับมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังจะไม่ได้ข้อมูลใด ๆ ก็เท่ากับลงทุนไปเสียเปล่า แต่ถ้าจะให้เชื่อเธอ ดูยังไงเธอก็แค่จะเล่นลิ้นกับพวกเขา
หลังจากลังเลอยู่เพียงครู่เดียว เขาก็เลือกที่จะลองเชื่อเธอดู "สองวันนานเกินไป พรุ่งนี้เช้าคือเส้นตาย ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน"
"ไม่มีปัญหา ไหน ๆ ฉันก็ตกลงที่จะให้ที่อยู่แก่พวกแกแล้ว ขอข้าวกินบ้างได้ไหม? เมื่อท้องหิวฉันจะรู้สึกเวียนหัว เมื่อเวียนหัวฉันจะคิดอะไรไม่ออก" ต้วนอี้เหยาเริ่มเล่นลิ้น
ชายคนนั้นถลึงตาใส่เธอแล้วพูดอย่างดุดันว่า "ไม่มีข้าว เมื่อไหร่ที่คิดออกเมื่อนั้นถึงจะมีข้าวให้กิน"
ต้วนอี้เหยาแอบนึกอยู่ในใจว่า เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่ามันจะไม่ได้ให้อาหารกิน แต่จะเป็นลูกปืนแทนน่ะสิ
"ไม่มีข้าวก็ไม่เป็นไร ขอน้ำดื่มสักหน่อยได้ไหม?"
"น้ำก็ไม่มี!" ชายคนนั้นนั้นดึงกระชากคอเสื้อของเธอ "ต้วนอีเหยา เธออย่าคิดเล่นแง่อะไรกับฉัน ไม่อย่างนั้น......"
ต้วนอีเหยาหัวเราะเบา ๆ "พี่ชาย ฉันถูกแกวางยาแล้วยังถูกมัดไว้ที่นี่อีก ถามหน่อยเถอะ ฉันยังจะเล่นแง่อะไรได้อีก?"
"รู้ตัวก็ดีแล้ว" ชายคนนั้นละมือจากเธอ และพูดกับลูกน้องสองคนว่า "พวกนายเฝ้าเธอไว้"
"รับทราบ"
ภายในห้องนั้นเหลือเพียงต้วนอีเหยาและลูกสมุนอีกสองคน ต้วนอีเหยามีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับกําลังคิดว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร จะให้เธอเปิดเผยถึงฐานทัพลับของกองทัพฆ่าเธอซะยังดีกว่า
ที่ด้านนอกไม่มีเสียงใด ๆ มันเงียบกว่าหุบเขาในยามค่ำคืนเสียอีก อากาศค่อนข้างเย็นและมีกลิ่นอับชื้น ถ้าเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องใต้ดิน
ทั้งสามคนต่างจ้องตากันไปมาจนกระทั่งในตอนกลางคืน ต้วนอีเหยาเริ่มมีท่าทางแปลก ๆ เธอพูดกับลูกน้องสองคนนั้นอย่างกระอักกระอ่วน "พี่ชาย ฉันอยากเข้าห้องน้ำ"
"ไม่ได้" คนหนึ่งในนั้นกล่าว
"พี่ชาย ฉันพูดจริง ๆ ผ่านมาตั้งสามสี่ชั่วโมงแล้ว คนเราก็ต้องปลดทุกข์กันบ้าง" ต้วนอีเหยาทําหน้าเหมือนจะร้องไห้
ทั้งสองสบตากัน คนหนึ่งในนั้นลุกขึ้นและออกไปถาม
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับมา "ลูกพี่ใหญ่ถามว่าเธอคิดออกกี่ที่แล้ว? บอกมาสักหนึ่งแห่งแล้วจะปล่อยให้ไปเข้าห้องน้ำได้"
เวรเอ้ย เจ้าพวกนี้ก็ไม่โง่เหมือนกัน
เพื่อจะได้ออกไปสำรวจสถานการณ์ภายนอก ต้วนอีเหยาจึงจำใจพูดถึงฐานฝึกแห่งหนึ่ง แน่นอนว่ามันเป็นเพียงสถานที่ที่นาน ๆ จะไปฝึกกันสักครั้งเท่านั้น และเป็นฐานลับที่ไม่มีอะไรเลย สถานที่นั้นยังอยู่ห่างไกลมากอีกด้วย มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จัก
เมื่อชายคนนั้นได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วด้วยความดีใจ และรีบออกไปรายงานทันที หลังจากรออีกสักพัก ชายคนนั้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังมา
โอ้ เจ้าพวกโง่คงจะเชื่อแล้วสินะ
ผู้หญิงคนนั้นคาบบุหรี่ไว้ในปากของเธอ ประกายไฟจากก้นบุหรี่ส่องแสงริบหรี่ เมื่อเข้ามาถึงก็ผูกตาของเธอด้วยผ้าสีดํา จากนั้นก็ปลดเชือกที่ผูกติดอยู่กับหลังเก้าอี้ แล้วดึงเธอขึ้นมา
"ไปได้แล้ว" ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงแหลมสูง ทําให้คนฟังรู้สึกอึดอัด
"เธอไม่ปลดเชือกที่เท้าแล้วฉันจะเดินได้ยังไง?" อีกอย่างมือของเธอยังถูกมัดไพล่หลังเอาไว้อีก
"เดินไม่ได้แล้วกระโดดไม่เป็นหรือยังไง?" ในขณะที่พูดผู้หญิงคนนั้นก็ผลักเธออย่างแรง ต้วนอีเหยาที่ไม่ทันตั้งตัวก็ล้ม "ตุบ" ลงกับพื้น
ไหล่ของเธอกระแทกเข้ากับพื้นคอนกรีต มันเจ็บเสียจริง
"โอ๊ย" ต้วนอีเหยาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด เธอหันกลับมาด่าอย่างโมโห "แม่ง เป็นบ้าหรือไง? จะผลักหาอะไร?"
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเยาะและไม่ได้พูดต่อปากต่อคำ แต่หันไปพูดกับชายสองคนนั้นว่า "ดึงมันขึ้นมา แล้วตามฉันไป"
จากนั้นต้วนอีเหยาก็ถูกกระชากขึ้นมาจากพื้นอย่างรุนแรง เธอถูกมัดมือไว้ข้างหลังราวกับเป็นนักโทษ ต้วนอีเหยาได้แต่อดกลั้นเอาไว้ และค่อย ๆ กระโดดออกไปข้างนอก ในใจของเธอก็แอบคำนวณอย่างเงียบ ๆ
เมื่อออกจากประตูก็เลี้ยวขวา ไม่ได้ขึ้นบันไดอะไร กระโดดต่อไประยะหนึ่งก็เลี้ยวซ้าย ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมา ที่นี่น่าจะเป็นห้องครัวหรือไม่ก็ห้องรับประทานอาหาร หลังจากกระโดดเข้าไปข้างในอีกสิบกว่าครั้ง ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู จากนั้นต้วนอีเหยาก็ได้กลิ่นเหม็นคลุ้งโชยมา
ถึงห้องน้ำแล้ว
ผ้าสีดําที่ปิดตาไว้ถูกปลดออก ต้วนอีเหยามองไปที่พื้นห้องน้ำที่มีอุจจาระและปัสสาวะอยู่เรี่ยราด ก็รู้สึกคลื่นไส้จนเกือบจะอาเจียนออกมา
"เข้าไป" ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเย็นชา
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว "มีที่สะอาดกว่านี้ไหม?"
"ไม่มี!"
ต้วนอีเหยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระโดดขึ้นไปบนนั้น ชายสองคนที่คุมตัวเธอจ้องมองเธอด้วยดวงตาหื่นกระหาย จึงถูกเธอถลึงตามองกลับไป "จ้องอะไรกัน? ไม่เคยเห็นผู้หญิงเข้าห้องน้ำหรือยังไง?
บางทีอาจเป็นเพราะต้วนอีเหยาดูมีพลังอำนาจ ชายทั้งสองคนก็รีบหันหลังกลับทันที
ต้วนอีเหยาที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เธอมองตรงไปที่ผู้หญิงที่สูบบุหรี่อยู่ "เธอช่วยปลดเชือกที่มือให้ฉัน หรือไม่ก็ช่วยฉันถอด"
ผู้หญิงคนนั้นสูบบุหรี่เข้าลึก ๆ ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วเหยียบมัน และก่นด่าว่า "แม่ง เรื่องมากจริง ๆ"
ต้วนอี้เหยาคิดว่าเธอจะช่วยถอดกระโปรงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนีซะอีก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะถือตัว เลือกที่จะปลดเชือกที่มือออกให้อย่างหงุดหงิด
หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ต้วนอีเหยาก็สวมกระโปรงของเธอ ที่จริงเธอสามารถสู้ออกไปข้างนอกได้เลย แต่ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้จักกำลังของอีกฝ่ายนี้ เธอนิ่งไว้ก่อนจะดีกว่า ดีไม่ดี ทันทีที่ออกไปก็อาจถูกยิงจนพรุนทั้งตัวก็เป็นได้
เธอถูกมัดมือและปิดตาไว้อีกครั้ง และถูกนำกลับมาทางเดิม
กลางดึกคืนนั้น ต้วนอีเหยาที่กำลังหรี่ตาลงด้วยความสะลึมสะลือ ก็รู้สึกได้ว่ามีมือคู่หนึ่งกำลังสัมผัสที่หน้าอกของเธอ เธอรู้สึกขยะแขยง ต้วนอีเหยาลืมตาขึ้นเงียบ ๆ
"แกจะทําอะไรน่ะ?" เธอถามอย่างเย็นชา
ชายที่อยู่ตรงหน้าคือหนึ่งในคนที่เฝ้าเธอเมื่อตอนกลางวัน เขาเผยรอยยิ้มที่หื่นกามและพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "แล้วเธอคิดว่าฉันจะทําอะไรล่ะ?" ขณะที่เขาพูดไปก็เตรียมจะล้วงมือที่หยาบกร้านเข้าไปในคอเสื้อของเธอ
ต้วนอีเหยาโกรธมาก กระแทกหัวของเธอเข้าที่จมูกของเขาอย่างแรง ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว เธอก็หมุนเก้าอี้ไปฟาดเข้ากับแขนข้างหนึ่งของเขา เขาล้มลงกับพื้น จากนั้นต้วนอีเหยาก็ใช้เท้ากระทืบลงไปอย่างแรง
"อ๊า——" เสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดของชายคนนั้นทำลายความเงียบงันของคืนนี้
ไม่นานนัก ก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เจ้าหัวหน้าคนนั้นวิ่งเข้ามา เห็นว่าต้วนอีเหยายังคงถูกมัดไว้กับเก้าอี้เหมือนเดิม ในขณะที่คนที่ได้รับคําสั่งให้มาเฝ้ากลับล้มอยู่กับพื้นพร้อมกับเลือดอาบหน้า
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" ชายคนนั้นถามอย่างดุดัน
ต้วนอีเหยาเหลือบมองเขาพลางหัวเราะเย้ยหยัน "มีคนคุมมือของตัวเองไม่อยู่ ฉันจึงช่วยคุมแทน"
เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาเตะไปที่ขาของลูกน้องคนนั้น "เจ้าคนไร้ประโยชน์ ไสหัวไปซะ!"
ชายที่ใบหน้าเปื้อนเลือดกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด ลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งออกไป
"ต้วนอีเหยา เธออย่าอวดดีให้มากนัก"
อารมณ์โกรธของต้วนอีเหยายังคงคุกรุ่นอยู่ เธอยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา "แกอาจจะไม่รู้จักฉันดีนัก ฉันก็เป็นคนอวดดีแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว"
"เธออย่าลืมซะล่ะว่าฉันสามารถเอาชีวิตเธอได้ตลอดเวลา"
ต้วนอีเหยาหัวเราะและพูดว่า "ฉันรู้ แต่ถ้าฉันตายไป แล้วแกจะไปหาคนที่รู้จักกับกองทัพ C อย่างดีมาจากไหนได้อีก? แกอย่าลืมนะว่า ต้วนอีเหยาคนนี้ไม่ได้เป็นแค่หน่วยกำลังพิเศษเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกสาวของผู้บัญชาการทหารด้วย ถ้าหากแกฆ่าฉัน ต่อให้แกจะหนีไปถึงสุดล่าฟ้าเขียว พ่อของฉันก็จะบดขยี้แกจนแหลกเป็นเถ้าถ่านแน่ แต่ในทางกลับกัน การที่ฉันมีชีวิตอยู่ มันก็ทำให้แกยังมีค่า"
ชายคนนั้นนิ่งอึ้งไป สุดท้ายก็หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคํา
เคร้ง เคร้ง ประตูเหล็กของห้องเล็กถูกล็อค
ต้วนอีเหยาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เอาล่ะ ในที่สุดคืนนี้ก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ยังต้องเตรียมจัดการกับเจ้าหมอนี่อีก และเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งคนกลุ่มนี้มา ถึงกับคิดจะล้วงความลับของประเทศชาติ
วันรุ่งขึ้น ต้วนอีเหยาปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมา การที่เธออยู่ที่ชั้นใต้ดิน ทำให้ไม่รู้ว่าข้างนอกนั้นฟ้าสว่างแล้วหรือยัง
นิ้วที่ยืดหยุ่นทั้งสิบคลำอยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง ก่อนจะปลดเชือกป่านเส้นหนาออก
การจะมัดเธอไว้ด้วยของแบบนี้มันเด็กเกินไป เธอเรียนรู้เรื่องการผูกเชือกและปลดเชือกมาเป็นร้อยวิธี และวิธีที่ใช้มัดเธอไว้นี้ก็ง่ายเหลือเกิน
ต้วนอีเหยาอยากจะปลดเชือกที่เท้าออกเพื่อขยับแขนขา แต่เกรงว่าภายในบ้านหลังนี้จะมีกล้องวงจรปิดอยู่ ดังนั้นเธอจึงงดการฝึกซ้อมตอนเช้าไปก่อน
ในตอนนั้นเองเสียงไขกุญแจห้องก็ดังขึ้น ต้วนอีเหยารีบมัดตัวเองไว้อีกครั้ง โดยยังคงมัดตามเงื่อนเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...