การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ร้านเหล้าเงียบลงอย่างกะทันหัน แม้กระทั่ง DJ ก็หยุดเพลงลงลุกขึ้นมาดูทางนี้
เย่ชูวเสวียปรบมือและพูดกับอีกห้าคนที่เหลือว่า “ยังจะดื่มเหล้าอีกเหรอ ?”
ทั้งห้าคนเมามีสติเพียงครึ่งเดียว คุณมองฉัน ฉันมองคุณ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
คนที่นอนอยู่ที่พื้นตะโกนด่าว่า “นังโสเภณีนี่ กล้าตบกู กูไม่ปล่อยพวกมึงไปแน่”
มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่มีทางเลือก จึงลงมือ ผู้ชมมองเห็นเพียงผมสีดำปลิวไสวกระโปรงแดงเต้น เพียงระยะเวลาสั้นๆ ทั้งห้าคนก็ไปนอนอยู่บนพื้น ไม่กอดหัวกอดขาก็กอดท้อง และคนที่ตบตีก็ดูผ่อนคลายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยืนสวยอยู่ตรงกลางพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
รองเท้าส้นสูงแหลมของเธอเหยียบบนมือชายคนนั้น เย่ชูวเสวียยิ้มในใจและพูดว่า “พวกแกกลุ่มนี้คิดว่าหมัดของตัวเองแข็งแกร่งกว่าคนอื่นก็เลยสามารถมาวุ่นวายในเมือง A ได้ ? คิดว่าผู้หญิงจะรังแกได้ง่าย ? พวกแกไปเอาความมั่นใจนี้มาจากใคร ? ฉันจะบอกแกนะ ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นอีก เจอครั้งหนึ่งตบครั้งหนึ่ง ยุติธรรมหน่อย ฉันจะไม่พึ่งพาพ่อของฉันเย่ฉ่าวเฉิน ฉันจะพึ่งพาหมัดตัวเอง เป็นยังไง ?”
“ผมไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าแล้ว…….”ชายคนนั้นเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ได้ และเขาก็ตื่นขึ้นมาจากความเมา และแน่นอนเขาไม่กล้าแกล้งอีกแล้ว
“ผู้จัดการ ความเสียหายในร้านเหล้านี้ก็นับรวมเป็นค่าเหล้าของพวกมัน ถ้าไม่ให้ก็แจ้งความ นี่อย่างน้อยก็น่าจะสักประมาณสองสามหมื่นหยวน เพียงพอที่พวกมันจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”
“ครับ คุณเย่” ผู้จัดการตอบรับด้วยความเคารพ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงหมื่นหยวน เขาก็จะนับเป็นหมื่นหยวน
หลังจากเย่ชูวเสวียจัดการธุระเสร็จ และจับมือของพี่ชายเธอเดินออกไป ในฝูงขนไม่รู้ว่าใครตะโกนมา ตามด้วยเสียงตะโกนจากด้านบนและเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น
เย่ชูวเสวียเกือบจะล้มลง เธอมองเห็นคนมากมายจากข้างล่าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเชียร์เธอ ทำให้เธอรู้สึกเขินอายหน้าแดงเล็กน้อย เงยหน้ายิ้มให้กับทุกคน และรีบพาพี่ชายออกไปอย่างรวดเร็ว
ผลักเย่จิงเหยียนเข้าไปข้างหลังรถ เย่ชูวเสวียสูดลมร้อนในฤดูร้อน และรู้สึกสบายตัวในทันที
เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย หนึ่งคือไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธออย่างนี้ สองคือไม่มีโอกาสเจอเรื่องแบบนี้ สามคือพี่ชายและบอดี้การ์ดถูกจัดการไปก่อนแล้ว เธอจึงมองดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆต่อไป วันนี้ได้ลองความสามารถ ไม่คิดเลยว่าจะรู้สึกสนุกขนาดนี้
“มันสนุกมากเลย. เย่ชูวเสวียพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“สนุกพอรึยัง ?” จู่ๆเสียงของเย่จิงเหยียนก็ดังขึ้น
เย่ชูวเสวียตกใจจนเหยียบเบรกกะทันหัน หันหลับมามองเย่จิงเหยียนที่เมาและถามด้วยความแปลกใจว่า “คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
เย่จิงเหยียนขยี้คิ้วและพูดเสียงดุดันว่า “ตั้งแต่ที่เธอหยิบขวดเหล้าตีหัวคน”
“ถ้างั้นทำไมถึงยังแกล้งหลับ ? ฉันแบกคุณออกมาเหนื่อยขนาดนี้ ?”
เย่จิงเหยียนแกล้งเธอ “หืม ? ฉันไม่แกล้งหลับ จะรู้ได้ยังไงวาเธอจะทำอะไรต่อ ?”
เย่ชูวเสวียยกคางเล็กๆขึ้นยิ้มอย่างมีชัย และขับรถต่อ “เป็นยังไง ? ฉันไม่ทำให้ตระกูลเย่ขายหน้าใช่ไหม ”
เย่จิงเหยียนพูดอย่างเงียบๆว่า “ไม่ คุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่เก่งขนาดนี้ คนเดียวล้มนักเลงหกคน แค่ได้ยินก็ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นแล้ว ดูเถอะ พรุ่งนี้พาดหัวข่าวออกมาแน่”
“จริงเหรอ ?”
“เธอคิดว่าไงล่ะ ?”เย่จิงเหยียนถามกลับ
เย่ชูวเสวียกัดปากและเงียบไปเป็นเวลานาน “พี่ชาย จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ”
เย่จิงเหยียนนอนอยู่ที่เบาะหลัง “กลัวอะไร ? กลัวว่าตระกูลเย่ของเราจะจัดการกับเรื่องเล็กน้อยนี่ไม่ได้ ? ตีก็ตีแล้ว ถ้าหากเมื่อกี้ฉันตื่นขึ้นมา ฉันว่าฉันจะตีหนักกว่าเธอ บังอาจมาด่าเสี่ยวหรูอี้ของพวกเรา”
เย่ชูวเสวียยิ้มอย่างเงียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอรู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าเธอจะเจอปัญหาใหญ่แค่ไหน ก็ยังมีพี่ชายกับพ่ออยู่ข้างหลัง แน่นอนว่าเธอก็มีสมอง แต่ก็ไม่สามารถจัดการเรื่องใหญ่ได้มากนัก
ทั้งสองยังไม่ทันกลับถึงบ้าน มู่เทียนเย่ก็โทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของเย่ฉ่าวเฉิน และอธิบายวีรกรรมของเย่ชูวเสวียที่ร้านเหล้าอย่างละเอียด เย่ฉ่าวเฉินได้ยินก็จิตใจเบิกบาน และพูดหัวเราะใหญ่ว่า “สมกับที่เป็นลูกสาวฉันจริงๆ เยี่ยมมาก”
มู่เวยเวยฟังแล้วก็ส่ายหัว “พวกคุณชินกับเธอแล้วจริงๆ”
“เธอเป็นลูกสาวของพวกเรา พวกเราไม่ชินใครจะชิน ?”ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความภูมิใจ
มู่เวยเวยพูดไม่ออก เอาเถอะ ที่จริงแล้วเธอก็รักลูกสาวคนนี้มากเช่นกัน เธอรู้เรื่องมาก เธอไม่เคยพึ่งพาความงามและภูมิหลังของครอบครัวเลย ไม่เหมือนกับเย่จิงเหยียนที่ชอบออกไปเที่ยว หลายปีมานี้ลูกมักจะเป็นเด็กดีอยู่กับเธอและเย่ฉ่าวเฉิน ถึงแม้ว่าจะออกเดินทางไปเที่ยวไกลๆ อย่างมากก็แค่เดือนสองเดือนเท่านั้น ทำได้ขนาดนี้ เธอก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งแล้ว
ในช่วงหลายปีมองดูเธอสวยขึ้นเรื่อยๆ มู่เวยเวยรู้สึกกังวลเล็กน้อย มีคำพูดที่ว่าหญิงงามมักอาภัพ พระเจ้าประทานความสามารถนี้ให้แก่เธอ และก็ให้ใบหน้านี้แก่เธอ และบางสิ่งจะต้องถูกพรากไป แต่จนถึงตอนนี้ ก็แทบจะยังไม่เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้น หรือว่าพระเจ้าจะลืมเธอแล้ว ?
ในวันรุ่งขึ้น ก็เป็นจริงดั่งเย่จิงเหยียนพูดไว้ วิดิโอและรูปภาพที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเย่ตบคนหกคนแพร่กระจายบนอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว และก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ทุกคนคิดว่าเย่ชูวเสวียเป็นเพียงเจ้าหญิงผู้งดงาม ไม่คิดเลยว่าจะมีด้านที่กล้าหาญเช่นนี้ โดยเฉพาะคำพูดที่สั่งสอนนักเลงพวกนั้น ซึ่งมันดึงดูดแฟนคลับเป็นจำนวนมาก บนอินเตอร์เน็ตทุกคนต่างชื่นชมความแข็งแกร่งของเธอจนยกย่องเป็นแฟนหนุ่ม ทุกคนล้วนตะโกนอยากจะแต่งงานกับเธอ
เย่ชูวเสวียหัวเราะเบาๆขณะที่นั่งอยู่บนโซฟากินแอปเปิ้ลพลางอ่านความคิดเห็นพวกนี้ ด้วยความภาคภูมิใจและตื่นเต้น
“พอแล้ว ดูมาทั้งเช้าแล้ว ยังยิ้มอยู่ได้”
เย่ชูวเสวียรีบไปข้างๆมู่เวยเวย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หม่าม้า บนอินเตอร์เน็ตน่าสนใจมาก เรียกฉันเป็นสามี และยังจะให้ลิงกับฉันอีก”
มู่เวยเวยผลักศีรษะของเธอและยิ้มพูดอย่างอ่อนโยนว่า “โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีใครตาย”
“ม๊า คุณไม่ต้องห่วง ฉันระงับได้”
“รู้ก็ดีแล้ว เธอเป็นคนที่ฉันกังวลที่สุด” มู่เวยเวยถามเธอด้วยเสียงต่ำ “เมื่อวานพี่ชายเธอเป็นอะไร ? ฉันเห็นว่าเช้าวันนี้ยังไม่ทันทานเช้าก็ไปทำงานแล้ว”
เย่ชูวเสวียพูดพลางเล่นโทรศัพท์ “ฉันก็ไม่รู้ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ตามที่ฉันคาดเดา 80%น่าจะเกี่ยวข้องกับสาว”
มู่เวยเวยพยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนี้ เอ๊ะ ทำไมวันนี้เธอถึงไม่ไปทำงาน ?”
“ไม่รีบ ให้ฉันได้ภูมิใจสักนิดหนึ่งก่อน”
มู่เวยเวยลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พวกเราทั้งครอบครัวไปเยี่ยมคุณปู่เสี่ยวกัน”
เย่ชูวเสวียวางโทรศัพท์มือถือในมือลง เงยหน้าถาม “อาการป่วยของคุณปู่เสี่ยวยังไม่ดีขึ้นเหรอ ?”
“กลับมาหนักอีกแล้ว เมื่อวานย้ายไปที่โรงพยาบาลทหาร ได้ยินมาว่าเทคโนโลยีที่นั่นดี”
“อ่อ เข้าใจแล้ว”
ทั้งวันเย่จิงเหยียนไม่มีสมาธิกับการทำงาน เมื่อวานนี้ในบางครั้งสายตาเขาก็มองเห็นต้วนอีเหยา ทันใดนั้นก็เกิดคำถามขึ้นมามายในใจเขา
ทำไมหน้าของเธอถึงขาวขึ้นขนาดนั้น ? ทำไมผู้ชายคนนั้นต้องโอบเอวเธอ ? และ ทำไมตอนที่ขึ้นรถ เธอต้องบอกกับคนนั้นด้วย ว่าเธอขึ้นรถเอง ? หรือพูดอีกนัยว่า เดิมทีชายคนนั้นต้องการพยุงเธอขึ้นรถ ?
ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องพยุงเธอขึ้นรถ ? อีกอย่างท่าทางก็เหมือนกับตอนปกติ แต่เมื่อวานตอนเธอขึ้นรถเธอขึ้นช้ากว่าปกติมาก......
หรือว่าเธอ.....ได้รับบาดเจ็บ ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ใจของเย่จิงเหยียนก็ว้าวุ่น เขาเสียใจจะตายแล้ว ทำไมต้องหุนหันอย่างนี้ ? เธอมาก็ดีมากแล้ว ทำไมถึงต้องหุนหันพูดกับเธอแบบนั้น ? ยังถามว่าเธอไปไหนมาอีก ?
จบแล้วจบแล้ว เธอต้องคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไร้เหตุผลแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเขากังวลเกินไป ทำไมคำที่จะพูดถึงเปลี่ยนไปได้ล่ะ ?
เมื่อคิดถึงประโยคสุดท้ายที่เธอพูด ใจเย่จิงเหยียนก็หดเล็กเป็นลูกบอล เธอบอกว่า จิงเหยียนลาก่อน
เธอจะไม่เจอเขาอีกแล้วเหรอ ?
เธอเกลียดคนที่ไม่เข้าใจเธอที่สุด เมื่อเห็นเธอปฎิบัติกับคู่เดทก็รู้แล้ว เพียงแค่ความเห็นต่างก็ยอมรับฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาสารภาพเขาก็แค่จะบอกว่าเข้าใจเธอ
ในเวลานี้เย่จิงเหยียนจะเสียใจต่อไปไม่ได้แล้ว ความเงียบที่รักษามายี่สิบปีมันจะมีประโยชน์อะไร ? หุนหันครั้งเดี๋ยวก็ผิดพลาดไปหมด
หลังจากหลับตาทำสมาธิเป็นเวลานาน ในที่สุดเย่จิงเหยียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาพ่อของเขา
เขาไม่สามารถคิดแบบนี้ต่อไปได้แล้ว เขาต้องหาต้วนอีเหยา และเคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดเจน ถึงแม้ว่าคำตอบของเธอจะยังคงเดิม เขาก็ต้องหาเธอก่อน ดูว่าเธอปลอดภัยสงบสุขดี
“ผิงอัน มีธุระอะไร ?”
“พ่อ ตอนนี้คุณยุ่งอยู่รึเปล่า ?”
“ไม่ยุ่ง กำลังดื่มน้ำชากับลุงเธออยู่”
เย่จิงเหยียนหยุดลงสองสามวิก่อนที่จะพูดต่อว่า “พ่อ คุณช่วยผมหาต้วนอีเหยาหน่อยได้ไหม ?”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปชั่วขณะและถามเขาว่า “คุณยังอยากจะหาเธอ ?”
“อืม มีบางเรื่องผมต้องการรู้อย่างชัดเจน”
“เมื่อวานคุณเจอเธอแล้วใช่ไหม ?”
เย่จิงเหยียนลุกขึ้นและถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณรู้ได้ยังไง ?”
เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครในครอบครัว
เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้ปิดบังอะไร “เมื่อคืนคุณไปดื่มเหล้า ก็มีข่าวมาว่า มีบางคนในกองทัพกำลังตรวจสอบภูมิหลังของคุณ ฉันคิดว่าไม่มีใครตรวจสอบมันมาก่อน แต่จู่ๆเมื่อวานก็พบเข้า จึงคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพวกคุณสองคน”
เย่จิงเหยาจัวแข็งทื่อ ต้วนอีเหยาไม่ตรวจสอบเขาแน่ น่าจะเป็นพ่อของเธอ พูดมาอย่างนี้ ต้วนอีเหยาเอาเรื่องของพวกเขาบอกพ่อของเขา ?
“จิงเหยียน ? ทำไมไม่พูดอะไรแล้ว ?”
เย่จิงเหยียนสติกลับมา “พ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณจะหาเธอไหม ?”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจและพูดว่า “จิงเหยียน คนของทางกองทัพไม่ใช่ว่าใครก็ตรวจสอบได้ และพ่อเดาว่าตำแหน่งของต้วนอีเหยาคนนี้ไม่ธรรมดา มันเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกอย่างพวกเราจะตรวจสอบได้ ดังนั้น......”
ดังนั้นอะไร เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่ความหมายคืออะไร เย่จิงเหยียนก็พอจะรู้แล้ว
หน้าต่างแห่งความหวังถูกปิดลงอย่างแน่นหนา ในใจของเขา พ่อคือคนที่มีอำนาจทุกอย่าง ถึงแม้พ่อจะบอกว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่เรื่องนี้......
“ผมรู้แล้วครับพ่อ เชิญคุณดื่มชาเถอะ”
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเสียงผิดหวังของลูกชายก็ทนไม่ได้จึงพูดว่า “ผิงอัน ถ้าหากว่าคุณอยากเจอเธอจริงๆ พ่อจะลองดู แต่มันอาจจะไม่ได้ผล”
“ขอบคุณครับพ่อ”
หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินก็ถอนหายใจ มู่เทียนเย่จึงถามเขาด้วยความแปลกใจว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? เกี่ยวข้องกับทหารได้อย่างไร ?”
เย่ฉ่าวเฉินเล่ารายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
“ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะหลงใหลมากขนาดนี้ ?” มู่เทียนเย่พูดอย่างมีอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...