เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว คิดแล้วก็เบะปาก “พี่สาวใจร้ายเกินไปไหม? พูดไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ พี่คะ พี่ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันอยากเอามันมาวางไว้ในห้องผู้ป่วย คุณย่าชอบดอกไม้ที่สุด อย่างนี้แล้วย่าจะได้มีความสุขขึ้นมาหน่อย
“อืม โอเค” เย่จิงเหยียนพยักหน้า
ห้องทำงานแพทย์
“ซีหร่าน คุณเป็นเพื่อนผมมานาน ผมอยากจะเตือนคุณสักหน่อย เมื่อกี้ที่เพิ่งเอ่ยถึงคนนั้นไปพวกคุณอย่าไปฟังเลย ไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับคุณได้ อีกทั้งเธอก็ไม่ใช่คนที่พวกคุณควรจะฟัง”
เสี่ยวซีหร่านเห็นเขาจริงจังก็อดถามไม่ได้ว่า “คนที่ร้ายกาจมาก?”
คุณหมอยิ้มอย่างน่าหลงใหล “ฉันพูดไปตั้งมากมายแล้ว”
“โอเค ขอบคุณค่ะ”
ขณะเดียวกัน ต้วนอีเหยากำลังนั่งอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่บนม้านั่งที่สนามหญ้าของโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องอาบแดดให้มากๆจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ชิงหลงคอยดูแลเธอไม่ห่างและกำลังปอกแอปเปิ้ลให้เธอ
“เฮ้อ ไม่ได้อยู่ว่างๆแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน นายบอกว่าเมื่อพวกเราออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม้แต่ปืนก็เอาไปด้วยไม่ได้ด้วยใช่ไหม” ต้วนอีเหยาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
ชิงหลงหัวเราะ “หัวหน้าคุณจะเอาปืนไปได้หรือเปล่าผมไม่รู้หรอกนะแต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็จะฝึกฝนมันทุกคืนครับ”
“ฉันได้ยินมาหมดแล้ว ไอ้เด็กใจแคบ ไม่ยอมให้ฉันแตะต้องสักนิด” ต้วนอีเหยาพูดอย่างตรงไปตรงมา
เพื่อปกป้องเธอ ชิงหลงสั่งให้ทำเตียงเดี่ยวให้ในห้องของต้วนอีเหยา กลางคืนเอาไว้นอน กลางวันก็เก็บเอาไว้ ดังนั้นเมื่อชิงหลงเล่นปืนต้วนอีเหยาได้ยินเข้าก็รู้สึกคันไม้คันมือแต่กลับแตะต้องมันไม่ได้เลย
ชิงหลงยื่นแอปเปิ้ลที่ปอกแล้วให้เธอและทิ้งเปลือกลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกล ทำเสร็จก็นั่งลงที่ตรงข้างเธอ “หัวหน้า ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณเล่นนะครับ แต่หมอบอกว่าแขนของคุณบาดเจ็บขยับมากไม่ได้”
“แจ๊บๆ” ต้วนอีเหยาทั้งเคี้ยวแอปเปิ้ลทั้งพูดไปด้วย “ เรื่องได้รับบาดเจ็บที่ผิวภายนอกนี้ฉันยังต้องอยู่กับมันอีกครึ่งเดือน ฉันคิดว่าตาแก่นั่นจงใจแก้แค้นฉันแน่”
“ท่านผู้นำจะแก้แค้นคุณไปเพื่ออะไร?”
“เฮอะ เขาโกรธที่ฉันหนีนัดบอดน่ะสิ”
ขณะต้วนอีเหยากินแอปเปิ้ลหางตาก็เหลือบมองเห็นหนุ่มหล่อสาวสวยคู่หนึ่ง ผู้หญิงถือดอกไม้ไว้ในอ้อมแขนและชายหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่ง วัดจากสายตาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก
“เธอใช้แขนสกิดลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง “ชิงหลง สาวสวย”
“ไหนไหน?” ชิงหลงรีบถามขึ้น
ต้วนอีเหยาใช้คางพยักพเยิด “ฝั่งทางเข้าโรงพยาบาล”
พอชิงหลงเห็นตาก็วาววับขึ้นมาทันที “แม่เจ้าโว้ย เกิดมาสวยอะไรขนาดนี้ เอ๊ะ ตาสีม่วง หัวหน้าคุณรีบดูสิ...หัวหน้า?”
ชิงหลงหันมามองหัวหน้า เห็นว่าเธอกัดแอปเปิ้ลเข้าไปในปากแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เคี้ยวและมองอย่างว่างเปล่า แสดงออกถึงความสับสนเป็นอย่างมาก
“หัวหน้า คุณเป็นผู้หญิงนะ ไม่ต้องมองผู้หญิงขนาดนี้ก็ได้” ชิงหลงมองไปที่สาวสวยอีกครั้งและสายตาก็ไปหยุดที่ชายหนุ่มข้างกายเธอ เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและชี้ไปที่ทั้งคู่ที่อยู่ไกลออกไปพร้อมทั้งพูดว่า “หัวหน้า นั่นใช่ไอ้หน้าขาวไหม?”
ต้วนอีเหยาดึงสติกลับมาและถลึงตาใส่เขา ใช้แรงที่มีเคี้ยวแอปเปิ้ลราวกับอยากระบายความโกรธ “เอะอะเกินไปละ นั่งลง”
ชิงหลงรีบนั่งลง เขาตื่นตระหนกมากเป็นพิเศษ “หัวหน้า นั่นมันไอ้หน้าขาวจริงๆ”
“ฉันเห็นแล้ว จะเน้นอะไรหลายรอบ” ต้วนอีเหยาพูดอย่างโกรธแค้น อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอีกรอบ สองคนนั้นกำลังพูดคุยหัวเราะกัน ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากๆเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอเคยเห็น ที่สำคัญคือมือของผู้หญิงคนนั้นที่วางอยู่บนท่องแขนเขา ท่าทีของเขาช่างดูสบายใจเหลือเกิน
ชิงหลงเฝ้าดูสองคนนั้นที่เดินหายลับเข้าไปล็อบบี้ของโรงพยาบาลก่อนจะหันหลับมาชื่นชม “ผู้หญิงคนนั้นเกิดมาสวยมากจริงๆ ผมยังไม่เคยเห็นสาวคนไหนสวยขนาดนี้มาก่อน…” จู่ๆข้างกายก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือก จึงรีบหุบปากลงทันที “หัวหน้า คุณเห็นว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจก็คือการไม่ไว้ใจ เมื่อสองวันก่อนยังเห็นว่าเขาอยู่ด้วยกันกับสาวอื่นอยู่เลย มาวันนี้เปลี่ยนอีกแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคนเจ้าชู้อย่างกับสับปะรด โชคดีที่คุณฉลาดเลือก ไม่อย่างนั้นตอนคุณอยู่ข้างนอกบ่อยๆ เขาก็ยังไม่รู้ว่า….”
“ชิงหลง นายพูดมากไปละ” ต้วนอีเหยาพูดเสียงเย็น ตอนนี้ใจของเธอหงุดหงิดมากที่สุด ถึงแม้ว่าเย่จิงเหยียนจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม แต่พอนึกถึงวันนั้นแล้วเธอยังอยากจะตอบตกลงกับเขาอยู่ดี แต่มาวันนี้กลับดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขัน
นอกจากนี้ ตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจเย่จิงเหยียนเลยสักนิด ภาพในความทรงจำต่อเย่จิงเหยียนเมื่อยี่สิบปีก่อนเขายังเป็นหนุ่มน้อยน่ารักอยู่เลย พอเจอกันอีกเพียงแค่สองถึงสามครั้ง ไม่นึกเลยว่าจะถูกคำพูดหวานๆของเขาทำให้หวั่นไหวได้ เกือบจะตกลงเป็นแฟนกับเขา คิดแล้วก็เหมือนกับคนโง่ ลืมไปว่าคนเราเปลี่ยนไปได้เสมอ มาวันนี้เขานิสัยเป็นอย่างไร ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เธอไม่รู้อะไรเลยสักนิด
แล้วไปเถอะ ไม่ว่าอย่างไรหลังจากนี้ก็ไม่อยากพบอีกอยู่ดี เขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลที่ร่ำรวยส่วนเธอยังคงเป็นทหารฝึกซ้อมในสนามรบต่อไป นี่ก็ดีที่สุดแล้วแหละ
คิดแล้ว ภายในใจของต้วนอีเหยาก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เธอพูดกับชิงหลงว่า “ถึงเวลากินยาแล้วใช่ไหม พวกเรากลับกันเถอะ”
“อ้อ” ชิงหลงยังอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย เขาประคองต้วนอีเหยาเดินไปยังแผนกผู้ป่วยช้าๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน แม้ว่าเย่จิงเหยียนจะไปโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่ทั้งสองคนกลับไม่เคยได้พบกัน เพราะคุณปู่เสี่ยวอยู่ที่ชั้นสามแต่ต้วนอีเหยาอยู่ที่ชั้นหก
หลังพักฟื้นร่างกายได้สองสามวัน ร่างกายของต้วนอีเหยาก็หายดีเกือบทั้งหมด ยกเว้นรอยมีดที่อยู่บนหน้าท้องยังร้ายแรงอยู่ แผลที่หลังแขนและทรวงอกก็ค่อยๆตกสะเก็ด ไม่ได้มีอะไรน่าห่วงมากแล้ว แต่มันนี่ว่างมากจริงๆ กระดูกเธอแทบจะอ่อนปวกเปียกไปหมดเพราะไม่ได้ทำอะไร
“คุณหมอ ตอนไหนฉันจะออกโรงพยาบาลได้คะ? หมอดูสิ ฉันหายดีหมดแล้วนะ หมอให้ฉันออกจะโรงพยาบาลดีไหม?”ต้วนอีเหยาดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยสะเก็ดแผลสีน้ำตาล
คุณหมอฟังคำพูดนี้จนหูชาหมดแล้ว แต่หมอก็ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มตาหยีว่า “ไม่ได้ครับ อาการบาดเจ็บที่หน้าท้องและเท้ายังไม่หายดี ท่านผู้นำก็กำชับมาว่าถ้าคุณยังไม่หายดีห้ามให้ออกจากโรงพยาบาล”
ต้วนอีเหยาลุกโดดออกจากเตียง “ฉันจะไปหาผู้อำนวยการ”
ชิงหลงรีบจับตัวเธอไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ “เฮ้ย หัวหน้า ช้าๆหน่อยได้ไหม”
“กูไม่ใช่คนท้องนะเว้ย ที่จะเดินช้าๆคอยดูลูกที่อยู่ในท้อง” ต้วนอีเหยาเวลาโมโหก็ชอบระเบิดคำหยาบออกมา ถึงอย่างไรรอบตัวเธอก็เป็นผู้ชาย คำหยาบพวกนั้นก็ห้อยตามคนนั้นไป
คุณหมอส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “คุณไปหาผู้อำนวยการก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขา….เฮ้อ คุณยังจะไปจริงๆเหรอ”
“ฉันเป็นหน่วยปฏิบัติการนะ ฉันจะไปแน่ๆ” พูดๆอยู่ก็มีลมพัดผ่านข้างกายหมอไปอย่างรวดเร็ว
“คุณจะไปก็ไปแต่เดินช้าๆหน่อย ไม่มีใครขวางคุณไว้เสียหน่อย” หมอตะโกนตามหลังเธอไป
พอถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการ ต้วนอีเหยาก็ถามอย่างตรงไปตรงมา “อาจ้าว ตอนไหนฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้?”
“ตอนนี้ไม่ได้” ผู้อำนวยพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“คุณต้องให้เวลากับมันหน่อย พลทหารของฉันยังรอฉันอยู่นะ”
“รอให้การบาดเจ็บตามร่างกายคุณหายดีกว่านี้ ผมจะปล่อยให้คุณไปตามสบายเลย” ผู้อำนวยการกล่าวประโยคนี้ออกมา
ต้วนอีเหยาก็กระโดดอยู่ที่เดิมสองครั้ง “ท่านดูสิ ฉันกระโดดโลดเต้นได้อย่างนี้ ไม่เป็นไรแล้ว”
“นั่นก็ไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านผู้นำหรอกนะ”
ต้วยอีเหยาหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เธอก็เหมือนกับซุนหงอคงที่ถูกพ่อกักขังไว้ที่หุบเขาห้านิ้ว มีฝีมือไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีที่ให้แสดงฝีมือ”
เธอกลับไปที่แผนกผู้ป่วยอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่นาน สายของทหารต้วนก็โทรเข้ามา
“แกไปโวยวายกับผู้อำนวยการมาอีกแล้วใช่ไหม?”
“อาจ้าวรีบฟ้องเชียวนะ” ต้วนอีเหยาแขวะเสียงเบาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อ ถ้าไม่มีหนูเดี๋ยวพวกทหารก็ก่อความวุ่นวายเอาหรอก”
“สบายใจได้ พวกเขาว่านอนสอนง่ายมาก”
ต้วนอีเหยาแปลกใจมาก “เป็นไปได้อย่างไร?”
ทหารต้วนแอบลอบยิ้ม “ฉันสั่ง ใครจะกล้ายุ่ง พวกเขาส่งแกออกไปปกป้องที่นอกประเทศ พากันกลัวว่าแกจะจากไป เพราะงั้นจึงว่าง่ายอย่างกับกระต่าย”
ต้วนอีเหยาฟังแล้ว ภายในใจก็รู้สึกอบอุ่นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้รู้ว่าพวกพ้องเป็นห่วงตัวเอง
“แกพักรักษาตัวให้ฉันอย่างว่าง่าย แล้วหลังจากหนึ่งเดือนนี้ถ้ามีภารกิจสำคัญฉันจะมอบหมายให้พวกแก เพราะงั้นร่างกายแกจะต้องผ่านมาตรฐาน”
พอต้วนอีเหยาฟังจบก็เกิดคึกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ภารกิจอะไรเหรอพ่อ?”
“ตอนนี้ยังบอกแกไม่ได้” ทหารต้วนหยุดพูดไปพักหนึ่ง น้ำเสียงเขาอ่อนลงไปมาก “อีเหยา พ่ออยากให้แกพักผ่อนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างเต็มที่ เพราะภารกิจครั้งนี้ลำบากและหนักมากและต้องสำเร็จเท่านั้นล้มเหลวไม่ได้ แกเข้าใจไหม?”
สีหน้าของต้วนอีเหยาก็เคร่งเครียดขึ้นมา เธอยืนกรานพูดว่า “พ่อ วางใจเถอะ หนูฝึกมาดีมากแล้ว”
“นี่ยังไม่พอ ฉันยุ่งอยู่ แค่นี้นะ”
ต้วนอีเหยาทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียง อาการหงุดหงิดหายไปอย่างไร้ร่องรอยแถมยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าอีก ชิงหลงเห็นก็คิดว่ามีเรื่องดีๆ จึงเดินเข้าไปถามเธอ “หัวหน้า มีภารกิจแล้วเหรอ?”
“จมูกไวอะไรขนาดนี้?”
“ทุกครั้งที่มีภารกิจคุณก็แสดงอาการมีความสุขแบบนี้แหละ”
ต้วนอีเหยาเลิกคิ้ว “แสดงอาการอะไร?”
ชิงหลงพูดอย่างใจกล้า “การแสดงหน้าร้ายๆแบบจิ้งจอกขโมยไก่มาได้และยิ้มอย่างชั่วร้ายไงล่ะ”
ต้วนอีเหยาที่กำลังอารมณ์ดีก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร พูดด้วยความสมัครใจอย่างเปี่ยมล้นว่า “เราจะเริ่มฝึกซ้อมตั้งแต่บ่ายนี้เป็นต้นไป”
“นี่มันโรงพยาบาลนะ จะฝึกซ้อมได้อย่างไร?”
“แกเซ่อละ อาการบาดเจ็บของฉันยังไม่หายดี เริ่มจากการวิ่งไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆฟื้นฟูร่างกาย”
“ใช่ใช่ใช่”
ต้วนอีเหยาเห็นว่าถึงเวลากินข้าวแล้วจึงพูดว่า “ปะ ไปกินข้าวข้างนอกกัน วันนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง กินข้าวโรงบาลมาสองสามแล้ว ฉันเบื่อมาก”
ชิงหลงลังเลเล็กน้อย “แต่หมอไม่ให้คุณออกไปนะ”
“แค่กินข้าวเอง ไม่ได้หนีเสียหน่อย” ต้วนอีเหยาหยิบเงินออกจากกระเป๋าสตางค์และก็เดินออกไป ชิงหลงห้ามอะไรไม่ได้ ได้เพียงแต่เดินตามไป
เพื่อการออกกำลังกายแล้ว สองวันมานี้ต้วนอีเหยาเดินขึ้นๆลงๆที่บันได ตอนที่ทั้งสองคนเดินถึงชั้นสามก็ได้ยินเสียงทะเลาะกัน นอกจากนั้นแล้วยังได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้อีกด้วย
“เกิดอะไรขึ้น? ปะ ไปดูกันเถอะ”
พอเดินถึงชั้นนั้นก็เห็นว่า มีคนอยู่ไม่น้อยยืนออกันอยู่หน้าห้องผู้ป่วย มองผ่านหัวสองสามคนที่อยู่ข้างหน้าไป เห็นว่าครอบครัวของผู้ป่วยกำลังตำหนิพยาบาลสาวอยู่ “คุณจะร้องไห้ทำไม? จะว่าไปนะการทำตัวของคุณที่มันไม่ดีมันก็ยังไม่โอเคเลยเถอะ”
พยาบาลสาวแก้ตัวเสียงเบาและร้องไห้สะอึกสะอื้น “ดิฉันไม่ได้ทำตัวไม่ดีนะคะ”
“ยังกล้าต่อปากต่อคำอีกเหรอ? ไป ไปเรียกหัวหน้าของพวกคุณมา”
ขณะเดียวกันก็มีพยาบาลหญิงสวมชุดคลุมสีขาวเดินแทรกต้วนอีเหยาเข้ามา “เกินเรื่องอะไรขึ้น? ดิฉันเป็นหัวหน้าของพวกเขาค่ะ”
“พยาบาลสาวคนนี้ของพวกคุณทำให้เกิดเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? จะทำหน้าแบบนี้ให้ใครมองฮะ? พูดได้สองประโยคก็ร้องไห้ ไม่รู้จะร้องไห้ทำไม? พวกคุณรู้ไหมว่าคุณปู่ของพวกเราเป็นใคร? พวกเราพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ต้องจ่ายเงินไปมากมายขนาดไหนเพื่อให้เรามองหน้าคุณแบบนี้เหรอ?” ญาติผู้ป่วยแสดงสีหน้าเย่อหยิ่งและนิ้วก็แทบจะชี้จมูกด่าพยาบาลสาว
หัวหน้าพยาบาลเห็นเหตุการณ์แบบนี้จนเคยชิน ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงพูดกับพยาบาลสาวว่า“ขอโทษญาติผู้ป่วยซะ”
พยาบาลสาวเม้มริมฝีปากไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ต้องก้มหน้ายอมรับความผิด “ขอโทษค่ะ”
“แค่นี้ก็พอแล้วเหรอ? ทำลวกๆเกินไปนะ ไม่มีทาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...