วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 307

คุณย่าเซียวพูดอย่างไร้กังวล "ยัยหนูนี่ แค่ไม่เข้าใจ ฉันกับพ่อของคุณอยู่มา90กว่าปีแล้ว ได้กำไรแล้ว แม้ว่าฉันจะจากไปในวันพรุ่งนี้ นั่นก็เป็นลิขิตของสวรรค์ มีอะไรที่น่าเศร้าล่ะ"

แม่พูดเช่นนี้ น้ำตาเสี่ยวซีหร่านก็ไหลออกมา ร้องจนน้ำตาเปื้อนหน้าไปหมด

ต้วนอีเหยารู้สึกแย่มากที่ตนเองอยู่ที่นี่ ว่าแล้วเธอก็ควรจะกลับไปกินยา ก็เลยบอกลาทุกคนแล้วออกจากห้องผู้ป่วยไป

"กำไลหยกนี้ฉันไม่ต้องการแล้ว คุณก็ส่งคืนให้ท่านเถอะ" ต้วนอีเหยานำกำไลหยกที่ถอดออกมาส่งให้เย่จิงเหยียน

เขาคิดถึงผลลัพธ์นี้มาก่อนแล้ว ก้าวถอยหลังทันที สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง "ในเมื่อคุณรับมันไว้ต่อหน้าต่อตา จะเอามาคืนกลับไปลับหลังอีกหรอ? ฉันไม่ว่าหรอก นี่เป็นของที่คุณย่าให้คุณ ถ้าจะคืนคุณก็ไปคืนด้วยตนเอง"

นี่เป็นครั้งแรกที่ต้วนอีเหยาขอแล้วเย่จิงเหยียนไม่ปฏิบัติตาม ต้วนอีเหยาหมดหนทาง "แต่ว่าฉันใส่มันไม่สะดวก"

"งั้นคุณก็วางมันไว้ในตู้ สรุปคือฉันจะไม่เก็บรักษาของสิ่งนี้ไว้แทนคุณอย่างแน่นอน" ล้อเล่น ของขวัญที่พบกันของคุณย่าเสี่ยวที่จะให้หลานสะใภ้อยู่ที่เขานี่แล้ว ไม่ได้เท่ากับว่าจะไม่ให้ใช่ไหม? เย่จิงเหยียนไม่ได้โง่

เห็นว่าเย่จิงเหยียนแน่วแน่เช่นนี้ ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้ยืนกรานต่อ ก็เลยต้องนำกำไลหยกใส่ไว้ในกระเป๋า ใส่อย่างดี "โอเค คุณไม่ต้องส่งฉันแล้ว เข้าไปเถอะ"

"ฉันจะไปส่งคุณที่หน้าบันได ไปกันเถอะ"

ต้วนอีเหยาเดินเคียงไหล่เขาไป แล้วพูดว่า "ฉันรู้จักผู้อำนวยการของโรงพยาบาล ถ้ามีอะไรจำเป็นคุณบอกฉันได้เลยนะ"

"อืม โอเค" ในใจเย่จิงเหยียนแสนจะหวานชื่น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความตั้งใจ แต่เขาวินิจฉัยได้ชัดเจนเพียงฝ่ายเดียว ว่านี่คือการพบพ่อแม่แล้ว

บางทีคุณพ่อเซีนอาจจะทิ้งภรรยาตนเองไม่ลง บ่ายในวันนั้น เขาจึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนเห็นช่วงเวลาอันตรายผ่านไป ก็ทยอยกันออกไป

เย่ฉ่าวเฉินกับลูกชายเดินอยู่ด้านหลัง พูดเหน็บแนมว่า "คุณนี่เพื่อไล่ตามสาว ก็วิ่งมาโรงพยาบาลทุกวันเลยนะ งานการไม่ทำแล้วใช่ไหม?"

"บริษัทก็ดำเนินการได้ปกติมาก" เย่จิงเหยียนยิ้มตอบ "พ่อ ถ้าบริษัทขาดเจ้านายไปก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ นั่นหมายความว่ากลไกของมันมีปัญหาร้ายแรง ฉันไม่อยู่ บริษัทก็ยังดำเนินการได้ตามปกติ เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นว่าพ่อได้สร้างชุดระบบที่สมบูรณ์แบบไว้ให้เย่ฮวางแล้ว"

"ไอ้หนู ฉันไม่ต้องการการประจบสอพลอของคุณ" เย่ฉ่าวเฉินด่าด้วยรอยยิ้ม "สาวน้อยก็ต้องไล่ตาม งานก็สำคัญทิ้งไม่ได้ รู้ไหม?"

"รู้แล้ว มีเรื่องอะไรที่สำคัญ พวกเขาก็จะส่งมาที่อีเมลล์ของฉัน ฉันจะจัดการทุกคืน"

"งั้นก็ดี" เย่ฉ่าวเฉินยังอยากจะพูดคุยถึงต้วนอีเหยา แต่คิดๆดูแล้วก็ไม่พูดดีกว่า นี่เป็นเรื่องของลูกชาย ผู้ใหญ่อย่างเขานี้อย่าเข้าไปร่วมน่าจะดีกว่า

ผ่านไปสองสามวัน แผลบนร่างกายของต้วนอีเหยาก็ดีขึ้นมากแล้ว แผลที่หลังและบริเวณหน้าอกไม่เพียงแต่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ผิวหนังขาวเนียนขึ้นมาก ตอนนี้เหลือแค่แผลผ่าตัดที่ท้องน้อย

ในใจเธอกระสับกระส่ายมาก อยากจะออกจากโรงพยาบาลในวินาทีต่อมาเลย แต่มีการควบคุมของผู้นำต้วนอยู่ ไม่ว่าเธอจะร้อนใจอีกแค่ไหนกได้แต่อดทน ด้วยเหตุนี้วันๆได้แต่ฝึกฝนออกกำลังกายกับชิงหลงไป

เย่จิงเหยียนเห็นว่าเธอเบื่อจริงๆ จึงพูดว่า "คุณรู้เทคนิคของชิงหลงเกินไป นี่ไม่มีประโยชน์อะไร เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะช่วยคุณประลองฝีมือเป็นยังไง?"

ต้วนอีเหยากับชิงหลงหยุดดัมเบลในมือพร้อมกัน กล่าวโดยพร้อมเพรียงกันว่า "คุณก็มีเทคนิคด้วยหรอ?"

"เคยเรียนตอนเด็กๆ" เย่จิงเหยียนกล่าวอย่างถ่อมตัวมาก

ชิงหลงเดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น บีบไหล่ของเขา ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ร่างกายคุณมีกล้ามเนื้อน้อยขนาดนี้ ระวังหัวหน้าเราจับโยนเป็นลูกเจี๊ยบนะ"

"งั้นก็ต้องประลองกันหน่อย ไม่ประลองกันจะรู้ได้อย่างไรว่าใครแพ้ใครชนะ?" เย่จิงเหยียนใช้สายตายั่วยุมองไปที่ต้วนอีเหยา

"โอเค จะว่าไปเราก็รู้จักกันมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยประลองฝีมือกันเลยจริงๆ" ต้วนอีเหยาทิ้งดัมเบล เช็ดเหงื่อบนหน้า เธอไม่ได้รับการต่อสู้กับคนอื่นมานานแล้ว ยีนความปรารถนาในการต่อสู้มันอยู่ในสายเลือด

เย่ฉ่าวเฉินรูผร่างหน้าตาเป็นลูกคนรวย นิ้วมือเคาะเบาๆบนโต๊ะ "เกมส์เช่นนี้มันน่าเบื่อเกินไป เรามาเดิมพันกันไหม?"

"เดิมพันอะไร?"

"ฉันแพ้ คุณให้ฉันทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง คุณแพ้ ฉันให้คุณทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง" ความเจ้าเลห์ประกายอยู่ในแววตาของเย่จิงเหยียน

ต้วนอีเหยาไม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดิมพันแบบไหน แน่นอนว่าต้องเป็นเธอที่ชนะ

"โอเค ฉันรับคำท้า"

"อีเหยา คุณไม่ได้ถามฉันด้วยซ้ำว่าจะประลองอะไร ประลองยังไง ก็รำบคำง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ?"

"ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรคนที่แพ้ต้องไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน" ต้วนอีเหยามั่นใจเต็มเปี่ยม

เย่จิงเหยียนยกยิ้ม "อีเหยา คุณอาจจะมั่นใจเกินไปหน่อยนะ"

ต้วนอีเหยาถูกเขาให้ความสนใจ ก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเขา พูดตรงๆเลยว่า "คุณบอกมาเถอะ จะประลองยังไง? ที่ไหน?"

เย่จิงเหยียนลุกขึ้น หยิบแอปเปิ้ลสีแดงหนึ่งลูกจากในจาน จากนั้นก็วางไว้บนหัวของชิงหลง "ก็คือที่ห้องนี้แหละ ง่ายมากๆ ใครหยิบแอปเปิ้ลได้ก็ถือว่าชนะ ชิงหลง คุณคือผู้ตัดสิน แต่ว่าห้ามขยับนะ"

"ห๊ะ? ให้ฉันเป็นเสาไม้ ถ้าคุณเตะฉันจะทำยังไง?" ชิงหลงรีบหยิบแอปเปิ้ลลงเพื่อคัดค้าน เขาเชื่อใจต้วนอีเหยา แต่ไม่ไว้ใจเจ้าหนุ่มละอ่อนนี่

เย่จิงเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า "คุณวางใจเถอะ ฉันไม่เตะคุณอย่างแน่นอน"

ชิงหลงยอมเสียศักดิ์ศรีสักนิด "ไม่ได้ไม่ได้ ฉันยังอยากเห็นหัวหน้าจับคุณห้อยแล้วเฆี่ยนตีจะเป็นอย่างไร"

เย่จิงเหยียนหัวเราะ "นี่คุณก็ตรงไปตรงมาเกินไป"

ต้วนอีเหยาพูดประโยคสุดท้าย "ชิงหลง เอาแอปเปิ้ลวางขึ้นไป แล้วห้ามขยับ"

"ครับ" ชิงหลงจำใจอย่างยิ่ง จำเป็นต้องวางแอปเปิ้ลไว้บนหัว

เย่จิงเหยียนถอดเสื้อโค้ทโยนลงบนเตียง เหลือเพียงเสื้อยืดสีดำ ดูไม่ออกว่ามีกล้ามเนื้อแค่ไหน แต่ที่แปลกใจไม่น้อยก็คือ รูปร่างของเขาได้สัดส่วนดีมาก ไหล่กว้างเอวคอด รูปร่างสมบูรณ์แบบ

ขยับไหล่สองที ยิ้มนิดๆแล้วพูดว่า "เริ่มเลยไหม?"

ต้วนอีเหยาต่อคู่ต่อสู้ จิตใจก็สงบลงมา มองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างเย็นชา คิดแค่ว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้

ชิงหลงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว พูดเสียงดังว่า "สามสองหนึ่ง การประลองเริ่มได้"

พื้นที่ในห้องผู้ป่วยมีไม่มาก มีโต๊ะและม้านั่งและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ดังนั้นจึงมีสถานที่เหลือให้คนแสดงความสามารถเตะต่อยไม่มากนัก แต่พอดีกับมาตรฐานการแสดงออกของคนสองคน

"เริ่มได้"สองคำตกลง ฉับพลันชิงหลงก็รู้สึกถึงลมกำปั้นค่อยๆเข้ามา เขาตกใจจนรีบหลับตา โชคดีที่ลมกำปั้นนี้แฉลบผ่านใบหน้าเขา เมื่อลืมตาขึ้น ต้วนอีเหยากับเย่จิงเหยียนก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

เชี่ยยย นี้ยังเป็นหนุ่มละอ่อนคนนั้นที่ตนเองรู้จักอยู่หรือเปล่า?

ชิงหลงเกือบจะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เย่จิงเหยียนตรงหน้าเขาราวกับว่าเป็นคนละคน การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วและดุเดือดเป็นพิเศษ อีกทั้งยังรวดเร็วอย่างมาก ทุกครั้งที่ต้วนอีเหยากำลังจะได้แอปเปิ้ล เย่จิงเหยียนก็โดดอย่างว่องไวขึ้นมาเพื่อแย่งเธอ จากนั้นทั้งสองคนก็ต่อสู้กันต่อ

การต่อสู้ระดับปรมาจารย์ แพ้ชนะสามารถตัดสินได้ทุกลมหายใจ ชิงหลงไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่บุกโจมตีหัวหน้าเช่นนี้มานานแล้ว

หัวใจของชิงหลงพองขึ้นมา ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้เขากังวลอะไร เย่จิงเหยียนจะเตะเขา

ทั้งสองคนมุ่งมาทางฉัน ทุกการเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำ ความเร็วเท้าเย่จิงเหยียนยิ่งเร็วขึ้น เพราะเขาพบว่าต้วนอีเหยาเก่งมากจริงๆ อาศัยฝีมืออย่างเดียวเอาชนะเธอไม่ได้ จำใจต้องยืมความสามารถเหนือธรรมชาติ แต่ตอนใช้ก็ไม่สามารถทำให้ชิงหลงดูออกได้

ต้วนอีเหยาตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ การลงมือยิ่งรวดเร็วดุดันขึ้น คือเธอ เรียนรู้ท่าไม้ตายที่ถึงแก่ชีวิต เพิ่งเริ่มต้นพราะฝ่ายตรงข้ามคือเย่จิงเหยียน ไม่ใจแข็งพอที่จะใช้กลอุบายเหล่านี้กับเขา แต่ไม่นานเธอก็พบว่า เย่จิงเหยียนเก่งกว่าที่เธอคิดไว้มาก ไม่ว่าจะพลิกแพลงแค่ไหนก็หลบหลีกได้ ฉะนั้น ต้วนอีเหยาก็ใช้ความสามารถที่ดีๆออกมา

ชิงหลงรู้สึกได้ถึงเงาดำสองเงาที่แวบไปมาตรงหน้าไม่หยุด การต่อสู้ในชั่วพริบตาเดียว เดิมทีที่ทั้งสองคนยังอยู่ด้านหน้าโต๊ะนี่ไปอยู่หลังโต๊ะแล้ว

ต้วนอีเหยาโจมตี เย่จิงเหยียนก็ป้องกัน หนึ่งเดินหน้าหนึ่งถอยหลัง เติมเต็มซึ่งกันและกัน

สู้กันประมาณสิบนาที เย่จืงเหยียนเห็นว่าหน้าผากขิงต้วนอีเหยามีเหงื่อออก เกรงว่าบาดแผลของเธอจะมีปัญหา เลยตัดสินใจยุติการแข่งขันนี้ หลังจากที่หลบหลีกขาของเธอ ก็รีบมุ่งไปทางชิงหลง แววตาต้องการจะหยิบแอปเปิ้ล แขนอีกข้างถูกดึงไปด้านหลัง แอปเปิ้ลเฉียดนิ้วมือไป

แต่เย่จิงเหยียนไม่ยอมแพ้ เขาจำเป็นต้องรับคำสัญญานี้กับต้วนอีเหยา ดังนั้น การแข่งขันครั้งนี้เขาต้องไม่แพ้อย่างแน่นอน

ด้วยความแข็งแกร่งของต้วนอีเหยา เย่จิงเหยียนจิงหมุนตัวกลับ จับเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยมือข้างเดียว แล้วอีกข้างหนึ่งไปหยิบแอปเปิ้ล ครั้งนี้ เย่จิงเหยียนใช้ความแข็งแกร่งอย่างมาก ต้วนอีเหยาพยายาทจะดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่มองดูแอปเปิ้ลสีแดงตกอยู่ในมือของใครบางคน

แผนการของเย่จิงเหยียนประสบความสำเร็จ มองไปที่ต้วนอีเหยาอย่างมีชัย นำแอปเปิ้ลมาถือไว้ตรงหน้าเธอ พูดอย่างถ่อมตัวว่า "ขอบคุณผู้นำต้วนมากที่ยกให้"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ