เย่จิงเหยียนตบไหล่ชิงหลงและพูดว่า " พวกเธอกินกันเลย ฉันไปก่อน"
"ไม่ไปส่งละนะ"
เย่จิงเหยียนเดินลงไปข้างล่างและจากไป แต่ด้วยความรีบร้อนเขาไม่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากข้างทาง.......
ต้วนอีเหยากำลังเพลิดเพลินกับซุปไก่ ในขณะที่ชิงหลงกำลังกินเกี๊ยวกุ้ง ทั้งสองกำลังลิ้มรสความอร่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กระตือรือร้นเดินมาทางนี้ และเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง
ทั้งสองคนที่กำลังรับประทานอาหารมองหน้ากัน ต้วนอีเหยายกคางขึ้น ชิงหลงวางเกี๊ยวกุ้งลง เช็ดมือของเขาแล้วหยิบปืนพกออกมาและเดินไปที่ประตู
สองนาทีผ่านไป คนที่อยู่ข้างนอกก็ยังไม่เคาะประตู
ชิงหลงรออย่างอดทน ฟังเสียงหายใจแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง
แปลกจัง ทำไมถึงมีผู้หญิงมาหาลูกพี่
"ก๊อกก๊อกก๊อก......" ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ชิงหลงยืนอยู่หลังประตู เปิดประตูอีกบานด้วยเท้าของเขา ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามา ปืนก็เล็งไปที่ขมับของเธอ
จ้าวเสวียนกรีดร้องด้วยความตกใจและเกือบล้มลงกับพื้น
“ เธอเป็นใคร?” ชิงหลงถามอย่างเย็นชา
จ้าวเสวียนยืนพิงกำแพงและตัวสั่นกุมท้องของเธอและพูดอย่างสั่นๆว่า "ฉัน ฉันเป็นเลขาของเย่จิงเหยียน"
เมื่อได้สามคำนี้เย่จิงเหยียน ชิงหลงก็วางปืนลง เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้อ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องชักปืน
“ เขาเพิ่งกลับไป”
จ้าวเสวียนตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเล็งด้วยปืน ชายตรงหน้าของเธอนั้นแข็งแกร่งและท่าทางโหดร้าย เธอจะไม่กลัวได้ยังไง?
"ฉันไม่ได้มาหาเขา"
“ แล้วเธอมาหาใคร”
จ้าวเสวียนชี้ไปที่ด้านในห้อง "ฉันมาหาทหารต้วน"
ชิงหลงขมวดคิ้ว ลูกพี่รู้จักผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"ลูกพี่ เป็นผู้หญิง บอกว่ามาหาพี่" ชิงหลงยืนอยู่ที่หน้าประตูและตะโกนเข้าไปข้างใน
"ให้เธอเข้ามา" เสียงของต้วนอีเหยาตอบมา
"เข้ามาสิ" ท่าทีของชิงหลงไม่เป็นมิตร เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่ออะไรบางอย่างและดวงตาคู่นั้นก็กระสับกระส่ายด้วย
จ้าวเสวียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน ต้วนอีเหยากำลังนั่งทานอาหารเช้า อาหารบนโต๊ะน่ากินมาก
ต้วนอีเหยาได้ยินเสียงของเธอตั้งแต่เมื่อกี้ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจที่เห็นเธอ พูดกับชิงหลงว่า "แกออกไปก่อน"
เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ถ้าชิงหลงรู้ก็เท่ากับว่าพ่อเธอต้องรู้ด้วย เพราะงั้นพวกเขาต้องคัดค้านเรื่องที่เธอจะอยู่กับเย่จิงเหยียนแน่นอน
ชิงหลงลังเลเล็กน้อย ต้วนอีเหยาโยนช้อนซุปลงแล้วพูดว่า " แกคิดว่าเธอจะทำอะไรฉันได้? เอาเกี๋ยวกุ้งกับซาลาเปาไปกินด้วย ฉันอิ่มแล้ว"
"อืม มีอะไรก็เรียกฉันนะ"
"อือ"
หลังจากชิงหลงออกไป ต้วนอีเหยาก็มองไปที่เธอ เมื่อมองใกล้ๆแล้วหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างดูดี มีผิวบอบบางและเนื้อนุ่ม แต่ดูเหมือนเธอจะอ้วนกว่าครั้งที่แล้วมาก
ต้วนอีเหยาชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามและพูดว่า "นั่งสิ"
จ้าวเสวียนไม่คาดคิดว่าเธอจะเห็นท่าทีของเธอที่สงบขนาดนี้ นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อเด็กในท้อง
"มีอะไร?" ต้วนอีเหยายังคงกินอาหารเช้าราวกับว่าเธอไม่ได้จริงจังกับเธอ
จ้าวเสวียนแสร้งทำเป็นอ่อนแอและพูดเบาๆว่า "ทหารต้วน เธอออกไปจากจิงเหยียนได้ไหม?"
ต้วนอีเหยาหัวเราะในใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ทันทีที่อ้าปากก็พูดถึงจิงเหยียน......เรียกราวกับว่าสนิทกัน
“สาวน้อย ที่พูดมาเธอไม่รู้สึกว่ามัน......ไร้สาระหรอ?”
จ้าวเสวียนบีบน้ำตาสองหยด “ ทหารต้วน ฉันไม่อยากปิดบังเธอ ฉันท้องและตอนนี้ท้องได้สองเดือนแล้ว เป็นลูกของจิงเหยียน เพราะงั้น......”
ช้อนในมือของต้วนอีเหยาแข็งนิ่ง จิตใจของเธอว่างเปล่าและมีเพียงประโยคเดียวที่สะท้อนออกมาว่า "ฉันท้อง"
เธอท้อง? ทำไมเย่จิงเหยียนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้?
เมื่อมองไปที่สีหน้าของเธอ จ้าวเสวียนก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้จึงพูดว่า“ ตั้งแต่ฉันยังเด็กพ่อแม่ฉันก็หย่าร้างกัน ฉันเติบมากับแม่ ดังนั้นฉันจึงไม่อยากให้ลูกของฉันโตมาแบบไม่มีพ่อ เจ้าทหารต้วน เธอยังสาวและสวย ยังหาใหม่ได้ ยังมีผู้ชายที่เหมาะสมกับเธออีกมาก อย่ามาแย่งกับฉันได้ไหม? ฉันไม่มีจิงเหยียนไม่ได้จริงๆ
ต้วนอีเหยาได้ยินสิ่งที่เธอพูด เธอรู้สึกว่าหายใจไม่ออก แต่เธอไม่สามารถแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามฝืนเอาไว้
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเธอกำลังโกรธจนอยากจะฆ่าคน คนนั้นก็คือเย่จิงเหยียน
ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นจับที่อกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฟังผู้หญิงตรงข้ามเพื่อพูดต่อ " เธอคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันเข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเย่แล้ว เพราะจิงเหยียนชอบเด็กคนนี้มากและเขาอยากให้ฉันให้กำเนิดเด็กคนนี้ แต่เขาก็รู้สึกผิดกับเธอ ฉันไม่อยากให้เขาลำบากใจก็เลยมาคุยกับเธอ เธออย่าโกรธฉันเลยนะ”
เมื่อเห็นใบหน้าของต้วนอีเหยาเคร่งขึ้นเรื่อยๆ จ้าวเสวียนก็ภูมิใจในตัวเธอมาก แต่เธอก็พูดด้วยความคาดหวังว่า "แต่ถ้า......ถ้าเธอไม่อยากไปจากจิงเหยียน ฉันก็แค่หวังว่า......" น้ำตาไหลออกมา " ฉันก็หวังว่าเธอจะทำดีกับลูกฉัน เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย "
ต้วนอีเหยามีคลื่นแห่งความโกรธอยู่ในใจ เธออดทนกัดฟันแล้วพูดว่า "เธอกลับไปเถอะ ฉันจะพิจารณา"
บรรลุเป้าหมายของจ้าวเสวียน แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ค่อ เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า "ขอโทษที่รบกวนมื้อเช้าของเธอนะ ลาก่อน"
เมื่อจ้าวเสวียนจากไป ต้วนอีเหยาไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป เธอรู้สึกรำคาญมากขึ้นเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ เธอคว่ำโต๊ะด้วยมือทั้งสองข้าง ช้อนตะเกียบและกล่องอาหารกลางวันคว่ำลงพื้น พื้นเต็มไปด้วยอาหารและน้ำซุป
ชิงหลงได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงบนพื้น ชิงหลงรีบถาม “ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโมโหขนาดนี้?”
ต้วนอีเหยารู้สึกเจ็บใจมาก เท้าของเธออ่อนลงและถอยหลังไปสองก้าว ชิงหล รีบพยุงเธอ "ลูกพี่ ใจเย็นๆก่อน ตกลงเกิดอะไรขึ้น บอกฉันสิฉันจะช่วยระบายอารมณ์ให้"
ต้วนอีเหยาหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า "ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร...... " ก่อนที่เธอจะพูดจบ ดวงตาของเธอก็ปิดลงและหมดสติไป
"ลูกพี่!" ชิงหลงอุทานออกมา และรีบอุ้มเธอวิ่งไปที่ห้องICU "หมอครับ หมอ...... "
มีหมอวิ่งออกมาจากห้องทำงานสองสามคน ทุกคนเห็นว่าต้วนอีเหยาหมดสติ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป รีบผลักประตูเข้าห้องICU หมอในห้องถามชิงหลงว่า "เกิดอะไรขึ้นกับผู้พัน?"
ชิงหลงกังวลมากจนดวงตาของเขาเป็นสีแดง“ ฉันไม่รู้ จู่ๆเธอก็เป็นลม”
หมอไม่กล้ารอช้า รีบทำการตรวจ
บริษัทเย่ฮวาง
การมาถึงของเย่จิงเหยียนสะกิดตาของทุกคน ประธานหนุ่มและหล่อนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาคนมากว่าคนอายุมาก แม้ว่าประธานคนเก่าจะมีเสน่ห์มากก็ตาม
ทันทีที่เขามาถึงบริษัท เย่จิงเหยียนบอกกับเลขาหวังว่า "แจ้งผู้บริหารระดับสูงทุกคนให้มีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการที่อเมริกา"
"รับทราบ"
ก่อนจะไปที่ห้องประชุม เย่จิงเหยียนส่งข้อความไปหาต้วนอีเหยาว่ากินข้าวเสร็จหรือยัง?
ไม่มีการตอบกลับใดๆ เย่จิงเหยียนเปิดโทรศัพท์เข้าสู่โหมดเงียบ หาเอกสารเพื่อเข้าร่วมการประชุม
ขณะที่เดินผ่านสำนักเลขาธิการ บังเอิญเจอจ้าวเสวียนที่กำลังวิ่งเข้ามา
"ประธานเย่....." จ้าวเสวียนตะโกนมองเขาอย่างคาดหวัง แต่เย่จิงเหยียนไม่สนใจเธอ ตรงไปที่ลิฟต์
เลขาหวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หืม? พวกเขาสองคนทะเลาะกันหรอ?
จ้าวเสวียนบอกว่าความสัมพันธ์ยังดีอยู่ไม่ใช่เหรอ?
อารมณ์ของเจ้านายเดายากจริงๆ
จ้าวเสวียนกลับไปที่ที่นั่งของเธอด้วยความอายเล็กน้อย เธอกลัวเย่จิงเหยียนเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า แต่เธอคิดถึงเด็กในท้องของเธอ ยังไงเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเธอเพราะมีมู่เวยเวยคอยหนุนอยู่ข้างหลัง
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก อาจเป็นเพราะนายท่ายเย่หลายวันมานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู้ วันนี้เย่จิงเหยียนกลับมาทุกคนก็ถอนหายใจ
การอภิปรายโครงการมีความกระตือรือร้น ประสิทธิภาพได้รับการปรับปรุงอย่างมากและหลายสิ่งได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งสิ้นสุดการประชุม ในเวลาอาหารกลางวันเย่จิงเหยียนได้เปิดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เย่จิงเหยียน ก็กดเบอร์โทรหาต้วนอีเหยา
ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด -
สายถูกโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์จะถูกโยนอยู่ข้างๆไม่มีคนรับ เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว เธอกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมไม่รับโทรศัพท์?
ในเวลาเดียวกันเลขาหวังเดินเข้ามา "ประธานเย่ อาหารเที่ยงของคุณจะให้ทางโรมแรมส่งมาหรือทานที่บริษัท?"
“ กินที่บริษัท” หาอะไรกินง่ายๆ แล้วรีบทำธุระของวันนี้ให้เสร็จ เขาจะได้รีบไปที่โรงพยาบาล
"โอเคครับ"
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่โรงอาหารของพนักงาน แต่บรรยากาศสไตล์และรสชาติอาหารเทียบได้กับร้านอาหารระดับไฮเอนด์ด้านนอกอย่างแน่นอน เย่จิงเหยียนหยิบอาหารสองสามอย่างและเดินไปที่หน้าต่าง จ้าวเสวียนรู้สึกตัวและนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานสองสามคนในสำนักเลขาธิการ ถ้าเธอไปนั่งข้างๆเยาจิงเหยียนต้องถูกไล่ออกมาแน่นอน อาจจะโดนเขาไล่อย่างหยาบคาย กว่าเธอจะทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์เป็นแฟนของเจ้าของบริษัทได้ ถ้าถูกเปิดเผย ต้องกลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนแน่
"เห้ย ทำไมเธอไม่ไปนั่งกับประธานเย่ล่ะ มานั่งอยู่กับพวกเราทำไมกัน" เพื่อนร่วมงานกระซิบด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเสวียนยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า " กลับบ้านทุกวันก็กินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว ก็ตอนนี้ฉันอยากนั่งกับพวกเธอ ทำไม ไม่ต้อนรับแล้วหรอ?"
"ต้องยินดีต้อนรับสิ เธอเป็นคุณนายในอนาคตของเรา ทำไมเราจะไม่ต้อนรับล่ะ" เพื่อนร่วมงานรีบพูด
จ้าวเสวียนรู้สึกผิดเล็กน้อยเธอยิ้ม ก้มหัวลงและทานต่อ
เย่จิงเหยียนรู้สึกว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังมองมาที่เขา ตอนที่เขากินเขาคิดว่าทุกคนไม่ได้เห็นเขามานานแล้วจึงมองเขา แต่เขาไม่รู้ว่าทุกคนมองมาที่เขาเพราะ พวกเขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่นั่งกับจ้าวเสวียน
ชั้นดาดฟ้าของเย่ฮวางกรุ๊ป เป็นสถานที่สำหรับเดินเล่นหลังอาหาร จากด้านบนจะเห็นวิวของเมือง A เย่จิงเหยียนมาที่ดาดฟ้าเพื่อเดินเล่นคนเดียวหลังจากรับประทานอาหาร เขาโทรหาต้วนอีเหยาอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย
ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า
กำลังจะโทรไปที่บ้านเพื่อถามว่าส่งอาหารกลางวันไปหรือยัง ในเวลาเดียวกัน ก็แอบได้ยินพนักงานสองคนคุยกัน
"นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ไม่เห็นประธานเย่จะปฏิบัติกับเธอต่างจากปกติยังไงเลย"
“ นั่นหนะสิ เธอคิดว่าที่เธอท้องเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าลูกในเธอท้องเป็นลูกของประธานเย่จริง ก็คงนอนอยู่แต่ในบ้านเฉยๆแล้ว ทำไมยังมาทำงานเหมือนพวกเราเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...