"ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเรื่องนี้ได้ ฉัน...."
"พอแล้ว!" ต้วนอีเหยาพูดห้วนๆ "เย่จิงเหยียน จ้าวเสวียนเข้าไปอยู่ในบ้านคุณแล้วนะ คุณคิดจะจัดการยังไง ลูกในท้องของเธอก็เป็นลูกของคุณ คุณใจดำขนาดนี้เลยหรอ"
คำพูดของเย่จิงเหยียนถูกต้วนอีเหยาพูดแทรก ใจดำหรอ ใช่สิ เขาให้จ้าวเสวียนที่กำลังท้องอยู่ออกไปก็ต้องใจดำสิ และพฤติกรรมแบบนี้ก็คงเป็นสิ่งที่ต้วนอีเหยาไม่ชอบพี่สุด
"เย่จิงเหยียนคุณไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไปแล้ว ฉันถอยให้ คุณกับจ้าวเสวียนมีลูกด้วยกัน นี่ต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน คุณปล่อยฉันไปเถอะ" ต้วนอีเหยาพูดอย่างเหนื่อยล้า
"ไม่" สายตาของเย่จิงเหยียนแน่วแน่ "คนที่ผมชอบคือคุณ คนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตก็คือคุณ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้"
ต้วนอีเหยายิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาคลอ "แล้วมันยังไง จะทำยังไงกับลูก ถึงฉันจะยอมสุดๆด้วยการยอมรับลูก แล้วจะทำยังไงกับจ้าวเสวียน นี่มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย เธอเป็นแม่ของเด็กนะ"
"เธอพูดถึงแต่จ้าวเสวียนกับลูก แล้วพวกเราล่ะ" เย่จิงเหยียนเสียใจจนแทบทนไม่ไหว "พวกเราจะทิ้งความสุขของพวกเราไปเพื่อพวกเขาหรอ"
"นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ"
"มันเป็นอุบัติเหตุ"
"ถึงจะเป็นอุบัติเหตุแต่ตอนนี้ก็เป็นเรื่องจริงแล้ว" ต้วนอีเหยาหยุดและพูด "ส่วนฉัน ฉันก็คงได้เจอกับผู้ชายที่เหมาะสมกับฉันได้เองในอนาคต"
"ไม่ คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น" เย่จิงเหยียนดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาไม่กล้าคิดภาพเมื่อเธอไปอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายคนอื่น และถูกผู้ชายคนอื่นจูบ เธอเป็นของเขาทั้งหมด
น้ำตาของต้วนอีเหยาค่อยๆไหลลงมา ทำไมเธอจะไม่เสียใจล่ะ แต่ปัญหานี้มันยากเกินไป เธอจึงต้องทำตามหัวใจเลือกทางออกที่เจ็บน้อยที่สุด
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ อดไม่ได้ที่จะเสียใจ
ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ต้วนอีเหยากำมือทุบอกเขา เพราะเขาคนเดียว ทำไมวันนั้นต้องดื่ม ทำไมต้องไปขึ้นเตียงกับจ้าวเสวียน
ถ้าทุกอย่างไม่เกิดขึ้น เธอต้องชอบเขามากๆ....
เย่จิงเหยียนกัดฟันคุกเขากอดเธอ และปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ให้เต็มที่ เขาอ่านใจเธอออก รู้สึกได้ถึงความเศร้าและความโกรธของเธอ
ความหวังเดียวของเขาคืออย่าให้เธอทิ้งเขาไป เขามีเงินและอำนาจมากมาย แต่เขากลับจัดการเรื่องเล็กๆแค่นี้ไม่ได้
ชิงหลงตะลึงอยู่หน้าประตูไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินเสียงดังมาจากในห้องผู้ป่วยเขาจึงรีบเข้ามา ก่อนจะเห็นฉากที่น่าตกใจจนพูดไม่ออก เขา...เขาเป็นตัวอะไรกันแน่
ทำไมถึงหายตัวมาอยู่ตรงนี้ได้
หลังจากกอดกันครู่ใหญ่ ต้วนอีเหยาก็ดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วเช็ดน้ำตาที่หางตาพลางพูด "จิงเหยียนขนาดพระเจ้ายังไม่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันเลย ช่างมันเถอะ เราเลิกกันเถอะ"
เย่จิงเหยียนจ้องเธอนิ่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ก่อนจะพูดอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง "ไม่ ผมไม่ยอม ผมเลิกกับคุณไม่ได้จริงๆ คิดอย่าคิดอะไรไปเองจนมันทำร้ายใจของตัวเอง เรื่องทั้งหมดผมจะจัดการเอง"
"ทำไมคุณยังจะ...."
"อีเหยาคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น อาหารเย็นผมเอาวางไว้ให้ในห้องผู้ป่วยแล้ว ต้องกินข้าวเยอะๆนะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง" พูดจบเย่จิงเหยียนก้หายตัวออกไปจากห้องเงียบๆ
ชิงหลงตะลึงอีกครั้ง เขาลองเอามืแกวักไปมาตรงที่เย่จิงเหยียนยืนเมื่อสักครู่ แต่ก็ไม่สัมผัสโดนอะไรเลย....
"เชี่ย เขา...เขาหายตัวไปแล้ว"
ต้วนอีเหยาตอบ "อืม" กลับมาเบาๆ
"คุณ...คุณไม่ตะลึงหรอ เขาหายตัวไปนะ" ชิงหลงทำตัวราวกับเด็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
"ฉันรู้ว่าเขาไม่เหมือนกับพวกเรา" ต้วนอีเหยาบอกสั้นๆ
ชิงหลงตะลึงกว่าเดิมอีก "งั้นเขาเป็นอะไร"
"เขา...เขาก็เป็นคนเหมือนกัน แต่แค่มีพลังพิเศษ" ต้วนอีเหยาอธิบายอย่างหงุดหงิดใจ
"พลังพิเศษหรอ เหมือนไอรอนแมน แบทแมน ซุปเปอร์แมน ในหนังอเมริการึเปล่า"
"ประมาณนั้นแหละ" ต้วนอีเหยาบอกความลับอันน่าประหลาดนี้ไป เธอเสียใจจะตายอยู่แล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็เอาแต่ถามนู่นถามนี่อยู่ได้ น่ารำคาญเป็นบ้า
"พระเจ้า มีคนอย่างนี้อยู่จริงๆหรอเนี่ย มีจริงๆหรอ....เจ๋งสุดๆ" ชิงหลงยังคิดไม่หยุด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ชิงหลงอย่าบอกเรื่องนี้กับใครรู้ไหม"
ชิงหลงพยักหน้าอย่างจริงจัง "ผมรู้ จะไม่บอกใครแน่นอนครับ"
ต้วนอีเหยามองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง จากนั้นก็ถอนหายใจพูด "ไปเอาข้าวมา พวกเรากินข้าวกันเถอะ"
"อ้อ โอเค"
นี่เป็นข้อดีของต้วนอีเหยา แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มอยู่ตรงหน้าเธอก็ต้องกินให้อิ่มก่อนถึงจะมีแรงไปรับมือกับปัญหาได้ และเธอก็อยากให้ร่างกายของตัวเองฟื้นตัวด้วย
ถนนสายหนึ่งในเมืองA
เฟอร์รารี่สีดำแล่นไปบนท้องถนนมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลเย่
จ้าวเสวียนปักดอกลิลลี่ดอกสุดท้ายลงไป
ในแจกันดอกไม้ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยน "คุณป้าว่าแบบนี้สวยมั้ยคะ"
"สวยมาก แต่ดอกไม้ดอกนี้ปักไว้ตรงนี้ดูรกเกินไปนะ...."
ขณะที่พูดอยู่ เย่จิงเหยียนก็เข้ามาด้วยท่าทีหุนหัน เมื่อจ้าวเสวียนเห็นท่าทีไม่ดีของเขา เธอก็รีบหลบอยู่ข้างหลังมู่เวยเวยทันที
"ออกมา" เย่จิงเหยียนตะคอก
จ้าวเสวียนจับแขนมู่เวยเวยและพูดด้วยใจสั่นๆ "คุณป้าช่วยหนูด้วย"
"ไม่ต้องกลัวๆ" มู่เวยเวยลูบมือเธอ จากนั้นก็เงยหน้าจ้องลูกชายโกรธๆ "ทำอะไร"
"แม่ถามเธอดีกว่าว่าทำอะไร" เย่จิงเหยียนโกรธจนตัวสั่น เมื่อคิดถึงตอนที่ต้วนอีเหยาสลบไปเพราะเรื่องนี้ เขาก็อยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายนัก
จ้าวเสวียนหลบอยู่หลังมู่เวยเวย และพูดเสียงเครียด "หนู...หนูก็แค่....ก็แค่ไปโรงพยาบาลทหารมา"
มู่เวยเวยหันไปมองเธออย่างแปลกใจ "เธอไปโรงพยาบาลทหารทำไม"
"หนูมีเพื่อนเข้าโรงพยาบาลทหารอยู่ ตอนไปเยี่ยมก็เลยบังเอิญเจอเจ้าหน้าที่ต้วนค่ะ"
"โกหก!" เย่จิงเหยียนว่าเธอทันที "ฉันไปเยี่ยมเธอแต่เช้า แล้วเธอก็ถึงนานแล้วด้วย กล้าบอกว่าเธอไม่ได้ตามฉันไปหรอ"
"ไม่ใช่...ฉันไปเยี่ยมเพื่อนจริงๆ" จ้าวเสวียนตัวสั่น หน้าซีด
มู่เวยเวยเข้าใจทันที ถึงอายุเธอจะมากแล้ว แต่สมองเธอยังไม่ขึ้นสนิม ดังนั้นเธอรู้ดีว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก
เธอแสดงท่าทีเคร่งขรึม และพูดเสียงเย็นชา "เธอไปหาต้วนอีเหยาหรอ"
จ้าวเสวียนเห็นว่าแม้แต่มู่เวยเวยก็ไม่ช่วยตัวเองแล้ว เธอจึงไม่กล้าโกหกอีก เธอพูดสารภาพ "คุณป้าคะ หนุไม่ได้ตั้งใจนะ หนูแค่อยากรู้ว่าต้วนอีเหยาหน้าตาเป็นยังไง...."
มู่เวยเวยมองแวบเดียวก็เข้าใจความคิดของเธอทันที กลัวก็แต่ว่าเธอจะไปบอกให้ต้วนอีเหยาเลิกกับลูกชายเธอ เพราะยังไงเธอก็มีลูกในท้องเป็นไพ่ใบสำคัญ ปกติเด็กคนนี้ก็ดูใสซื่อ ทำไมถึงได้มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้
"จ้าวเสวียนฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจ แต่เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผิงอันไม่ชอบให้เธอทำอย่างนี้ บ้านเราก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเธอ ได้กินดีอยู่ดี ทำไมเธอยังต้องการอะไรมากมายอีก"
จ้าวเสวียนร้องไห้ออกมา "คุณป้าหนูผิดไปแล้ว หนูไปควรไปพบเธอ จากนี้หนูจะไม่ไปอีกแล้ว"
"จากนี้หรอ" เย่จิงเหยียนพูดเสียงเย็น "เธอรู้มั้ยว่าเพราะเธออีเหยาถึงต้องเข้าห้องไอซียู ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอีเหยา ฉันให้เธอชดใช้แน่"
จ้าวเสวียนขนลุกซู่ ไม่กล้ามองตาโกรธๆของเขา
"ต้วนอีเหยาอาการทรุดหรอ" เย่ฉ่าวเฉินเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและพยักหน้า "เช้าวันนี้สลบไปเลยครับ"
"ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง"
"อาการไม่ดีเท่าไหร่ครับ"
เย่ฉ่าวเฉินตบไหล่ลูกชาย และพูดกับจ้าวเสวียนอย่างเคร่งขรึม "ฉันขอเตือนให้เธอเก็บความคิดนั้นไปซะ อย่าได้คิดจะทำให้ต้วนอีเหยาเป็นอะไรไป ต้วนอีเหยาไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถไปหาเรื่อง ตอนนี้ไม่เกิดอะไรใหญ่โตก็ดี แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ตระกูลเย่ของเราก็จะทิ้งเธอเช่นกัน"
จ้าวเสวียนอึ้ง ต้วนอีเหยาหรอ ก็แค่ทหารหญิงหน้าตาน่าเกลียด ทำไมถึงมีอำนาจขนาดนี้
"กลับมาแล้วค่ะ" เสียงใสของเย่ชูวเสวียดังขึ้น ก่อนที่เธอจะมาถึงห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นบรรยากาสมาคุ เธอก้ถามอย่างสงสัย "อ้าว หนูพลาดเรื่องสนุกๆอะไรไปรึเปล่าคะ"
"หรูอี้ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ" มู่เวยเวยปรามลูกสาว
หลังเย่ชูวเสวียเห็นว่าจ้าวเสวียนหลบอยู่หลังแม่ และพี่ชายก็กำลังโกรธอยู่ เธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นต้องก่อเรื่องอะไรอีกแน่ เธอจึงพูดยิ้มๆ "จ้าวเสวียนกล้าทำก็กล้ารับหน่อยสิ จะไปซ้อนอยู่หลังแม่ฉันทำไม"
จ้าวเสวียนเกลียดจนอยากจะฉีกผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ต้องแกล้งทำสีหน้าอ่อนโยน "ชูวเสวีย ฉันก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่เคยใจกล้าขนาดนั้น"
เย่ชูวเสวียแสยะยิ้มใส่อย่างไม่พอใจ และพูดกับมู่เวยเวย "แม่ไม่ต้องปกป้องเธอ เธอไม่ใช่สะใภ้บ้านเรา"
มู่เวยเวยถลึงตาใส่ลูกสาว "พอแล้ว เรื่องนี้จ้าวเสวียนผิดจริง แต่เรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้ว สืบสาวไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร กินข้าวเถอะ"
เย่จิงเหยียนโกรธจนอิ่มแล้ว ไม่มีอารมณ์กินข้าว เขาจึงหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนไป
"แม่เกิดอะไรขึ้นคะ" เย่ชูวเสวียถามอย่างไม่เข้าใจ
"ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ" มู่เวยเวยไม่อยากพูดถึงอีก เธอรู้ว่าลูกสาวสนิทกับต้วนอีเหยา ถ้าเธอรู้ว่าจ้าวเสวียนทำให้ต้วนอีเหยาโกรธจนเป็นลมไป กลัวว่าเธอจะฉีกจ้าวเสวียนออกเป็นชิ้นๆตรงนี้
เย่ชูวเสวียกระทืบเท้าอย่างเร่งเร้า "ถ้าแม่ไม่พูดหนูไปถามพี่ก็ได้" พูดจบก็วิ่งไปชั้นบน
มู่เวยเวยหันไปปลอบจ้าวเสวียนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "จากนี้เธออย่าไปเจอต้วนอีเหยาอีก เธอมีฐานะสูง อยู่ให้ห่างจากเธอจะดีต่อลูกของเธอมากกว่า"
จ้าวเสวียนพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรพิเศษ ก็แค่ทหารไม่ใช่หรอ
ห้องของเย่จิงเหยียน
"ชิบหาย จ้าวเสวียนไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ได้แล้ว ฉันจะไปจัดการแทนพี่สาว" เย่ชูวเสวียยืนเลิกแขนเสื้อขึ้นเพื่อจะไปคิดบัยชีแทนพี่สาว แต่ก็ถูกเย่จิงเหยียนห้ามไว้ก่อน "มีแม่ปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่ เธอจะทำอะไรได้"
"แล้วจะปล่อยไปอย่างนี้หรอ พี่อีเหยาเป็นลมไปเลยนะ" เย่ชูวเสวียโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่าตอนตัวเองโดนเองซะอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...