ชิงหลงรับโทรศัพท์พร้อมกับเหลือบตาไปมองพาดหัวข่าว ความรู้สึกจากสงสัยไปเป็นตกใจและลงท้ายด้วยความรู้สึกโกรธ “ เยสเข้ ฉันว่าแล้วเรื่องแบบนั้นจะทำให้พี่ใหญ่เป็นลมได้ไง ที่แท้เรื่องก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“คุณว่าไงนะ ต้วนอีเหยาเป็นลมหรือ” ทหารต้วนดึงเสื้อคอของเขา “เกิดอะไรขึ้น”
ชิงหลงก็อารมณ์ขึ้น “ ผู้กอง ฟังฟังฉันพูดก่อน ตอนนี้ฉันเรียบเรียงเรียบร้อยแล้ว...”
จากนั้น ชิงหลงก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลให้ผู้กองต้วนอย่างละเอียด รวมถึงจ้าวเสวียนไปหาพี่ใหญ่ และพี่ใหญ่สลบคาที่ และเย่จิงเหยียนไปขอการอภัยจากต้วนอีเหยา และเธอเสียใจจนร้องไห้ บอกอย่างละเอียดแทบทุกจุด
แต่เขาไม่ได้พูดถึงความลับในตัวของเย่จิงเหยียน เพราะเขาสัญญากับพี่ใหญ่ว่าเรื่องนี้จะไม่พูดเด็ดขาด
ทหารต้วนยิ่งฟังยิ่งโกรธ ความเข้มแข็งของลูกสาวเขารู้อยู่แก่ใจ ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากร้องไห้ตอนที่เสียแม่แล้ว ก็ไม่เคยเห็นนางน้ำตาตกอีก ไม่ว่าจะได้รับความเจ็บปวดแค่ไหน ก็จะยิ้มและพูดว่า พ่อ ฉันไม่เป็นไร
แต่นางกลับร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเพื่อเย่จิงเหยียน เห็นได้ว่านางรักเจ้าทึ่มคนนี้มากแค่ไหน
“นายรู้ไหมว่าตอนนี้อีเหยาอาการเป็นไงบ้าง” ทหารต้วนถามเมื่อเขาเล่าเรื่องจบ
“ตอนออกจากเมืองA เห็นเขาคนนั้นมาส่งพี่ใหญ่ ดูแล้วพี่ใหญ่ไม่ได้แสดงออกอะไร”
ทหารต้วนพูดอย่างเย็นชา “ ทำเรื่องน่าอายขนาดนี้ยังกล้ามาหาอีเหยา ครั้งหน้าถ้านายเจอเขาช่วยสั่งสอนแทนฉันที”
ชิงหลงพูดอย่างเขินๆว่า “ ผู้กอง ฉันสู้เขาไม่ได้”
“สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้” ทหารต้วนพูดอย่างโมโห
“รับทราบ ผู้กอง” ชิงหลงยืนตรงทำความเคารพ
“ไปได้”
ชิงหลงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อเย่จิงเหยียนในใจนั้นขายไปยังไร้ร่องรอย
เวลาผ่านไปพักหนึ่งทหารต้วนถึงจะใจเย็นลงได้ ลูกเขยคนนี้เอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด มีครั้งที่ 1 ก็ย่อมมีครั้งที่ 2 ในชีวิตของเขา เขาเกลียดคนที่เจ้าชู้ที่สุด
เขากลัวว่าลูกสาวจะหลงใหลในคำพูดที่อ่อนหวานของเย่จิงเหยียน ไม่ได้ เขาต้องตัดความสัมพันธ์นี้ให้ได้
แล้วจะทำยังไงล่ะ เขาคิดแล้วคิดอีก
...
เมืองAที่แสนไกล คฤหาสน์ตระกูลเย่
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ข้างๆทะเลสาบตกเบ็ด สายตามองออกไปยังทะเลสาบที่เขียวมรกต แต่ใจกลับเหม่อลอย เบ็ดตกปลาขยับครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ไม่รู้สึก
“อั้ยยะ ปลาติดเบ็ดแล้ว” เย่ชูวเสวียรีบวิ่งมายกเเบ็ดตกปลาขึ้น ยกขึ้นมา ปลาได้กินเหยื่อและหนีไปตั้งนานแล้ว เย่ชูวเสวียเก็บเบ็ดตกปลาไปด้วยบ่นพี่ชายไปด้วย “พี่มาตกปลาหรือมานั่งเล่นเนี่ย ปลาหนีไปแล้ว”
“หนีก็หนีสิ ยังไงก็ยังอยู่ในแม่นำ้อยู่ดี” เย่จิงเหยียนพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย
“เฮ้ แล้วนี่พี่มานั่งตกอะไรล่ะ” นำไส้เดือนแขวนไว้บนเบ็ดตกปลา แล้วเหวี่ยง แต่สายเบ็ดไปไม่ถึงแม่น้ำ
เย่จิงเหยียนถอนหายใจด้วยความข้องใจ “เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวของอีเหยาเลย พี่รู้สึกเป็นห่วงนาง”
“พี่ก็ส่งข้อความไปหานางสิ” เย่ชูวเสวียขยับเข้ามาใกล้ๆข้างกายเขา ผมที่เร็วยาว กับใบหน้าหน้าที่ไม่มีเครื่องสำอาง มีความเป็นกุลสตรีมาก
“ คือพี่...คือพี่กลัวว่าจะรบกวนเธอ”
“เวลาเกือบเดือนแล้ว ภารกิจก็น่าจะสำเร็จแล้วแหละ” เย่ชูวเสวียจ้องมองเขา นัยน์ตาหมุนไปหมุนมา พูดว่า “เอาโทรศัพท์มา เดี๋ยวน้องส่งแทนพี่”
เย่จิงเหยียนขยับแต่ก็ไม่กล้า “ช่างมันเถอะ”
เย่ชูวเสวียมองครั้งเดียวก็รู้ความในใจของพี่ชาย จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วป้อนรหัสผ่าน จากนั้นหาเบอร์โทรของต้วนอีเหยา ขณะที่กำลังจะส่งข้อความไปให้เธอ ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
“เฮ้ โทรศัพท์พี่” เย่ชูวเสวียส่งโทรศัพท์ให้เขา
เย่จิงเหยียนเหลือบตามองดู เห็นว่าเป็นเบอร์คนแปลกหน้า จึงรับไปงั้นๆ “ฮัลโหล คุณเป็นใคร”
มีเสียงที่นิ่งและเย็นชาออกมาจากโทรศัพท์ “ฉันคือทหารต้วน”
เย่จิงเหยียนตกใจจนแทบจะลุกออกจากที่นั่ง พูดด้วยความสุภาพว่า “สวัสดี คุณอา”
เย่ชูวเสวียเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ลุกขึ้นมาด้วย และจ้องมองโทรศัพท์อย่างตั้งใจ
“ฉันอยากจะบอกอะไรอย่างหนึ่งกับคุณ คุณ...” ทหารต้วนตั้งใจหยุดพูด แล้วจึงพูดต่อไปว่า “คุณไม่ต้องรออีเหยาแล้ว”
เย่จิงเหยียนถึงกับตะลึง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความว่างเเปล่า ถามด้วยความหมดหวังว่า “เพราะอะไร”
“ คือนาง ชีพเพื่อชาติแล้ว ลาก่อน” ทหารต้วนเมื่อพูดจบประโยค ก็รีบตัดสายทันที
เย่จิงเหยียนเหมือนกับถูกกดปุ่มหยุด หัวใจก็หยุดเต้น โทรศัพท์บนมือร่วงลงไปกับพื้นดัง “โปะ”
เย่ชูวเสวียเห็นสีหน้าของพี่ชายก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว รีบถามไปว่า “คุณอาพูดว่าอะไรนะ”
เย่จิงเหยียนตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ พี่ พี่อยากทำให้น้องตกใจสิ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” เย่ชูวเสวียขยับแขนของเขา คิดไม่ถึงว่าไม่กี่วินาที ร่างกายที่สูงใหญ่ก็ล้มลงกับพื้น
“พี่-----” กอดเขาไว้แน่น ร้องตะโกนว่า “ คุณพ่อ คุณแม่ รีบมาเร็ว”
เย่ฉ่าวเฉินเมื่อได้ยินเสียงเสียงตะโกนของลูกสาว ก็รีบวิ่งมาดู เห็นเย่จิงเหยียนนอนอยู่บนพื้น สีหน้าเปลี่ยนทันที “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นลมล่ะ”
“ฉันไม่รู้” เย่ชูวเสวียแทบจะน้ำตาไหล “ เมื่อกี้พ่อของพี่อีเหยาโทรมา ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง จากนั้นพี่ก็เป็นลมทันที ”
เย่ฉ่าวเฉินตกใจ พยุงลูกชายขึ้นมา พูดต่อไปว่า “แย่แล้วแย่แล้ว ต้วนอีเหยาเกิดเรื่องแน่นอน เราพาเขาเข้าไปในห้องก่อนแล้วค่อยพูด”
เมื่อพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินกับลูกสาวพยุงแขนคนละข้างหายไปจากข้างทะเลสาบ
มู่เวยเวยรู้ข่าวก็รีบวิ่งมาดู เห็นลูกชายหน้าซีดนอนอยู่บนเตียง ถามด้วยความตกใจ“เกิดอะไรขึ้นกับผิงอัน”
เย่ชูวเสวียเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมน้ำตา มู่เวยเวยพูดเหมือนกับสามีว่า “แย่ล่ะ ต้วนอีเหยาต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย”
“ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ ถึงกับทำให้พี่ชายสลบไปด้”
หน้านิ่วคิ้วขมวด พูดอย่างหนักแน่นว่า “หรือว่า ...พลีชีพแล้ว”
มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว พูดอย่างนุ่มนวลว่า “อย่าร้องไห้เลย พ่อก็แค่เดาเฉยๆ รอให้ผิงอันตื่นเราก็จะรู้เองแหละ”
“หรือจะลองเรียกหมอมาดูไหม” เย่ฉ่าวเฉินถาม
“เมื่อกี้ฉันให้จางเฮ่อโทรไปแล้ว เดี๋ยวเดียวหมอก็จะมาถึงแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...