ทหารต้วนมองไปที่รอยยิ้มที่ดูไม่เต็มใจของลูกสาว ในใจเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เดิมทีเธอเป็นทหารที่มีพรสวรรค์ แต่ทำอย่างไรได้ ...
ดวงตาของชิงหลงชุ่มชื้นไปด้วยคราบน้ำตา ลูกพี่ล้มลงจนถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นความผิดของเขาทั้งนั้น
"พวกนายไม่ต้องมองฉันแบบนี้ มันเป็นความสมัครใจของฉันเอง" ต้วนอีเหยาจิ้มข้าวในชามพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะหาร้านค้าที่เหมาะสมในอีกสองวัน เปิดร้านดอกไม้สักร้าน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นสาวจัดดอกไม้ฟังดูก็ไม่เลวนะ”
"อีเหยา ลูกจริงจังไหม?" ทหารต้วนไม่รู้ว่าเขาควรจะเสียใจหรือชื่นใจดี
ต้วนอีเหยาพยักหน้า "ฉันจริงจัง ฉันเองก็ชอบดอกไม้ ได้ดูสิ่งที่สวยงามน่าจะทำให้อารมณ์ดี"
“โอเค ตอนบ่ายพ่อจะไปหาร้านให้”
"ยังมีของในกองทัพด้วย พ่อช่วยเก็บให้ฉันชั่วคราว กลับมาเมื่อไหร่ค่อยช่วยเอากลับมาให้ฉัน"
ชิงหลงกระวนกระวาย "ลูกพี่ คุณไม่กลับไปบอกลาทุกคนหรอ?"
ต้วนอีเหยากลั้นน้ำตาแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า "ไม่ไปแล้ว ถ้าฉันไปต้องร้องไห้แน่ๆ ฉันไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเด็กเปรตอย่างพวกนาย ฉันเป็นถึงลูกพี่พวกนายเลยนะ"
น้ำตาของชิงหลงหยดลงบนโต๊ะ ทหารต้วนเข้าใจความรู้สึกของเขาจึงพูดว่า "อย่าเสียใจไปเลย ที่จริงทางเลือกของอีเหยาก็ดีมากเช่นกัน นายลองคิดดูต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องตามพวกนายไปฝ่าอันตายต่างๆอีกไง ถ้าพวกนายอยากเจอเธอก็ค่อยมาเจอตอนช่วงวันหยุด"
ชิงหลงเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อแล้วก้มศีรษะลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ ผมรู้ว่านี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกพี่ แต่ผมก็อดไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะผม ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่พยายามช่วยผม ... "
"พูดอะไรไร้สาระ เธอเป็นกัปตันของพวกนายดังนั้นเธอควรรับผิดชอบพวกนายทุกคน" ทหารต้วนตำหนิเขาอย่างเคร่งขรึม "เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว ถ้ายังร้องจะทำให้อีเหยาไม่สบายใจ"
"อ้อ" ชิงหลงเช็ดน้ำตาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ต้วนอีเหยา
ในช่วงบ่ายทหารต้วนออกไปหาสถานที่ ต้วนอีเหยาเรียนรู้วิธีการอ่านปาก ชิงหลงเองก็ให้ความร่วมมือกับเธอในการฝึกฝน เมื่อใดก็ตามที่เธอพูดประโยคหนึ่งซ้ำ ความหนักอึ้งในใจก็จะลดลงทีละน้อย
ทุกคนต้องพยายามอย่างหนักเพื่อชีวิตของตัวเอง เธอเชื่อว่าความยากลำบากที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นทหารแต่เธอก็จะใช้ชีวิตที่เป็นอยู่อย่างสวยงาม
ในตอนกลางคืน ทหารต้วนนำเป็ดย่างที่มีชื่อเสียงจากทั่วเมืองหลวงกลับมา ปากของทหารต้วนเต็มไปด้วยคราบน้ำมันและเอาแต่พูดว่าอร่อย
"ร้านดอกไม้ที่ลูกต้องการพ่อหาได้แล้วที่หนึ่ง อยู่ใกล้ๆแถวมหาวิทยาลัย ที่นั้นเต็มไปด้วยนักเรียนและอาจารย์ สภาพแวดล้อมค่อนข้างเรียบง่าย" ทหารต้วนห่อเป็ดย่างลงในแผ่นแป้งบางๆให้เธอและพูดอย่างช้าๆว่า "ที่นั้นมีร้านดอกไม้ที่กำลังจะเซ้งพอดี ราคาก็เหมาะสมดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกค่อยไปดูพร้อมพ่อ ถ้าชอบเราก็ซื้อไว้ "
"อ้อๆโอเคๆ" ต้วนอีเหยาพยักหน้าขณะรับประทานอาหาร
ในค่ำคืนนี้ ทหารต้วนได้ยินเสียงร้องไห้ที่อัดอั้นตันใจของลูกสาวดังจากห้องข้างๆอย่างแผ่วเบา ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เธอเติบโตในขึ้นในพื้นที่กองทัพและเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร หลังจากที่เธอออกจากโรงเรียนเตรียมทหารเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพทันที ทหารได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเลือดเนื้อของเธอ หากต้องนำส่วนนี้ออกไปก็เหมือนกับการลอกกล้ามเนื้อและกระดูกออก ทำไมจะไม่เจ็บล่ะ?
แต่เธอก็ยังคงยิ้มและพูดว่า พ่อ ฉันไม่เป็นไร
เธอจะเป็นหรือไม่เป็นทำไมคนที่เป็นพ่อจะมองไม่ออก? เธอแค่ไม่อยากให้ตัวเองกังวลกับมันมากเกินไป
ลูกสาวคนนี้ทำให้ผู้คนหมดห่วงตั้งแต่เด็ก
วันรุ่งขึ้น ต้วนอีเหยาและอีกหลายๆคนไปดูร้านดอกไม้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง การตกแต่งหรูหรามาก เมื่อเดินเข้าไปราวกับว่าเดินอยู่ในทุ่งดอกไม้
เจ้าของร้านดอกไม้เป็นผู้หญิงที่มีออร่าอย่างมาก สามีของเธอสอนอยู่ในโรงเรียนเนื่องจากเธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอจึงจำเป็นต้องเซ้งร้านดอกไม้ไป
"สวนดอกไม้แต่ละที่ในร้านนี้ฉันล้วนแต่เป็นคนไปดูมาเอง คุณภาพถือว่าดีมาก ถ้าพวกคุณรับช่วงต่อ พวกเขาสามารถส่งดอกไม้มาให้ที่ร้านต่อได้พวกคุณจะได้ไม่ต้องตามหาไปทั่ว "ผู้หญิงคนนั้นแนะนำ ในขณะที่เธอพูด ต้วนอีเหยามองเธออย่างจริงจังและเดาความหมายได้จากการมองที่ริมฝีปากของเธอ
"ยังมียัยสาวน้อยคนนี้" ผู้หญิงคนนั้นเรียกเด็กผู้หญิงในชุดผ้ากันเปื้อนข้างๆเธอ "เธอเป็นพนักงานที่ฉันหามา ย้ายดอกไม้และจัดดอกไม้ต่างๆ ในการทำงานเธอฉลาดมาก พอรู้ว่าฉันกำลังจะเซ้งก็ร้องไห้ไปหลายวัน ถ้าพวกคุณรู้สึกว่าเธอใช้ได้ก็ให้เธอทำงานที่นี้ต่อ อีกอย่างจะได้ไม่ต้องทิ้งงานไป"
ต้วนอีเหยาชำเลืองมองหญิงสาว ใบหน้ากลมดวงตากลมโตเป็นประกายและผิวขาวอมชมพู เธอดูเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีและบริสุทธิ์
"เป็นยังไงบ้าง?ชอบไหม?" ทหารต้วนถามลูกสาวของเขา
ต้วนอีเหยาพยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นก็ร้านนี้แหละ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็โอเค ถ้างั้นเธอก็อยู่ต่อเถอะ"
หญิงสาวพูดอย่างมีความสุข "ขอบคุณค่ะเจ้านายคนใหม่ ฉันชื่อฮัวเสี่ยวกุ้ย คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวกุ้ยก็ได้ค่ะ"
เธอพูดเร็วมากทำให้ต้วนอีเหยาได้ยินไม่ชัดเจนและพูดอย่างใจเย็นว่า "หูของฉันได้รับบาดเจ็บ รบกวนพูดช้าลงหน่อยฉันถึงจะได้ยินชัดเจน"
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอยอมรับข้อบกพร่องของตัวเองต่อหน้าสาธารณชนและดูเหมือนจะไม่ได้ไม่เป็นที่ยอมรับขนาดนั้น
ทั้งฮัวเสี่ยวกุ้ยและผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงไปหลายวินาที คนที่อยู่ตรงหน้าก็พูดประโยคเมื่อกี้ซ้ำอีกครั้งแต่ช้าลงกว่าเดิมและระดับเสียงก็ดีขึ้นเช่นกัน ครั้งนี้ต้วนอีเหยาได้ยินอย่างชัดเจน
"เสี่ยวกุ้ยถูกไหม สวัสดีฉันชื่อต้วนอีเหยา ต่อไปเธอเรียกฉันว่าพี่อีเหยาก็พอละ" ต้วนอีเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮัวเสี่ยวกุ้ยถือโอกาสพูดคำว่าพี่อีเหยาออกมาอย่างชัดเจน
ตกลงราคากันแล้ว ทั้งสองก็เริ่มขั้นตอนการส่งมอบในช่วงบ่าย ณ จุดนี้อีเหยาก็มีที่อยู่เล็กๆเป็นหลักเป็นแหล่งของตัวเอง
เดิมทีทหารต้วนอยากซื้อรถให้เธอสักคัน แต่ก็กลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตรายบนท้องถนน เขาเลยคิดว่าอยากจะจ้างคนขับรถสักคน หลังจากต้วนอีเหยารู้แนวคิดของเขา เธอก็หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “พ่อ พ่อกะจะเลี้ยงดูฉันแบบเจ้าหญิงหรือไง?ฉันเช็คมาหมดแล้ว ฝั่งนี้มีรถไฟใต้ดินผ่านฉันนั่งรถไฟใต้ดินก็พอแล้ว”
"แบบนี้มันลำบากเกินไป ครอบครัวเราไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน" ทหารต้วนพูดขณะที่ขมวดคิ้ว
ต้วนอีเหยาอธิบายว่า "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เป็นเพราะฉันอยากเข้าใจเกี่ยวกับสังคมแบบนี้มากขึ้น ฉันอยู่ในกองทัพมานานหลายปีขนาดนั้นรู้สึกตัวเองตัดขาดกับสังคมแบบนี้ไปแล้ว"
"ถ้างั้นก็ได้" ทหารต้วนยื่นบัตรเอทีเอ็มจำนวนสี่ใบให้ลูกสาว "นี่คือสินทรัพย์ทั้งหมดของครอบครัวเรา ถ้าลูกจะใช้เงินก็ไปถอนเองรหัสคือวันเกิดลูก"
ต้วนอีเหยาเก็บมันไว้อย่างไม่เกรงใจ "เข้าใจแล้ว"
อยู่กับลูกสาวในร้านดอกไม้เพื่อทำความคุ้นเคยได้เพียงไม่กี่วัน วันหยุดก็สิ้นสุดลงถึงเวลาที่ทหารต้วนจะต้องกลับไปที่กองทัพ ก่อนที่จะกลับไปเขาก็บอกที่อยู่ร้านดอกไม้ให้กับเพื่อนเก่าทุกคนในเมืองหลวงและขอให้พวกเขาดูแลเอาใจใส่เธอหน่อย
หัวหน้าแผนกตรวจสอบพูดว่า "เหล่าต้วน นายไม่ต้องกังวล ในเมืองหลวงมีแต่ร้านของหลานสาวเราและบ้านเก่าของนายนั้นคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว "
ทหารต้วนพูดด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินคำพูดของนายคำนี้ฉันเองก็สบายใจ"
คนที่มาพร้อมเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับพูดว่า "พี่ต้วน เราต้องดูแลกิจการของหลานสาวด้วยไหม?หรือไม่ก็เอาใบสั่งซื้อทั้งหมดจากหน่วยของเรามาให้หลานสาวทั้งหมดเลย"
ทหารต้วนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ก็แค่งานอดิเรกและความชอบของเธอ หาเงินเข้ากระเป๋านิดหน่อย ถ้านายเอาใบสั่งซื้อให้เธอทั้งหมด แบบนั้นก็ยุ่งตายเลยสิ”
ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทมหาชนจำกัด "พี่ชาย หรือไม่ให้ฉันจัดการเรื่องบอดี้การ์ดให้หลานสาว?"
“ไม่ต้องหรอก บอดี้การ์ดฝั่งนั้นของนายยังสู้เธอไม่ได้เลย ว่างๆแวะไปซื้อดอกไม้สักช่อสองช่อก็พอแล้ว” ถ้าไม่มีลูกค้าเธอคงเบื่อตาย
"เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันจะให้คนแวะไปซื้อวันละสองช่อเลย"
หลังจากเตรียมการเสร็จเรียบร้อย ในใจทหารต้วนก็รู้สึกปล่อยวางไปได้ครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งยังถูกแขวนไว้ด้วยเรื่องงานแต่งงานของเธอที่เป็นเรื่องใหญ่โต
ปฏิเสธเย่จิงเหยียนไปแล้ว ต่อไปเขาจะต้องเลือกคนดีๆสักคนให้ลูกสาว
วันรุ่งขึ้น ต้วนอีเหยาบอกลาพ่อและชิงหลง
ทหารต้วนกอดเธอแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน หลายปีมาแล้วที่เขาไม่เคยกอดเธอแบบนี้ ต้วนอีเหยารู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ จึงหัวเราะและพูดว่า "พ่อ รีบๆไปเถอะ อย่ามัวชักช้าฉันจะทำมาหากิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...