วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 355

"อีเหยา...."

"เห้อ..." ต้วนอีเหยานวดขมับ ยิ้มอย่างอึดอัด "คือ....ไป๋จิ่นอี้ ฉัน..."

เธอไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาไม่เศร้าจนเกินไป แต่เธอก็รู้ว่าเธอตอบตงลงเขาไม่ได้

ไป๋จิ่นอี้มองเธออย่างมีความหวัง เขาไม่รู้เลยว่าต้วนอีเหยากำลังลำบากใจอยู่ เขามองว่าเธอกำลังเขินอายอยู่

"ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องพูดก็ได้" เขายื่นกล่องแหวนมาใกล้ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าแค่เธอรับก็พอ

สำหรับเขา ขอแค่ต้วนอีเหยาตอบตกลงก็พอ เขาไม่ต้องการให้เธอตอบสนองกลับมา ยังไงวันข้างหน้าก็ยังมีอีกยาวไกล ต้องมีวันหนึ่งที่เธอจะดีกับเขา

"ไม่...ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ต้วนอีเหยาโบกมือ เธอรู้ว่าไป๋จิ่นอี้เข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย

"ฉันจะบอก...จะบอกว่า...."

"ฉันไม่สามารถรับรักคุณได้" เธอกลัวจะเห็นสายตาผิดหวังของไป๋จิ่นอี้ จึงหลับตาและพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

ไป๋จิ่นอี้ตะลึง กล่องหลุดจากมือตกลงไปบนพื้น เพราะแหวนไม่ได้เก็บไว้อย่างดีจึงหลุดออกจากกล่องกลิ้งมาหยุดตรงข้างเข่าของเขา

"จิ่นอี้....ฉัน...ชอโทษ.."

นอกจากขอโทษ ตอนนี้เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว เธอก้มหน้าลงด้วยความเสียใจไม่กล้ามองไปที่เขา

"อี้เหยา มันเร็วเกินไปใช่มั้ย เธอถึงยังไม่ตกลง" ไปจิ๋นอี้สับสนเป็นเวลานานก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

เขาคิดว่าที่เธอไม่ตอบตกลงเป้นเพราะเวลามันเร็วเกินไป รู้จักกันแค่อาทิตย์กว่าก็เป็นแฟนกัน พอรู้จักกันเดือนกว่าก็ขอเธอแต่งงาน เขารีบเกินไปจนทำให้ผู้หญิงอาจจะกลัวได้

ต้วนอี้เหยาได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นมา "ไม่ใช่ จิ่นอี้ ฉัน.....ฉันตกลงไม่ได้จริงๆ"

"เพราะฉันมีคนที่ชอบแล้ว"

ไปจิ่นอี้มองเธออย่างเหม่อลอย ไม่ใช่เพราะเขิน ไม่ใช่เพราะลังเล แต่เพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว....

"ใช่เย่จิงเหยียนมั้ย" สมองของไป๋จิ่นอี้ฉายภาพตอนเธอกับผู้ชายคนนั้นสบตากันขึ้นมา ในแววตาทั้งคู่ดูมีเรื่องราวบางอย่าง

ต้วนอีเหยาไม่ได้ตอบ เธอเงียบอย่างยอมรับ

ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเย่จิงเหยียนที่งานแต่ง ไม่รู้ว่าเขารักเธอ เธออาจจะตอบตกลงแต่งงานไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดโกหก

ในร้านอาหาร เปียโนยังคงบรรเลงอยู่ แต่บริกรที่รออยู่ข้างๆก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศไม่ปกติ เขาจึงเดินไปที่เปียโน และส่งสัญญาณให้นักเปียโนหยุดเล่น

"คุณรักเขาหรอ" ไป๋จิ่นอี้ยังคงไม่ตัดใจ เขาแอบคิดในใจว่าถ้าเธอไม่ยอมรับ เขาก็ยังมีหวัง

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พยักหน้าอย่างไม่ลังเล

ตอนนั้นใจไป๋จิ่นอี้สลายในทันที เขาก้มหน้าลง เพื่อให้ผมปกปิดสายตาอันผิดหวังของเขา

......

อีกด้านหนึ่งในโรงพยาบาล

ตกดึก ต้วนจื่ออิ๋งก็เตือนให้แม่ของเธอพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน ส่วนเธอก็ไปนั่งแทนที่แม่ของเธอ

ตั้งแต่พ่อป่วย เธอก็รู้สึกโตขึ้นในพริบตา ความไร้เดียงสาก่อนหน้านี้หายไปจนหมด เหลือแต่ความสงบนิ่ง

เธอรู้ความเอาแต่ใจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พี่จิงเหยียนไม่มีทางชอบเธอ และพ่อก็ยังป่วยติดเตียงแบบนี้

เธอห่มผ้าห่มให้พ่อต้วนเสร็จ เธอก็ยกมือมาแตะหน้าของพ่อ เมื่อเห็นตัวยังอุ่นอยู่เธอก็สบายใจ

ขอแค่พ่อยังตัวอุ่น ก้แปลว่าพ่อยังไม่จากไปไหน

เสียงเท้าดังมาจากข้างหลัง เธอไม่ต้องหันไปมองก้รู้ว่าเย่จิงเหยียนมาแล้ว ช่วงนี้เขานอนแค่วันละสามสี่ชั่วโมง เมื่อถึงกลางดึก เขาก็ต้องมาปรากฎตัวที่ห้องผุ้ป่วยทุกที

เขาเดินเข้ามาเงียบๆ ดึงเก้าอี้ไปนั่งหลังเธอไกลๆ

"พี่จิงเหยียน...."

ต้วนจื่ออิ๋งหันไปทำลายความเงียบ เย่จิงเหยียนเงยหน้ามองเธอด้วยความสงสัย

"พ่อฉันจะฟื้นมั้ย"

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ ขนาดหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลยังไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าพ่อต้วนจะฟื้นมั้ย

"พวกเรารอไปด้วยกันเถอะ" เย่จิงเหยียนนวดหว่างคิ้วและพูดเบาๆ

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเขาก็แดงกำ่ ต้วนจื่ออิ๋งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติ

เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกว่ากลัว อย่างนี้ก็แสดงว่าพี่จิงเหยียนน่าจะชอบเธอเหมือน ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงมาเฝ้าไข้กับเธอทุกวัน ไม่ไปหาต้วนอีเหยา

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ต้วนจื่อจินก็ยิ้มออกมา พร้อมกับกอดแขนเขาอย่างรักใคร่ "ฉันเชื่อว่าพ่อจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่ๆ"

เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดต้วนจื่ออิ๋งก็หลับไปอย่างทนไม่ไหว เธอซบไหล่เย่จิงเหยียนหลับอย่างสะลืมสะลือ

เย่จิงเหยียนไม่ได้ดันเธอออก เขาค่อยๆนั่งหลับตาไปเช่นกัน กลางดึกเปลือกตาของพ่อต้วนที่นอนอยู่บนเตียงก้ค่อยๆขยับโดยที่ทุกคนไม่มีใครสังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆนี้เลย

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว เย่จิงเหยียนขยับไหล่ด้วยความเมื่อยขบ ต้วนจื่ออิ๋งจึงตื่นขึ้นมาเพราะการเคลื่อนไหวของเขา

"อะไรหรอคะ" เขาค่อยๆขยับตาตื่น เธอลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จนเมื่อเธอตื่นเต็มตา ห้องสีขาวสะอาดก็ทำให้เธอนึกออกว่าเธออยู่ในห้องผู้ป่วยของพ่อ

เย่จิงเหยียนไม่ได้ตอบ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็พูดกับเธอน้อยมาก เขาหรี่ตาเล็กน้อย จนเมื่อสายตาปรับเข้ากับแสงสว่างได้จึงลืมตาขึ้นมาเต็มตา

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เตียงคนไข้ ก่อนจะตะลึง บนเตียงไม่มีพ่อต้วนนอนอยู่

เขารีบเด้งตัวขึ้น ต้วนจื่ออิ๋งรู้สึกแปลกๆกับท่าทางของเขาจึงมองตามสายตาของเขาไป...

"พี่จิงเหยียน...." สายตาของต้วยจื่ออิ๋งหม่นลง มองไปบนเตียง "พ่อฉันไปไหนแล้ว"

เย่จิงเหยียนตอบอย่างสงบ "ไม่รู้"

เช้าขนาดนี้ ถ้าหมอจะมาตรวจก็น่าจะปลุกพวกเขา แล้วยิ่ง....ตรวจแล้วเอาตัวไปด้วย มันจะเป็นไปได้ยังไง

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตามหาอย่างรีบร้อน พ่อต้วนก็เดินเกาะกำแพงเข้ามาตัวสั่นๆ เมื่อต้วนจื่ออิ๋งหันไปเห็นก้น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับตรงเข้าไปกอดเอวเขาทันที

"พ่อ...พ่อไปไหนมา"

พ่อต้วนแทบจะไม่มีแรง เขาเกาะผนังด้วยสองมือ พร้อมกับพร้อมเปล่งเสียงพูด "อยากเข้าห้องน้ำ เห็นทุกคนหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก"

ต้วนจื่ออิ๋งร้องไห้ "พ่อต้องปลุกหนูสิ พวกเราคิดว่า..."

พ่อต้วนพยายามยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าเศร้าๆของเธอ "อย่าร้อง โตแล้วนะ ทไเป็นเด็กๆไปได้"

พูดจบเขาก็มองไปที่เย่จิงเหยียน ถึงสีหน้าจะไม่ดีมากนัก แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก

แม่ต้วนถือกล่องอาหารเช้าเข้ามา เมื่อเห็นพ่อต้วนยืนอยู่หน้าประตู เธอก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ อ้าปากค้างนานมาก ก่อนจะพูด "คุณต้วน...."

เมื่อพูดจบ น้ำตาก็ไหลออกมาทันที เธอรอมาหลายวัน ผิดหวังวันแล้ววันเล่า จนคิดจะถอดใจไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงวาเขาจะตื่นเข้ามา

เธอเดินเข้าไปจับมือเขา และพูดด้วยตื่นเต้น "ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย"

พ่อต้วนค่อยๆยิ้มออกออกมาอย่างอ่อนโยน "คุณลองตีตัวเองดุสิ จะได้รู้ว่าจริงมั้ย"

เมื่อแม่ต้วนโดนหยอกก็ค่อยๆมีรอยยิ้มขึ้นมา พลางใช้ผ้าเช้ดหน้าซับน้ำตา "ฟื้นขึ้นมาก็ดีๆ..."

พวกเขาทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยมีเย่จิงเหยียนมองดูเงียบๆ เขาค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดสิ่งที่หนักใจอยู่ก็หายไป เมื่อทุกคนหยุดคุยกัน เขาจึงเดินไปลา "คุณพ่อต้วนฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้วครับ ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ"

ทั้งสามคนมองมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียง ต้วนจื่ออิ๋งตำหนิเบาๆ "พี่จิงเหยียนไม่อยู่ก่อนหรอคะ พ่อฉันเพิ่งฟื้นนะ..."

เย่จิงเหยียนส่ายหน้า "ในเมื่อฟื้นแล้วก้ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ"

เขาไม่ต้องบอกว่ามีธุระอะไร สายตาอันชาญฉลาดก็พอจะเดาความคิดเขาออกได้ พ่อต้วนจึงพูดอย่างเย็นชา "ไปเถอะ ไม่มีใครขอให้อยู่"

เย่จิงเหยียนตั้งใจจะพูดอะไร แต่พ่อต้วนก็หันหน้าหนี เขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทำแค่หันไปคำนับให้แม่ต้วน และเดินจากไป

ต้วนจื่ออิ๋งกำลังจะเดินตามไป แต่เมื่อเห้นสายตาของแม่ก็ได้แต่นั่งอยู่กับที่อย่างสงบเสงี่ยม

พ่อต้วนหันกลับมาไม่เห็นเย่จิงเหยียนอยู่ในห้องก็ยิ่งโกรธ เขาจึงหันมาพูดกับลูกสาวว่า "ตอนนี้ตาสว่างรึยัง ฉันเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา มันก็อดรนทนไม่ไหวรีบไปหาผู้หญิงอื่น บอกไว้ตรงนี้เลย ฉันจะไม่ญาติดีกับมันอีก"

"พ่อ พี่จิงเหยียนไม่ใช่คนแบบนั้น เขาต้องมีเรื่องสำคัญมากแน่ๆ"

"แก...แกจะทำให้ฉันโกรธให้ได้เลยใช่มั้ย"

พ่อต้วนเห็นลูกสาวยังคงปกป้องเย่จิงเหยียนอยู่ หน้าอกเขาก็กระเพื่อมขึ้ยลงอย่างรุนแรง แม่ต้วนจึงรีบลูบหน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว

เธอพูดกับต้วนจื่ออิ๋งเสียงต่ำ "ทำตามพ่อสั่งสิ"

"พ่อ ไม่ต้องโกรธแล้ว หนู...ยอมแล้ว พ่อพูดถูก"

ต้วนอี้เหยารีบตอบรับโดยไวด้วยความกลัว พ่อเธอเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เธฮไม่อยากให้เขาเป็นลมไปอีกครั้ง

.....

ต้วนิีเหยาล้างหน้าและจ้องหน้าซีดๆของตัวเองในกระจก เมื่อวานการขอแต่งงานของไป๋จิ่นอี้ล้มเหลว

พวกเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง แต่เรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน

เธอคิดเยอะมาก ตั้งแต่เจอไป๋จิ่นอี้ไปจนถึงตอนเห็นสายตาของเย่จิงเหยียนที่มองเธอมา เธอคิดยิ่งติดพัน จนในที่สุดต้องพึ่งยานอนหลับ

ใบหน้าของเธอในกระจกอิดโรยมาก ขอบตาบวมช้ำ และดำจนเธอได้แต่กดรอยคล้ำนั้นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

เมื่อวานเธอทำให้ไป๋จิ่นอี้ยุ่งเปล่าทั้งวัน ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดอย่างท้วมท้น

ต้วนอีเหยาพิงอ่างล้างหน้า และส่ายหน้าแรงๆ "ไม่เป็นไรๆ ไป๋จิ่นอี้ไม่เสียใจง่ายขนาดนั้นหรอก"

เมื่ออาบน้ำเสร็จ เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่ร้านดอกไม้ ฮัวเสี่ยวกุ้ยยังมาไม่ถึงร้าน และข้างนอกก็ยังไม่มีคนมาซื้อดอกไม้

ต้วนอีเหยาเปิดประตูด้วยึวามสับสน จากนั้นครึ่งชั่วโมง ฮัวเสี่ยวกุ้ยก็มาที่ร้าน

"เจ้านาย" ฮัวเสี่ยวกุ้ยมองต้วนอีเหยาอย่างแปลกใจ เธอมาที่ร้านแต่เช้าอย่างนี้น้อยมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ ต้วนอีเหยาแทบจะไม่มาร้านเลยทั้งวัน ดังนั้นเมื่อเห็นเธอนั่งดื่มชาบนเก้าอี้ยิ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจ

"คนที่มาซื้อดอกไม้ เขามาตอนไหน" เมื่อต้วนอีเหยาเห็นใบหน้าของเธฮมีเหงื่อเต็มหน้าก็รินชาให้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ