วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 356

เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงจากในห้องครัว เขาจึงอดแปลกใจไม่ได้ จึงลุกเดินไปทางห้องครัว

"แกรก..."

ประตูกระจกห้องครัวถูกผลักเปิดออก ต้วนอีเหยาใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังตั้งใจนวดแป้งอยู่ จึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขา ผมยาวของเธอถูกรวบไว้ ทำให้เย่จิงเหยียนเห็นลำคอขาวของเธอ

"อะแฮ่มๆ..." เย่จิงเหยียนกระแอมออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของเธอ

ต้วนอีเหยารู้ตั้งนานแล้วว่าเขาเข้ามา แต่เมื่อกี้เธอทำเรื่องปิดบังเขาอยู่เลยตั้งใจไม่สนใจเขา

เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของเขา หัวใจที่เต้นรัวก็กลับมาเต้นปกติลงมาก เธอเงยหน้าขึ้น "คุณเข้ามาทำไม"

"คุณทำอะไรอยู่"

ต้วนอีเหยาเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อน "เตรียมห่อเกี๊ยว"

"ให้ผมช่วยมั้ย" เย่จิงเหยียนเดินไปกอดเอวเธอจากด้านหลัง และวางคางไว้บนไหล่ของเธอ

ต้วนอีเหยาหมุนตัวกลับมาหาเขา "คุณไม่ต้องช่วย แค่ออกไปนั่งก็ถือว่าช่วยแล้ว"

เธอหลอกล่อให้เยจิงเหยียนออกไปจากห้องครัว เมื่อกำลังจะปิดประตูกระจกเธอก็สั่ง "อย่าเข้ามา ในนี้มีแต่กลิ่นน้ำมัน"

เธอจ้องจนเย่จิงเหยียนพยักหน้าแล้วจึงปิดประตูอย่างสบายใจ จากนั้นก็เอาแครอทที่หั่นไว้มาคลุกรวมกับเนื้อ

เธอเงียบฟังจนแน่ใจว่าเย่จิงเหยียนไม่เข้ามาแล้ว ก็รีบห่อเกี๊ยวอย่างรวดเร็ว

เย่จิงเหยียนสังเกตุอพาร์ทเม้นอย่างละเอียด การตกแต่งในห้องดูเป็นตัวเธอทุกอย่าง เขาดูทุกอย่างอย่างละเอียด เพื่อจะดูช่วงเวลาหลายเดือนที่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

ขณะที่เขากำลังเหม่ออยู่นั้น ประตูห้องครัวก็เปิดออก เขาหันไปมองต้วนอีเหยาถือจานเกี๊ยวร้อนๆออกมายืนตรงหน้าเขา

"อาหารพร้อมแล้ว"

ต้วนอีเหยาวางเกี๊ยวลง และหายเข้าไปในครัวครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถือชามเล็กๆกับตะเกียบออกมาวางบนโต๊ะ

เธอกอดอกวางไว้บนโต๊ะ และมองเขาอย่างคาดหวัง "ชิมดูสิ"

เย่จิงเหยียนไม่อยากปฏิเสธสายตาเร่งเร้าของเธอ จึงคีบเกี๊ยวหนึ่งชิ้นขึ้นมาใส่ปาก

"เป็นยังไงบ้าง" เขายังไม่ทันรู้รส ต้วนอีเหยาก็ถามเอาอย่างรอไม่ไหว

เย่จิงเหยียนเคี้ยวสองครั้งแล้วขมวดคิ้วพูด "อร่อยมาก"

เขาไม่ได้พูดเอาใจ เกี๊ยวอันนี้อร่อยจริงๆ แต่เขารู้สึกว่าส่วนผสมที่ใส่เพิ่มเข้ามารสหนักไปหน่อย อาจเป็นเพราะรสปากของต้วนอีเหยาเปลี่ยนไป

เมื่อต้วนอีเหยาเห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรก้สบายใจขึ้น โชคดีที่เขาไม่ได้รสชาติแครอท

เย่จิงเหยียนกินไปอีกหลายคำเพราะเลยเวลาอาหารเที่ยงมานานแล้ว ทำให้เขาหิวสุดๆ ยิ่งเป็นเกี๊ยวที่อีเหยาทำให้แล้ว ยิ่งทำให้เขาเจริญอาหารเป็นอย่างมาก

เขากินเกี๊ยวไปสามในสี่ส่วนจากทั้งหมด หลังจากกินอาหารแล้ว เขาก็นอนลูบท้องอยู่บนโซฟา พลางมองต้วนอีเหยาเก็บจานอย่างมีความสุข

จากนั้นไม่นานอีเหยาก็ล้างจานเสร็จและกลับมาอยู่ข้างๆเขา ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัวดีก็ถูกแรงมหาศาลดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด

"อย่าดิ้น ให้ผมกอดหน่อย" เย่จิงเหยียนจับมือที่ดิ้นยุกยิกของเธอไว้ จากนั้นก้ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดแน่น

นี่ต่างหากเป็นชีวิตที่เขาต้องการ มีคนที่รัก กินอาหารที่เธอทำ ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

ทันใดนั้นเย่จิงเหยียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เขารู้สึกคันแขนเล็กน้อยตั้งแต่กินข้าวเสร็จแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ แค่เกาไปลวกๆ ไม่คิดว่ามันจะเริ่มคันมากขึ้น

"คุณเป็นอะไร" ต้วนอีเหยารู้สึกถึงความผิดปกติจึงดึงแขนเขาขึ้นมา ก่อนจะเห็นผื่นสีแดงๆขึ้นเต็มไปหมด

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว ดึงแขนกลับมา ไม่ให้เธอมองเห็น "ไม่รู้ อยู่ดรๆก็คันขึ้นมา เดี๋ยวก็หายเองแหละ"

ต้วนอีเหยาไม่เชื่อ เธอดึงเขาลุกขึ้นมาจากโซฟา "ไปโรงพยาบาลกับฉัน"

"ผมไม่เป็นไร..."

ตอนพูดเสียงเขาก็แหบพร่าลง จนในที่สุดเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ "เมื่อกี้ในไส้มีอะไรบ้าง"

"กวางตุ้ง เนื้อแล้วก็แครอท ทำไมหรอ"

เธอไม่เข้าใจว่าเวลาแบบนี้จะมาถามเรื่องพวกนี้ทำไม แต่เธอก็ยังยอมตอบตรงๆ

เย่จิงเหยียนรู้สึกหายใจลำบากมากขึ้น จากนั้นก้พยายามลืมตาอย่างยากลำบาก "ผม...ผมแพ้แครอท"

แพ้!

ต้วนอีเหยาตกใจในบันดล ทำไมเธฮไม่เคยได้ยินว่ามีคนแพ้ของอย่างนี้มาก่อน

หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก เธอตบหน้าเย่จิงเหยียนที่กำลังจะหลับตาเบาๆ "คุณอย่าหลับนะ ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล"

แม้จะไม่รู้ว่ารุนแรงมั้ย แต่เธอก็รู้ว่าการแพ้อาหารสามารถทำให้ถึงตายได้ แถมเมื่อกี้เขาก็กินไปเยอะขนาดนั้น อาการคงไม่ดีมากนัก

"อืม..." ถึงเย่จิงเหยียนจะตอบตกลง แต่ตาของเขาก็ค่อยๆปิดลง

ต้วนอีเหยามือสั่นรีบควานหาโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เธอกด120

"ฮัลโหล 120 ใช่มั้ยคะ พวกคุณรีบมาเร็ว ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย...."

เธอพูดอย่างร้อนรนจนคนฟังฟังสิ่งที่เธอจะสื่อไม่รู้เรื่องเลย

"คุณผู้หญิงใจเย็นๆนะคะ บอกพวกเราว่าอาการของคนป่วยเป็นยังไง ที่อยู่..."

"เขา...เขาแพ้อาหาร พวกเราอยู่ที่...."

ต้วนอีเหยาวางสายโทรศัพท์อย่างลำบากใจ เธอทำตามคำแนะนำของหมอ หายาแก้แพ้ในบ้านให้เขากิน แต่เย่จิงเหยียนก้ไม่ได้ดีขึ้นมา เธอจึงหาน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้เขา

กว่าหมอจะมาต้วนอีเหยาก็หมดแรงล้มอยู่บนพื้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังออกแรงเฮือกสุดท้ายเรียกรถพยาบาลเข้ามา

"หมอคะ ช่วยเขาด้วย"

ก่อนเข้าไปในห้องฉุกเฉินต้วนอีเหยาก็จับมือของหมอไว้ พร้อมส่งสายตาวิงวอนออกไป

หมอเอามือเธอออกเบาๆ พร้อมพูดอย่างนุ่มนวล "ฉันจะรักษาเต็มที่ คุณวางใจเถอะค่ะ"

ต้วนอีเหยาปล่อยมือ ยืนอยู่ตรงทางเดินด้วยความเดียวดาย ก่อนที่ประตูห้องฉุกเฉินจะค่อยๆปิดลง

หลังจากนั้นบ้านตระกูลเย่ก็รีบมาหลังจากได้รับข่าว มู่เวยเวยเดินไปลูบไหล่เธอ นั่นทำให้เธอร้องไห้ออกมาทันที

"ขอโทษนะคะ ขอโทษ..."

นอกจากคำว่าขอโทษเธอก็พูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว จากที่มู่เวยเวยไม่พอใจก็เริ่มอารมณ์เย็นลง

"ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าจิงเหยียนจะไม่ทำให้เราเป็นห่วงแน่นอน เธออย่าโทษตัวเอง คนไม่รู้ไม่ผิดหรอก"

ตอนแรกต้วนอีเหยาคิดว่ามู่เวยเวยจะด่าเธอด้วยความโกรธเสียอีก ไม่คิดว่าเธอจะมาปลอบตัวเอง นั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก

เธอเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามีคนรอบตัวเต็มไปหมด จึงรีบนั่งลงเช็ดน้ำตา และรีบลงขึ้นมาใหม่

"พี่อีเหยา ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" เย่ชูวเสวียกอดต้วนอีเหยา ด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด เธอเพิ่งจะร้องไห้มา น้ำเสียงจึงแหบเล็กน้อย

ทุกคนต่างรู้ดีว่าการแพ้อาหารมีทั้งหนักและเบา แต่เมื่อได้เข้าห้องฉุกเฉินอย่างนี้อาการคงหนักไม่เบาเลย

สีหน้าของทุกคนต่างไม่ค่อยดี จนเมื่อเย่จิงเหยียนถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าปกติ และยังนอนหายใจอยู่บนเตียง ทุกคนถึงได้โล่งใจขึ้นมา

แพทย์เจ้าของไข้มองมู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินก่อนจะขมวดคิ้ว "พวกคุณรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอว่าเขาแพ้ ทำไมยังให้เขากินแครอทอยู่อีก"

"อาจจะลืมน่ะค่ะ พวกเราประมาทเกินไป..." ม่เวยเวยรับผิดแทนต้วนอีเหยา

ต้วนอีเหยาที่ได้ฟังหน้าแดงขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเธออวดฉลาด คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

"เรายื้อชีวิตกลับมาให้แล้ว เหลือรอยแดงตามตัว อาจจะต้องรอสักระยะหนึ่งถึงจะหาย หน้าหล่อขนาดนั้น เห้อ..." หมอเจ้าของไข้ตบไหล่เย่ฉ่าวเฉินเบาๆ จากนั้นก็เดินจากไป

เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วย เย่จิงเหยียนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานสีขาวก็แอบถอนหายใจในใจ

เขานี่หนีไม้พ้นโรงพยาบาลจริงๆ...

"ฟื้นแล้ว" มู่เวยเวยเอาหมอนมารองไว้ข้างหลัง เพื่อให้เขาขึ้นมานั่งพิงได้สบายๆ

เย่จิงเหยียนเห็นมู่เวยเวยก็ตกใจขึ้นมา ก่อนจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตาไปทั่วห้อง

"อีเหยาล่ะ"

มู่เวยเวยค่อนขอดเบาๆ "ใช่สิ มีสาวแล้วก็ลืมแม่แล้ว"

เย่จิงเหยียนกลัวเธอโกรธจึงรีบอธิบาย "ไม่ใช่ ผมหมายถึง...."

"แกรก..."

ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายจบ มู่เวยเวยก็กลั้นขำไม่ไหวหัวเราะออกมา จากนั้นก็หันหลังไป "สาวของลูกอยู่นี่จ้า"

เย่จิงเหยียนหน้ายุ่ง เขาโดนจับได้อีกแล้ว

แต่เมื่อเขามองเห็นต้วนอีเหยา ความไม่พอใจอขงเขาก็หายไปในทันที เหลือแต่ความอ่อนโยน

เขายกมือขึ้นมาลูบมุมตาของเธอเบาๆ ตาของเธอแดงราวกับเพิ่งร้องไห้มา "ไม่ต้องร้อง"

ต้วนอีเหยายิ้มอย่างขมขื่น "ทำไมคุณโง่ขนาดนั้น"

"ผมรู้สึกว่าอร่อยมากนี่นา"

.....

ต้วนอีเหยาหมดคำจะพูด ทำไมเขาพูดตรงขนาดนั้น

ทั้งสามคนข้างหลังเห็นว่าอยู่ต่อไปก็รังแต่จะเป็นก้างขวางคอ จึงส่งสัญญาณมือให้เย่จิงเหยียน จากนั้นก็ลากเย่ชูวเสวียที่ไม่ยอมไปออกจากห้องไปด้วย

ทั้งหมดนี้ต้วนอีเหยาไม่รู้ เพราะเธอมัวแต่ห่วงอาการป่วยของเย่จิงเหยียน

ตอนที่มู่เวยเวยปิดประตู เย่จิงเหยียนก้แกล้งไอออกมา ทำให้ต้วนอีเหยารีบเข้าไปดูอาการ

"คุณเจ็บตรงไหน" ต้วนอีเหยาอยู่ใกล้เย่จิงเหยียนมากเพียงแค่กระดาษกั้น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป้นห่วง

เมื่อเห็นสายตายิ้มๆของผู้ชายตรงหน้า โดยที่ไม่มีอาการเจ็บปวดเลยสักนิด เธอก็ทุบอกเขาไปด้วยความโกรธ

"โอ้ย"

เย่จิงเหยียนร้องออกมา พลางกุมหน้าอกของตัวเอง ต้วนอีเหยาจึงตกใจอีกครั้ง "เป็นอะไรไป ฉันทำคุณเจ็บหรอ"

"เจ็บนิดหน่อย" เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและหลุบตาลง

ยิ่งทำให้ต้วนอีเหยารู้สึกผิด "ขอ..."

เธอเพิ่งจะพูดออกมาได้คำเดียว เย่จิงเหยียบก็จุ๊บลงบนริมฝีปากของเธอ

"หวานจัง"

จากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

ต้วนอีเหยาถูกเขาแกล้งจนหน้าแดงขึ้นมา "คุณ...คุณ...คนบ้า"

เย่จิงเหยียนตอบหน้าตาย "ผมนิสัยไม่ดีอย่างนี้แหละ ถ้าไม่พอใจก็มาจูบคืนสิ"

"คุณ...."

เธอหันหน้าหนีโกรธๆ ตั้งใจจะไม่คุยกับเขาอีกแล้ว

แต่ใครบางคนก้ไม่ยอมให้เธอได้ทำตามที่หวัง เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้จากนั้นก้เอาเปรียบเธออีกครั้ง "เมื่อกี้คุณคุณได้เปรียบชัดๆ ผมต้องเอาคืน"

"ไปให้พ้น"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ