......
วันรุ่งขึ้น ต้วนอีเหยางัวเงียตื่นขึ้นมาและทำท่าบิดขี้เกียจ แต่กลับถูกใครบางคนคว้ามือเอาไว้ เมื่อเธอหันไปมอง ก็ได้สบเข้ากับดวงตาที่อ่อนโยนของเย่จิงเหยียน
"ตื่นแล้วเหรอ?"
ทันทีที่ต้วนอีเหยาลุกขึ้นจากที่นอน ขาของเธอก็อ่อนยวบจนเกือบจะล้มลงกับพื้น สุดท้ายเธอต้องพยุงตัวไว้กับเตียงจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ได้
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเย่จิงเหยียนกำลังจ้องมองมาอยู่ เธอก็ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ "มันเป็นความผิดของคุณนั่นแหละ!"
"ใช่ ๆ ๆ เป็นความผิดของผมเอง" เย่จิงเหยียนรีบยกมือขึ้นยอมรับผิด "ผมอยากกินแซนวิชแล้วซี"
แม้ว่าต้วนอีเหยาจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ไปที่ห้องครัวเพื่อทําแซนวิชให้เขาแต่โดยดี เพียงแต่ท่าทางการเดินของเธอนั้นดูจะแปลกไปมาก
หลังอาหารเช้า ต้วนอีเหยาได้รับโทรศัพท์จากนายทหารต้วน เธอกดปุ่มรับสายอย่างงุนงง "ฮัลโหล คุณพ่อ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?"
"ที่เคยบอกให้มาฝึกก่อนหน้านี้น่ะ เข้ามาบ่ายนี้เลยก็แล้วกัน"
"ได้ค่ะ!" ต้วนอีเหยาเหลือบมองไปที่เย่จิงเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เธออ้าปากแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
ถ้าคุณพ่อรู้ว่าเธออยู่กับเย่จิงเหยียนอีก ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้คงได้แต่ปิดบังไว้ก่อน
"มีอะไรเหรอ? ต้องไปที่กองทัพเหรอ?" เย่จิงเหยียนรอจนเธอวางสายไปแล้วจึงรีบถามขึ้นทันที
"ใช่ค่ะ ต้องไปบ่ายนี้เลย"
"เร็วขนาดนั้นเชียว......"
เย่จิงเหยียนก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง นี่หมายความว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันสักพักเลยใช่ไหม?
พวกเขาเพิ่งจะกลับมาคืนดีกัน ก็ต้องแยกจากกันอีกแล้วเหรอ?
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังหยุดลง ต้วนอีเหยาหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ "ฉันไปแค่ไม่กี่วันก็จะกลับมาค่ะ"
"จริงนะ?" ดวงตาของเย่จิงเหยียนเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง "ถ้าอย่างนั้นผมจะรอคุณอยู่ที่นี่!"
"ไม่จําเป็น คุณกลับไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีใครคอยดูแลคุณ"
"แต่ ผมกลัวว่าเมื่อคุณกลับมาแล้วจะไม่เห็นผม......"
"ฉันจะโทรหาคุณทันทีที่ฉันกลับมา" ต้วนอีเหยาถอนหายใจ ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะดูไม่ค่อยพอใจเป็นพิเศษ
เย่จิงเหยียนยังมีข้อสงสัยบางอย่าง แต่รู้ดีว่าไม่สามารถรั้งให้เธออยู่ต่อได้ ดังนั้นเขาจึงนั่งคนเดียวอยู่บนโซฟาครุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่เธอจะจากไป ตัวเขาเองก็จะไปจัดการเรื่องระหว่างเขากับต้วนจื่ออิ๋ง
......
ในตอนบ่าย ต้วนอีเหยาได้มาถึงเขตทหาร ส่วนใหญ่กำลังเริ่มฝึกซ้อมกันแล้ว เธอเดินผ่านขบวนกองทหารราบที่กำลังเดินแถวตรงไปสิบกว่าแถว และตรงเข้าไปยังกองพันบัญชาการทหาร
นายทหารต้วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้กำลังสั่งการนายทหารหลายคนที่อยู่ตรงหน้า
"ทหารราบควรใช้เวลาฝึกซ้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนเครื่องบิน รถถัง นั้นมีเสียงดังรบกวนประชาชน ก็เน้นฝึกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องฝึกแล้ว......"
"รับทราบ!"
นายทหารทั้งสามทำความเคารพเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อพวกเขาหันหลังกลับก็พบกับต้วนอีเหยาที่เพิ่งเข้าประตูมา จึงทำความเคารพเธออย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
เมื่อจัดเก็บเอกสารเสร็จแล้วนายทหารต้วนก็เงยหน้าขึ้น และเห็นต้วนอีเหยากําลังเดินเข้ามาหาเขา รอยย่นบนใบหน้าก็กองรวมกัน "มาแล้วเหรอ!"
ต้วนอีเหยาทําความเคารพแบบทหารอย่างเคร่งครัด "เรียกหนูให้มาพบทำไมกันคะ?"
"กองทัพกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกทหารราบ จนเราไม่สามารถหาผู้บัญชาการทหารอากาศได้ ดังนั้นจึงให้ลูกมาเป็นเฉพาะหน้าไปก่อน"
ต้วนอีเหยาลูบจมูกของเธอ ให้เธอมาเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศเนี่ยนะ พ่อของเธอก็ช่างประเมินเธอสูงซะเหลือเกิน แม้ว่าเธอจะขับเครื่องบินได้ แต่ว่านี่เป็นถึงการสวนสนามของเหล่าทหาร......
"ไม่ต้องกังวล เรามีเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคโดยเฉพาะ ลูกแค่ต้องรับผิดชอบดูแลทีมเท่านั้น"
"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าหนูไม่จำเป็นต้องสอนวิธีขับให้พวกเขา?"
นายทหารต้วนหัวเราะเบา ๆ และคิดว่าคําถามของลูกสาวช่างน่าสนใจ "ด้วยทักษะไก่กาของลูก ยังกล้าที่จะเข้าไปร่วมในการสวนสนามของทหารด้วยเหรอ?"
"นักบินของเราทุกคนต่างมีประสบการณ์การบินอย่างน้อยสิบปี!"
ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงด้วยความน้อยใจ "ทักษะของหนูก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ"
เธอไม่เพียงแต่ขับเครื่องบินได้ไม่เลวเท่านั้น แต่ราวกับมีพรสวรรค์ สิ่งที่คนอื่นต้องเรียนรู้หลายเดือน สำหรับเธอกลับใช้เวลาเพียงสองสามวัน อีกทั้งยังขับได้อย่างราบรื่น ทั้งยังเคยได้รับการชื่นชมจากนักบินพิเศษอีกด้วย
"เอาล่ะ พ่อจะพาลูกไปสำรวจดูสนามบินของเรา" นายทหารต้วนลุกขึ้นและเดินนําหน้าต้วนอีเหยาไป
ณ สนามบิน มีเครื่องบินขนาดเล็กใหญ่จอดอยู่ทุกชนิด แม้ว่าต้วนอีเหยาจะเคยพบเห็นมาไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องบินที่ดีที่สุดในประเทศ......
"สวัสดีครับท่าน!"
มีคนทักทายพวกเขาตลอดทาง แต่สำหรับต้วนอีเหยาที่ห่างหายไปจากกองทัพเป็นเวลานาน กลับรู้สึกไม่ค่อยชิน
"หัวหน้าต้วน!"
ทันใดนั้นเสียงห้าวของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของต้วนอีเหยา เธอรู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ก็เป็นซ่วนวู่นี่เอง
ต้วนอีเหยาประหลาดใจ "นายได้รับมอบหมายให้มาที่นี่เหรอ?"
"ผมเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน เพื่อมาแทนเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บครับ" ซ่วนวู่เกาผมด้วยความเขินอาย
ต้วนอีเหยาอยู่กับพวกเขามานานที่สุด และก็เป็นคนที่รู้จักพวกเขาดีที่สุด จริงอยู่ที่ทักษะของเขาจะดีกว่าคนอื่น ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าต้วนอีเหยา ฝีมือเขายังเรียกได้ว่าห่างชั้นนัก
ต้วนอีเหยาพยักหน้า "แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?"
"ทั้งหมดอยู่ในกองทหารราบครับ"
เมื่อเหล่าผู้ฝึกซ้อมเห็นหัวหน้าคนใหม่มาแต่ไกล ก็ค่อย ๆ เข้ามารวมพลกัน พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหัวหน้าคนนี้จะเป็นคนยังไง เป็นแค่เพียงผู้หญิงแต่กลับเป็นผู้บัญชาการทหารได้
เมื่อเห็นว่าทุกคนมากันเกือบจะครบแล้ว นายทหารต้วนจึงแนะนำว่า "นี่คือต้วนอีเหยา ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ของพวกคุณ นับจากนี้ไปพวกคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ!"
"รับทราบ!" เหล่าทหารอากาศตอบรับพร้อมเพรียงกัน
แต่ก็ยังมีบางคนที่พูดคุยแสดงความคิดเห็นกัน หูของต้วนอีเหยาไม่ค่อยดีนัก แต่ซ่วนวู่ที่อยู่ข้างเธอได้ชักสีหน้าแล้ว
"ผู้หญิงอย่างเธอ จะมีปัญญาทําอะไรได้?"
"นั่นน่ะสิ! พวกเราที่นี่ต่างมีประสบการณ์การบินมากกว่าสิบปี กลับให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาเป็นคนคุม......"
"ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้างเธอก็ยังมีทักษะไม่เพียงพอ เมื่อกี้ยังบินผิดทางอยู่เลย!"
......
ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟังขึ้นเรื่อย ๆ ซ่วนวู่ขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืน "พวกนายหยุดพูดได้แล้ว!"
เสียงพูดคุยหยุดลงทันที แต่คนหนึ่งในนั้นที่เป็นคนอารมณ์ร้อนก้าวขึ้นมาข้างหน้าและจ้องเขาพูดว่า "สิ่งที่พวกเราพูดถึงคือความจริง เรื่องอะไรพวกเราจะต้องยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาบงการ?"
เมื่อนายทหารต้วนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันก่อนหน้านี้ เพียงแต่เขารำคาญที่จะเข้าไปสนใจพวกเขา
ในเมื่อตอนนี้พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ต้องช่วยลูกสาวแก้ไขปัญหาเสียแล้ว
ขณะที่เขากําลังจะเอ่ยปากก็กลับถูกต้วนอีเหยาหยุดไว้เสียก่อน "แล้วพวกคุณต้องการให้ทำยังไงถึงจะยอมรับการบัญชาการจากฉันได้?"
"ก่อนจะพูดเรื่องอื่น คุณขับเครื่องบินเป็นหรือเปล่า?" คนที่พูดขึ้นก่อนคนนั้นทำสีหน้าเหยียดหยาม ไม่แม้แต่จะยอมมองเธอตรง ๆ ด้วยซ้ำ
ต้วนอีเหยาหัวเราะเบา ๆ "ในเมื่อคุณมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากขนาดนี้ ทำไมเราไม่ลองมาแข่งกันดูล่ะ?"
"ถ้าคุณแพ้ คุณต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน ถ้าฉันแพ้ ฉันจะจากไปทันที!"
"จะแข่งกับผม?" ชายคนนั้นทำราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ตลกมาก "คุณรู้ไหมว่าผมอยู่กับเครื่องบินมานานแค่ไหนแล้ว?"
ต้วนอีเหยาส่ายหัว "ฉันไม่รู้หรอก ฉันแค่อยากถามว่าคุณจะแข่งหรือไม่?"
"แข่ง! แต่...... คุณต้องรักษาคำพูดด้วย อย่ามาแพ้แล้วยังปรากฏตัวบนสนามฝึกซ้อมต่อไปอย่างหน้าไม่อายก็แล้วกัน"
ต้วนอีเหยาขมวดผมขึ้นและมองไปที่เขา "แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าคุณแพ้ก็ต้องให้พวกคนที่อยู่ข้างหลังยอมเชื่อฟังแต่โดยดี!"
"ผมรับประกัน!" ชายคนนั้นยกมุมปากขึ้นอย่างเหยียดหยามก่อนที่จะสวมหมวก
พวกเขาแต่ต่างเลือกเครื่องบินกันคนละลำและเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ บนเครื่องบิน
ผู้คนที่มุงดูอยู่ด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะรวมตัวกันพูดคุยอีกครั้ง
"อาเทียนคุ้นเคยกับเครื่องบินตั้งแต่เด็ก ท่วงท่าการบินยาก ๆ เขาแทบจะทำได้สมบูรณ์แบบทั้งหมด แล้วเธอจะชนะเขาได้อย่างไรกัน!"
"อย่าว่าแต่อาเทียนเลย ฉันคิดว่าเธอไม่สามารถเอาชนะฉันได้ด้วยซ้ำ!”
"หยุดพูดได้แล้ว รอเปลี่ยนผู้บัญชาการคนใหม่เถอะ......"
......
ซ่วนวู่ไม่สามารถทนฟังต่อไปได้ เขาดึงตัวต้วนอีเหยาที่กําลังจะขึ้นเครื่องบินไว้ "หัวหน้า ให้ผมไปเถอะ อาการบาดเจ็บของคุณยังทันไม่หายดี......"
"ไม่เป็นไร ต่อให้นายชนะ พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับฉันจริง ๆ หรอก"
เมื่อพูดจบ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ อาเทียนที่ยังคงตรวจสอบอยู่ก็ตะโกนขึ้นว่า "เฮ้ จะแข่งกันยังไง?"
"ถ้าจะแข่งที่ความเร็วคุณสู้ผมไม่ได้แน่ ผมเองก็จะชนะแบบไม่สมศักดิ์ศรี เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ชนะสองในสามเกม แบ่งออกเป็น ทักษะ ความเร็ว และการปฏิบัติ"
ต้วนอีเหยาผายมือออก "ฉันยังไงก็ได้"
"ด้านหน้าคือธงแดงที่พวกเราใช้ฝึกซ้อม ใครก็ตามที่ลอยอยู่เหนือธงนั้นได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ"
หลังจากฟังกติกาจนจบแล้วต้วนอีเหยาก็มุดตัวเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์ เธอลองขยับคันบังคับเพื่อหามุมที่เหมาะสำหรับตัวเอง
เสียงปืนยิงขึ้นฟ้าดังขึ้น ต้วนอีเหยามองไปข้างหน้า มือของเธอควบคุมอย่างคล่องแคล่ว เมื่อเหลือบไปมอง ก็พบว่าเครื่องบินของอาเทียนอยู่ห่างจากเธอเป็นช่วงตัว
ต้วนอีเหยาคิดไม่ถึงว่าเขาจะเร็วได้ขนาดนี้ นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเขาก็ไปห่างเธอมากแล้ว
เธอสูญเสียการควบคุมในมือ เธอคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องตามเขาให้ทัน! แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็ยังคงตามหลังอาเทียนอยู่
ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปยังธงแดงนั้นไม่ไกล เมื่อเห็นว่าอาเทียนกำลังจะแตะธงแดงแล้ว เหงื่อเย็นที่หน้าผากของเธอก็ไหลออกมา
การเคลื่อนไหวในมือได้เร่งความเร็วขึ้นจนถึงขีดสุด แต่เพราะเธอตามหลังอยู่กว่าครึ่ง แม้จะเร่งเครื่องตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว
อาเทียนวนอยู่เหนือธงแดงอยู่สองรอบ ในที่สุดก็ลงจอดอย่างมั่นคง
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ต้วนอีเหยา แต่ก็ไม่ได้หัวเราะเยาะเธอ เขาและเธอห่างกันอยู่เพียงไม่กี่วินาที สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็คู่ควรที่จะอวดได้แล้ว
"ฉันแพ้แล้ว" ต้วนอีเหยายอมรับอย่างจริงใจ ขณะนี้เธอรู้สึกดีใจมากที่ยังมีการแข่งอีกสองเกม ที่จะใช้โชว์ฝีมือให้ศัตรูที่ดูถูกอยู่ข้างหน้าได้เห็น
อาเทียนถอดเสื้อผ้าออกและเช็ดเหงื่อบนศีรษะให้สะอาด "ยังมีอีกเกม คุณอยากประลองอะไร?"
"ทักษะก็แล้วกัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...