วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 361

“เหอะ ไม่คิดว่าเราสองคนจะมีวันนี้ นั่งสูบบุหรี่ด้วยกันอย่างสงบ” เย่จิงเหยียนหัวเราะที่มุมปากกับตัวเอง ในที่สุดเขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีความสามารถมากขนาดไหน

“ทำไมเธอถึงจากไปอย่างกะทันกัน ?” ไป๋จิ่นอี้ยังคงครุ่นคิด

“เธอก็เป็นแบบนี้ ไม่พูดอะไร หนีไปเองคนเดียว.......”

ควันลอยคลุ้ง ใบหน้าของไป๋จิ่นอี้กับเย่จิงเหยียนถูกซ่อนไว้อยู่ข้างในทั้ง ความเศร้า หมดหนทาง โดยปิดกลั้นไว้ทั้งหมด

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว หลังจากแน่ใจว่าไม่มีคน ไป๋จิ่นอี้ก็ลุกขึ้น “การรอแบบนี้ไม่ใช่คำตอบ ผมจะไปแจ้งความ ถ้าเกิดว่าเธอเจออันตรายอะไรเข้าล่ะ ?”

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้เขาก็ไม่อยากที่จะรอแล้ว เขาเหลือบมองไปที่เย่จิงเหยียนถอนหายใจและเดินเข้าไปในลิฟต์ทั้งอย่างนี้

เย่จิงเหยียนยังคงนั่งอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่าตาของเขาโดนควันรึเปล่า หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในดวงตาของเขามีน้ำตาระเรื่อ

เขาใช้มือปิดตาของตัวเอง และสำลักควันในลำคอ

เมื่อเจอเธออีกครั้ง เขาคิดว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า แต่ไม่คิดเลยว่า จะมีการโจมตีที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง

เป็นไปได้ไหมว่าเขาอ่อนแอ จนทำให้อีเหยารู้สึกว่าเขาอ่อนแอ จนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อยากเชื่อในตัวเอง !

……

เมื่อต้วนอีเหยาลงจากเครื่องบิน ความร้อนจากดวงอาทิตย์แผดเผาจ้าจากเหนือศีรษะเธอ เธอใช้มือบังหน้า และมองทิวทัศน์รอบๆ

รอบทิศเต็มไปด้วยต้นมะพร้าว ใต้ต้นมีคนหาบเร่ขายมะพร้าวอยู่ ต้วนอีเหยาแตะไปที่กระเป๋าและหยิบของทุกอย่างออกมา มีเพียงกระเป๋าใส่เศษเงินเพียงเล็กน้อยไม่กี่ใบ

“คุณป้า มะพร้าวลูกหนึ่งเท่าไหร่คะ ?” ต้วนอีเหยาหน้าเศร้าหมองเดินไปหาคุณป้าที่ดูท่าทางใจดี

คุณป้าคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เห็นท่าทางลำบากใจของเธอก็เข้าใจได้ทันที “มะพร้าวของที่บ้านเอง คุณจะให้เท่าไหร่ก็ได้”

ต้วนอีเหยานับเงินในฝ่ามือของเธอ ทั้งหมดมีแค่ห้าหยวน เธอจึงส่งเงินทั้งหมดให้กับคุณป้าที่ขายมะพร้าว “ฉันให้ทั้งหมดนี้แลกกับมะพร้าวลูกหนึ่งได้ไหม ?”

เมื่อเห็นท่าทางที่ลำบากใจของเธอ คุณป้าก็รีบโบกมือ “ไม่ต้องไม่ต้อง นี่มันเยอะเกินไป มะพร้าวลูกหนึ่งของฉันแค่สามหยวนเอง”

ต้วนอีเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเดินไปหยิบบัตรธนาคารออกมา ดูเหมือนว่ารอบๆจะไม่มีที่ถอนเงิน ดังนั้นเธอจึงยังต้องกระหายน้ำต่อไป !

“มา อันนี้ให้คุณ ” คุณป้าเลือกอันที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาชั่ง

ไปหาฟางมามัด จากนั้นก็ส่งให้เธอ

ต้วนอีเหยารู้สึกยินดี “คุณป้า ไม่ต้องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”

“ไม่เป็นไร หญิงสาว กระเป๋าตังถูกขโมยใช่ไหม ?”คุณป้าคนขายมะพร้าวยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

ต้วนอีเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยังไงก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว จึงอยู่คุยกับป้าคนขายมะพร้าว

คุณป้าบอกกับเธอว่า ถึงแม้สถานที่นี่จะเป็นที่ท่องเที่ยว แต่ก็มีสถานที่บางแห่งก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดขนาดนั้น

เมื่อรู้ว่าต้วนอีเหยาตั้งใจจะอยู่ที่นี่ยาวๆ เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมา “ถ้าคุณยังหาที่พักไม่ได้ ถ้าไม่รังเกียจพักอยู่ที่บ้านฉันก่อนก็ได้”

“เอ๊ะ ?”ต้วนอีเหยาไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง เธอยังไม่ทันให้คำตอบ คุณป้าก็ดึงมือของเธอไปจับด้วยท่าทางที่ดูสนิทสนมกับเธอ

เมื่อเดินตามคุณป้าเข้าไปในซอยแคบๆ ต้วนอีเหยาก็เม้มปาก เธอเดินตามคนแปลกหน้ามาอย่างนี้

ถ้าเกิดว่าถูกเอาไปขาย.......

ต้วนอีเหยายิ้มส่ายหัว เธอคงลุ่มหลงจากการข่มเหงแล้วจริงๆ คนที่ทำดีกับเธอกลับคิดว่าเป็นคนไม่ดี

“หญิงสาว บ้านของฉันลำบากหน่อย คุณก็พักอยู่ที่นี่เถอะ” คุณป้าหยุดอยู่ที่ประตูเหล็ก หันกลับมายิ้มให้เธออย่างเขินอาย

คุณป้าเห็นว่าเธอแต่งตัวดี ดูไม่เหมือนเด็กไม่มีเงิน จึงกลัวว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่

ต้วนอีเหยาส่ายหัว “ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าดีเลยทีเดียว !”

เมื่อก่อนตอนที่ไปกับกองทัพเธอไม่เคยพักอาศัยมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ถึงแม้ว่าจะห่างไกล แต่ก็สะอาดเป็นระเบียบ

เธอตั้งใจที่จะอยู่ในระยะยาว ด้วนเงินในธนาคารก็สามารถอยู่ได้สองสามปี แต่ถ้าเด็กเกิดมาแล้ว จะทำยังไง ? และเธอก็มีแนวโน้มอย่างมากที่จะหูหนวก แล้วที่ไหนเขาจะรับคนพิการเข้าทำงานกัน ?

ต้วนอีเหยาเดินตามคุณป้าเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านไร่ที่ปูกระเบื้องไว้ที่ลานกว้างข้างหน้า แววตาต้วนอีเหยาเป็นประกาย “นี่มันเยี่ยมมาก”

เมื่อคุณป้าได้ยินเธอพูดเกี่ยวกับบ้านของตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกดีกับต้วนอีเหยาขึ้นไปอีก “หญิงสาว คุณพักอยู่ห้องนี้นะ”

“ขอบคุณค่ะคุณป้า”ต้วนอีเหยาเดินตามคุณป้า ด้วยความพอใจมากกับบ้านที่ตัวเองกำลังจะเข้าไปอยู่

เธอเดินดูรอบๆ พบว่านอกจากคุณป้าแล้ว ก็ไม่เจอใครเลย ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “คุณป้า ที่นี่มีคุณแค่คนเดียวเหรอ ?”

“ตาแก่ของฉันเสียชีวิตไปนานแล้ว ลูกชายก็ออกไปเที่ยวเตร่ไม่กลับมาหลาปีแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงมีแค่ฉันคนเดียว......”เมื่อคุณป้าพูดถึงเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัว

“หญิงชราอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวก็รู้สึกเหงา ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าคุณจะอยู่นาน เลยให้คุณมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน”

เมื่อต้วนอีเหยาได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็รู้ได้ว่าเธอถามคำถามผิดไป “คุณป้า.....ขอโษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ล้วนเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ไม่พูดแล้วช่างเถอะ”คุณป้ากลับมาหน้าตายิ้มแย้ม

ต้วนอีเหยาไม่อยากพูดแทงใจเธออีก ระหว่างทั้งสองจึงเงียบลง สักพักคุณป้าเดินไปประตูและพูดว่า “คุณเก็บของทำความสะอาดก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปซื้อของใช้จำเป็น”

ต้วนอีเหยาส่งเสียงตอบรับ คุณป้าก็ปิดประตูไป ปล่อยให้ต้วนอีเหยาที่ยืนอยู่ในห้องนี้เริ่มมึนงง

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอยังอยู่ที่นครปักกิ่ง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากเขาหลายพันไมล์

ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง กำลังหาเธออยู่ หรือว่าเขาจะยอมแพ้หลังจากได้ยินที่เธอพูด......

ส่วนลึกของต้วนอีเหยาที่ไม่เห็นค่าในตัวเอง เป็นเพราะเธอเลือกที่จะจากมา แต่ทำไมเธอยังหวังว่าเขาจะจำเธอได้ ไม่ใช่ตัวเองเหรอที่บอกให้เขาลืม และไปตามหาความสุขของตัวเอง ?

แต่ในใจเธอก็ยังมีความเห็นแก่ตัว เธอหวังว่าเขาจะมีความสุข แต่ก็อย่าลืมเธอ !

ต้วนอีเหยาทำความสะอาดกระจกรอบหนึ่ง และเปิดประตูเดินออกไป คุณป้าอยู่ที่ลานบ้าน กำลังตรวจมะพร้าวอันไหนดีไม่ดี

“คุณป้า คุณแยกแยะระหว่างอันดีกับไม่ดีออกได้ยังไง ?” ต้วนอีเหยาโน้มตัวลงไปนั่งข้างๆคุณป้า

คุณป้าอธิบายให้เธอฟังอย่างรวดเร็ว “แท้จริงนั้นมะพร้าวง่ายกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ดูว่าตรงไหนมีรูแมลง หยิบออกมาก็โอเคแล้ว”

“แต่รู้สึกว่าอันนี้ของพวกคุณมันทำเงินได้ไม่เท่าไหร่เลย !”อันละแค่สามหยวน เดาว่ายังไม่คุ้มทุนเลย

“ก็ยังโอเค ในฤดูท่องเที่ยวคนจะมาซื้อเยอะ ราคาก็จะสูงขึ้นอีกหน่อย ตอนนี้แค่หนึ่งคนก็ประมาณเจ็ดแปดหยวนแล้ว”

“เจ็ดแปดหยวน !”ต้วนอีเหยาพูดซ้ำอีกรอบ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเอาเธอแค่สามหยวนล่ะ ?

คุณป้ารู้สึกว่าตัวเองอะไรพูดผิดไป จึงรีบเอามือปิดปาก “อันนั้น......หญิงสาว.....”

“คุณป้า ขอบคุณมากค่ะ!”ต้วนอีเหยากอดเธอจากข้างหลัง ในเมืองที่ไม่รู้จักนี้ ยังมีคนปฎิบัติต่อเธอด้วยความอ่อนโยน ยังเป็นคนแปลกหน้าแบบนี้ด้วย เธอรู้สึกซาบซึ้งมาก

ในใจรู้สึกซาบซึ้ง ที่มุมตามีน้ำตาระเรื่อ

คุณป้าขยับตัว และยื่นมือไปลูบหัวต้วนอีเหยาเบาๆ “หญิงสาวอ่า ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็ถือว่าคุณเป็นลูกสาวของฉัน ฉันไม่ทำให้คุณบาดเจ็บหรอก”

ต้วนอีเหยารู้สึกซาบซึ้งภายในใจ เธอขยับตัวพิงไหล่ของคุณป้าและพยักหน้า ราวกับว่ามีกระดูกอยู่ในลำคอ คำพูดหลังจากนั้นจะพูดยังไงก็พูดไม่ออก

……

เย่จิงเหยียนกลับมาบ้าน ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นควัน ในครั้งนี้สมาชิกในบ้านไม่ได้นั่งอยู่บนโซฟารอเขา เย่ชูวเสวียกินอมยิ้มจ้องมองเขาเปลี่ยนรองเท้า

“คนอื่นล่ะ ?” เย่จิงเหยียนกุมขมับของเขาอย่างเหนื่อยล้า น้ำเสียงแหบแห้ง

เย่ชูวเสวียหยิบอมยิ้มออกมา “พ่อแม่ไปกันแล้ว บอกว่ารออยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรสนุก บอกให้คุณจัดการงานให้เสร็จแล้วกลับบ้านเร็วๆ”

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว “ทำไมเธอยังไม่ไป ?”

“กว่าฉันจะมานครปักกิ่งได้ แน่นอนว่าต้องใช้เวลาสองสามวันนี้เที่ยวให้คุ้มค่าสิ”

เย่จิงเหยียนไม่สนใจเธอ และเดินตรงไปที่ห้องนอน ทั้งตัวเขามีแต่กลิ่นควัน ตอนนี้เขาจึงอยากรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด

เย่ชูวเสวียยื่นมือออกมาและมองไปที่เย่จิงเหยียน “พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ?”

“ไม่มีอะไร เธอกลับไปพักที่ห้องตัวเองป่ะ” เย่จิงเหยียนไม่อยากพูดไปมากกว่านี้จึงเดินผ่านเธอไป แต่เขาประเมินความดื้อรั้นของเย่ชูวเสวียต่ำไป เมื่อเขาเดินไปก้าวหนึ่ง เย่ชูวเสวียก็เดินตามเขา

ในที่สุด เย่จิงเหยียนก็ยอมแพ้ หยุดอยู่ที่เธอและถามว่า “สรุปแล้วเธอจะทำอะไร ?”

“พี่ชาย คุณต้องมีเรื่องอะไรปิดบังฉันแน่เลย !”

“ปิดบังเธอแล้วจะทำไม ?”เย่จิงเหยียนเอียงศีรษะสีหน้าแสดงความไม่แยแสออกมา

เย่ชูวเสวียกระทืบเท้าและตะคอก “พี่ชาย คุณเปลี่ยนไป !”

“ฉันเป็นอะไร ?”

“คุณ.....”เย่ชูวเสวียไม่มีอะไรจะพูด เธอก็แค่เดา ไม่รู้ว่าสรุปแล้วเขามีเรื่องอะไร

แต่กลิ่นควันบนตัวของเขาแรงขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนโง่ก็เดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เย่จิงเหยียนควบคุมเธอด้วยมือเดียว

เมื่อสติเธอกลับมา ก็มองไม่เห็นเงาของเย่จิงเหยียนแล้ว “เฮ้ พี่ชาย! พี่ !ไอ้บ้านี่ !”

เย่จิงเหยียนทำเป็นหูหนวกกับสิ่งที่เธอพูด และเดินเข้าห้องตัวเองไป “ปัง”เสียงปิดประตูดังขึ้น

ในห้องนั้นว่างเปล่า ยกเว้นเย่ชูวเสวียที่คร่ำครวญอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก เย่จิงเหยียนไม่ได้เปิดไฟ เขาเดินคลำไปที่เตียง และจุดบุหรี่มวนหนึ่ง

ไม่นาน เย่ชูวเสวียที่ด่าอยู่ข้างนอกก็เหมือนจะเหนื่อยแล้ว สภาพแวดล้อมรอบๆจึงเงียบลง เย่จิงเหยียนจ้องมองไปที่โทรศัพท์และควันก็หายไป เหลือเพียงสมองที่ว่างเปล่า

เช้าวันรุ่งขึ้น เย่จิงเหยียนเปิดประตูห้องออกมา เย่ชูวเสวียก็กระโดดมาตรงหน้าเขา

“เธอจะทำอะไร ?” เย่จิงเหยียนถอยไปก้าวหนึ่ง และรักษาระยะห่างกับเธอไว้

เย่ชูวเสวียยิ้มและกระโดดไปข้างหน้าเย่จิงเหยียน “พี่ชาย มู่ยู่วฉีเจอบ้านพักต่างอากาศที่ดูดีมาก คุณว่างก็ว่างแล้ว ถ้างั้นไปส่งฉันเป็นยังไง”

“ไปส่งเธอก็ได้ แต่อย่าเอาฉันไปด้วย”

เย่จิงเหยียนเดินไปรอบๆ เขาเดินไปที่ตู้กดน้ำและดื่มน้ำจนหมดแก้ว เมื่อคืนเขาสูบบุหรี่เยอะเกินไป เลยคอแห้งเกินไปที่จะพูด

เย่ชูวเสวียเดินตามเขา “พี่ชาย คุณดูสภาพคุณตอนนี้สิ โทรมเหมือนลุงมาก ไปพักผ่อนกับพวกเราน่าจะดีกว่านะ !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ