เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ต้วนอีเหยาก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เธอปล่อยมือออกจากรถเข็น ก่อนจะได้ยินเสียงป้าหลี่ร้องขึ้นมาด้วยความกังวล
เธอล้มลงบนถนน หูอื้อ และจากนั้นก็ค่อยๆหมดสติไป
ป้าหลี่รีบมาอยู่ข้างๆต้วนอีเหยา ขอให้รถที่ขับผ่านไปมาช่วยเธอ แต่ก็ไม่มีรถคันไหนหยุดสักคัน
พวกเขาไม่รู้ว่าต้วนอีเหยาเป็นหรือตาย แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าสกปรกของพวกเธอ พวกเขาก็กลัวจะโดนหลอก ดังนั้นจึงรีบขับไปอย่างรวดเร็ว
ป้าหลี่ไม่มีโทรศัพท์ หาโทรศัพท์ของต้วนอีเหยาตั้งนานก็ไม่เจออยู่ที่ตัว
เธอกระวนกระวาย ก่อนจะออกไปยืนขวางกลางถนนเพื่อกั้นรถที่ผ่านมาอย่างใจกล้า
....
เยจิงเหยียนหงุดหงิดมาก เขาเจอโทรศัพท์ของต้วนอีเหยาอยู่บนถนน เขารู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงที่เจอเมื่อกี้คือต้วนอีเหยา
พวกเธอน่าจะเข็นรถไปได้ไม่ไกลมากนัก เขารีบวิ่งกลับไปเอารถที่บ้านทันที
"พี่จะไปไหน" มู่หยู่ฉีรู้สึกถึงความผิดปกติจึงวิ่งตามเขามา เย่จิงเหยียนไม่ตอบคำถาม แต่รีบวิ่งไปนั่งที่นั่งคนขับทันที เขาจึงไปยืนขวางหน้ารถไว้
"หลบไป"
เย่จิงเหยียนขี้เกียจอธิบาย ยิ่งนานไปต้วนอีเหยาก็ยิ่งอยู่ไกลจากเขามากขึ้นเท่านั้น เขาเหยียบคันเร่งอย่างไม่ลังเล
มู่หยู่ฉีเห็นว่าเขาเอาจริง จึงรีบหลบไปอยู่ข้างๆ เมื่อรู้ตัวอีกทีรถก็ขับออกไปแล้ว
ถนนริมทะเลกว้างขวางมาก เย่จิงเหยียนขับรถไปเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นหญิงชราและเด้กสาวคนหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นอยู่ริมถนน
เย่จิงเหยียนรีบเบรกรถขวางหน้าเธอไว้ และจากนั้นก็รีบลงจากรถไปหาหญิงสาวคนนั้น "อีเหยา"
ผู้หญิงคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่จิงเหยียนเธอก็ก้มหน้าลงทันที "คุณทักคนผิดแล้วค่ะ"
เย่จิงเหยียนตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะรีบร้อนจนขนาดเห็นคนข้างถนนเป็นต้วนอีเหยา เขาเอ่ยขอโทษและกลับขึ้นรถไป
เขาจุดบุหรี่ และขับรถตามหาอีกครั้ง และเมื่อเขาเลี้ยวมามุมหนึ่ง เขาก็เห็นคนคนหนึ่งกำลังนอนหมดสติอยู่บนถนน และข้างๆก็มีคุณป้าคนหนึ่งอยู่
คุณป้ากำลังร้องขอความช่วยเหลือ แต่เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล จึงไม่มีใครมาช่วยพวกเธอ เย่จิงเหยียนจอดรถทันทีที่คุณป้าขวางไว้
เขาเปิดรถลงมา ก่อนจะเห็นใบหน้าของคุณป้าเต็มไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้เขาจากที่หงุดหงิดก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
เขารีบวิ่งไปที่คนที่สลบอยู่ แม้หน้าของเธอจะเลอะไปด้วยโคลน แต่เขาก็จำเธอได้ทันทีในแวบแรกที่เจอ
อีเหยา
"เธอเป็นอะไรไป" เย่จิงเหยียนอุ้มต้วนอีเหยา พลางถามคุณป้าที่อยู่ข้างๆ
ป้าหลี่เช้ดน้ำตา "ป้าก็ไม่รู้ เดินอยู่ดีๆก็เป็นลมไป น่าจะเพราะว่าเธอเข็นรถเหนื่อยเกินไป"
เหนื่อยเกินไปแล้วยังให้เธอเข็นอีก
เย่จิงเหยียนแอบตำหนิในใจด้วยสีหน้าเย็นชา จนทำให้ป้าหลี่ที่อยู่ใกล้ๆรู้สึกตัวสั่นขึ้นมา
เขาอุ้มต้วนอีเหยาไปวางไว้ที่เบาะหลัง และป้าหลี่ก็ตามขึ้นไปบนรถเช่นกัน เย่จิงเหยียนปากกระตุกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เขาเหยียบคันเร่งจนสุด ทำให้ป้าหลี่เวียนหัวมาก กว่าป้าหลี่จะรู้ตัวอีกที รถก็มาจอดลงที่โรงพยาบาลแล้ว
เย่จิงเหยียนไม่รอให้เธอปรับตัว เขารีบอุ้มต้วนอีเหยาเข้าไปในโรงพยาบาลทันที พยาบาลทั้งหลายที่ขวางหน้าเขาต่างกลัวกับสายตาของเขาทั้งสิ้น
"หมอตรวจดูสิว่าเธอเป็นอะไร"
เขาอุ้มต้วนอีเหยามาจนถึงห้องตรวจ ก่อนที่หมอจะรีบตามมา เมื่อได้ยินคำถามของเย่จิงเหยียน เขาก็รีบใส่เครื่องตรวจฟังเสียงบนหน้าอกของต้วนอีเหยา
เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อย ก่อนที่หมอจะขมวดคิ้วขึ้นมา "เราต้องทำการผ่าตัดให้เธอ"
"เธอเป็นอะไร"
หมอขมวดคิ้ว
"ปัญหาที่หูของเธอเริ่มหนักขึ้นแล้ว ผมทำได้แค่ลองพยายามอย่างเต็มที่"
"หูอะไร อาการแย่คืออะไร หูหนวกหรอ ลองอะไร" ดวงตาของเย่จิงเหยียนแดงก่ำ เขากำคอเสื้อของหมอ พร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง
"คุณเย่ใจเย็นๆก่อน"
หมอมองเขาอย่างสั่นๆ "โรคที่หูของเธอเป็นมาได้สามเดือนแล้ว ช่วงนี้นอกจากจะไม่หายแล้วยังรุนแรงขึ้นอีกด้วย และการที่อาการทรุดหนักอย่างนี้ก็จะกระทบกับหูอีกข้างที่ทำงานปกติด้วย ดังนั้นเธออาจจะต้องหุหนวกทั้งสองข้าง"
"ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธไหน แต่เธอจะต้องหาย"
"ยัง...ยังมีอีกเรื่อง เธอท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว ผนังมดลูกของเธออ่อนแอมาก และเพราะปัญหาทางร่างกายนี้ ทำให้มดลูกไม่แข็งแรง อาจจะ..."
"อาจจะอะไร" เย่จิงเหยียนถูกโจมตีอีกครั้ง เธอท้อง
เธอไม่บอกอะไรเขาเลย
และทำไมเธอต้องหนีเขามา เพราะโรคหูงั้นหรอ
"อาจจะรักษาเด็กไว้ไม่ได้...."
"ว่ายังไงนะ" เย่จิงเหยียนจ้องหมออย่างโหดร้ายท่ารุณ "รักษาอะไรไว้ไม่ได้นะ พุดอีกทีซิ"
"ผม...ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมพยายาม..."
"ฉันไม่ต้องการพยายาม ฉันต้องการคำยืนยันว่าทั้งคู่จะต้องปลอดภัย"
"คะ...ครับ"
หมอมองเขาอย่างหวาดๆ จากนั้นก็ให้คนมาเข็นเตียงคนไข้ไป
เย่จิงเหยียนยืนอยู่กับที่มองดูเตียงค่อยๆเคลื่อนไกลออกไป ในใจเขามีคลื่นแห่งความอ่อนแอขึ้นมา เขาจะต้องปล่อยเธอให้ห่างจากเขาอีกหลายชั่วโมง ให้เธอต่อสู้กับโรคเพียงลำพังโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
เขาวิ่งตามเธอไปอย่างทนไม่ได้
"คุณเย่เข้าไปไม่ได้นะคะ" พยาบาลหลายคนมากันประตูห้องฉุกเฉินไว้ ไม่ให้เย่จิงเหยียนเข้าไป
เย่จิงเหยียนไม่สนใจ เขาดันคนที่กันเขาไว้ แต่ทันใดนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็ปิดลง
เขานั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความรู้สึกรำคาญใจ
ทำไมเขาถึงรู้ช้าอย่างนี้ เธอมีอาการแปลกๆบ่อยมาก แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ถ้ารู้เร็วกว่านี้....
ในที่สุดป้าหลี่ก็มาถึง เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนทรุดลงบนพื้นเธอก็รู้ทันทีว่าอาการของต้วนอีเหยาไม่ดีนัก จึงได้แต่แอบเช็ดน้ำตาอยู่ใกล้ๆ
ผู้หญิงดีๆทำไมต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ด้วย
หลังจากรออยู่นานมาก ประตูห้องฉุกเฉินก็ค่อยๆเปิดออก เตียงคนไข้ถูกเข็นออกมา
เมื่อเย่จิงเหยียนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาก็รีบยืนขึ้น พุ่งตัวไปข้างเตียง พร้อมรีบถาม "เธอเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ เรารักษาเด็กเอาไว้ได้" หมอถอนหายใจออกมา
ดีที่เรารักษาอนาคตตัวเองไว้ได้
"แล้วเธอล่ะ"
"หูข้างหนึ่งของผู้ป่วยเสื่อมลงอย่างมาก รักษาให้หายขาดได้ยาก ส่วนอีกข้างหนึ่งถึงแม้จะสามารถใช้งานได้ แต่ก็ถือว่าไม่ปกติ เราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว แต่รายละเอียดอื่นๆต้องรอเธอฟื้นก่อนถึงจะรู้ได้"
"หมายความว่าไง" เย่จิงเหยียนข่มอารมณ์ "คุณหมายความว่าเธออาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาหรอ"
"ไม่ใช่ครับ" หมอกลัวเขาชักคอเสื้ออีกจึงรีบอธิบาย "ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้อาการของหูคนไข้แน่ชัด ต้องรอเธอตื่นขึ้นมาก่อนถึงจะรู้ได้ว่าอยู่ระดับไหนแล้ว"
เย่จิงเหยียนไม่ได้มอบความลำบากใจให้เขาอีก เขาเดินตามพยาบาลไปที่ห้องพักคนไข้ เมื่อพยาบาลออกไป ทั้งห้องก็เหลือแค่เขาและต้วนอีเหยา
ป้าหลี่เดินออกไปนอกประตู แม้ว่าเธออยากจะเข้าไป แต่เธอก็รู้สึกว่าไม่ควรรบกวนทั้งสองคน
ในห้อง เย่จิงเหยียนนั่งอยู่หน้าเตียง ยื่นมือปัดผมที่ปรกหน้าเธอออกเบาๆ แค่เห็นใบหน้าที่หลับสนิทของเธอใจเขาอ่อนลงมาก
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่โทษเธอที่จากไปโดยไม่ล่ำลา ว่าเธอว่าเป้นคนใจหิน แต่ตอนนี้...เขาไม่มีอะไรต้องสงสัยแล้ว
เธอเหมือนจะรู้ตัวว่าถ้าเขาหาเธอเจอ เขาต้องคิดบัญชีกับเธอแน่ ดังนั้นเธอจึงแกล้งหลับเพื่อให้เขาใจอ่อนรึเปล่า
เย่จิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ "อีเหยาถ้าคณยังไม่ยอมตื่น ผมอาจจะทนไม่ไหวแล้วจูบคุณนะ"
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ เขาค่อยๆค้อมตัวลง "ผมพูดจริงนะ"
"จะจูบแล้วนะ"
เย่จิงเหยียนเห็นว่าเธอยังเงียบ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้ จึงได้แต่จูบขมับเธอเบาๆ
เขาหมดหวังแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้วนอีเหยาต้องรีบลุกขึ้นมาผลักเขาออก แต่ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้สติ
เย่จิงเหยียนก้มหน้าลงอย่างหดหู่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา และทันใดนั้นขอบตาของอีเหยาก็ขยับเบาๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว
เธอฟื้นมานานแล้ว และก็รู้ว่าเย่จิงเหยียนอยู่ใกล้ๆเธอ แต่เพราะว่าเสียงของเขาเบาเกินไป ดังนัั้นเธอจึงฟังไม่ชัดว่าเขาพูดว่าอะไร จนกระทั่งเขาจูบที่หน้าผากเธออย่างอ่อนโยน เธอถึงเพิ่งมีการตอบสนอง
ตั้งแต่วินาทีนั้น ใจของเธอก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม หูของเธอได้ยินว่าเขาอยู่ไกลมาก แต่ไม่ใช่เลย
เสียงที่เธอได้ยินเบามาก เมื่อเปิดปากจะพูดก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี
ราวกับเย่จิงเหยียนรู้สึกได้ว่าคนข้างๆกำลังเสียใจอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเห็นต้วนอีเหยาลืมตาขึ้นมาด้วยแววตาเศร้า
"อีเหยา คุณตื่นแล้วหรอ รู้สึกยังไงบ้าง" เย่จิงเหยียนจับมือเธออย่างกระตือรือร้น
ต้วนอีเหยาหดคอลง และพูดเบาๆ "อืม"
เสียงของเธอต่ำมาก แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง จึงจับหูของตัวเองไว้ "ฉัน..." ลูกของฉันเป็นยังไงบ้าง
ประโยคหลังเธอพูดไม่ออก เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง แม้แต่โทนเสียงก้ไม่สามารถควบคุมได้
เย่จิงเหยียนเห็นเธอจับหูก็นึกว่าเธอถามถึงอาการหุของตัวเอง เขาจึงทำท่าทางอธิบายให้เธอรู้ "หูของเธอไม่เป็นไร ไม่กี่วันก็หายแล้ว"
เมื่อต้วนอีเหยาเห็นเขาบอกเธอในเรื่องที่เธอไม่ได้ถามก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น เธอลูบท้องดู เมื่อไม่ได้รู้สึกเจ็บถึงค่อยเบาใจ
การกระทำของเธอดึงดูดความสนใจของเขา เขาจึงรีบพุดว่า "ลูกไม่เป็นไร เขาดวงแข็งจะตาย"
พูดจบเขาก็เพิ่งนึกออกว่าต้วนอีเหยาไม่ได้ยิน จึงก้มหน้าลงคิดว่าจะบอกกับเธอยังไงดี
แต่ต้วนอีเหยาอ่านปากเขาออก จึงรู้สึกแปลกใจที่เขารู้เรื่องลูกแล้ว
ป้าหลี่ได้ยินเสียงในห้องก็รีบเข้ามา เมื่อเห็นต้วนอีเหยานั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด เธอก็อดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...