เพื่อให้บรรยากาศของทั้งสองผ่อนคลายขึ้น เย่จิงเหยียนยิ้มแห้งๆ “ผมอยากกินแอปเปิ้ล อีเหยา คุณป้อนผมหน่อย !”
ต้วนอีเหยาไม่อยากให้ความร่วมมือกับเขา “จะกินคุณก็กินเองสิ”
“แต่ว่ามือของผม........”
เย่จึงเหยียนยกมือขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้ต้วนอีเหยากัดฟันด้วยความหมั่นไส้
มีแอปเปิ้ลถุงใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ เธอใช้มือหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งอย่างชำนาญ และเริ่มปลอกเปลือก
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่บนเตียงและเริ่มรู้สึกเบื่ออีกครั้ง “อีเหยา คุณชอบที่นี่ไหม ?”
“ที่ไหน ?”
“เมืองนี้”
ต้วนอีเหยาคิดถึงความเงียบเหงาของเมืองนี้ ในตอนที่เธอทำอะไรไม่ถูก พวกเขาก็จะใช้สายตามองเยาะเย้ย มีภาษาอังกฤษที่เย็นชาอยู่ในหูของเธอ
เธอส่ายหัว “ไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่ชอบ”เย่จิงเหยียนหันคอไปรอบๆ ขมวดคิ้วและเปลี่ยนท่านั่งเป็นสบายๆ
“ถ้างั้นรอให้มือของผมดีขึ้นอีกหน่อย พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ !”
ต้วนอีเหยาชะงักมือที่ปลอกผลไม้ และตอบไปอย่างคลุมเครือว่า “อืม ตกลง........”
ฉันมาที่นี่ก็เพื่อซื้อเครื่องช่วยฟัง จุดประสงค์ที่มาที่นี่ของพกวเขาสำเร็จแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก เธอก็อยากรีบหนีไป
เย่จิงเหยียนหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับหัวเราะเบาๆที่มุมปากของเขา
เขาต้องการรีบพาเธอออกไป ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบสถานที่แห่งนี้ แต่เพื่อให้หลุยส์เตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด
หลุยส์ได้บอกพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อเด็กคลอดออกมา หูของเธอจะไม่ได้ยินอย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่มีการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดอย่างดี ปัญหานี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้
แค่เด็กคนนี้.....คลอดออกมา ก็จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งอาจเป็นเพราะปัญหามดลูกของแม่ จึงทำให้เจริญเติบโตไม่ค่อยราบรื่น
เขารู้ถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากให้ต้วนอีเหยาสูบเสียการได้ยิน และไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้
หลังจากคิดกับเรื่องนี้ ต้วนอีเหยาก็ผ่าครึ่งผลไม้ ผ่าเอาแกนกลางออก และส่งให้กับเย่จิงเหยียน
เย่จิงเหยียนหยิบเพียงชิ้นเดียว “คุณก็กินด้วย ไม่อย่างนั้นผมกินคนเดียวจะรู้สึกอึดอัด”
ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้ขัดขืน เธอดึงกลับไปครึ่งหนึ่ง แล้วเอาเข้าปากไป
“เลือดในถุงนี้กำลังจะหมดแล้ว กินเสร็จแล้วฉันจะไปเรียกหมอ”
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของเย่จิงเหยียนไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ เขาจ้องมองไปที่ต้วนอีเหยาเป็นเวลานานและพูดด้วยความแปลกใจว่า “อีเหยา คุณแต่งหน้าเหรอ ?”
ต้วนอีเหยาหันไปอย่างไม่รู้ตัว เธอเลือกลิปสติกและรองพื้นที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะถูกเขามองออก
ในตอนที่เธอเห็นเย่จิงเหยียนและเซี่ยอันหนานรักใคร่กัน ก็มีความคิดผุดเข้ามาในใจเธอ
คิดว่าเย่จิงเหยียนชอบเซี่ยอันหนานก็เพราะว่าใบหน้าของเด็กสาวแต่งอย่างละเอียดอ่อน และด้วยสายตาที่น่าสงสารของเธอ
ดังนั้น เธอจึงเอาเครื่องสำอางที่ไม่เคยใช้ทั้งหมดที่พกติดกระเป๋าออกมา หลังจากสำรวจห้องน้ำอย่างระมัดระวังแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเปิดประตูห้องผู้ป่วย
ก่อนหน้านี้ เย่จิงเหยียนยุ่งอยู่กับการอธิบายให้เธอฟัง จึงไม่ทันสังเกต ตอนนี้เงียบลงมาแล้ว ระยะห่างก็ไม่ได้ไกล เย่จิงเหยียนจึงเห็นความผิดปกติจากเธอ
เย่จิงเหยียนจ้องมองไปที่ต้วนอีเหยา ในที่สุดเขาก็พูดประเมินอย่างตรงประเด็น “ดังนั้น ผมก็ยังคิดว่าคุณไม่แต่งหน้าดีกว่า”
ความหมายของเขาก็คือ ทักษะการแต่งหน้าของต้วนอีเหยาไม่ดี แต่ต้วนอีเหยาไม่เข้าใจ เธอคิดว่าเขาชมว่าเธอสวยโดยไม่ต้องแต่งหน้า
เธอเชิดหน้าขึ้นทันที “ฉันเพิ่งลองใช้เทคนิคการแต่งหน้าที่น่าทึ่งนี้ดู แต่ดูเหมือนเมื่ออยู่บนหน้าฉัน ก็ยังไม่เท่าไหร่”
“บางทีคนอื่นอาจจะวิเศษ แต่ว่าเธอ.......มันดูเสียโฉม”
เย่จิงเหยียนทนไม่ได้ที่จะมองไปตรงหน้า ทักษะการแต่งหน้าของเธอไม่ดี ถูไปๆมา และเหงื่อก็ออกอีก ไม่ได้รองพื้นด้วย ใบหน้าตอนนี้เหมือนกับลูกแมวตัวน้อย
ในที่สุดต้วนอีเหยาก็ตอบสนอง เมื่อรู้ว่าเย่จิงเหยียนกำลังดูหมิ่นเธอ จึงพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “คุณพูดมากไปแล้ว !”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ และมันก็น่ากลัวจริงๆ เธอไม่อยากที่จะคุยเย่จิงเหยียนอีกต่อไป รีบหยิบกระเป๋าและวิ่งออกไปข้างนอก
ณ ห้องน้ำ ต้วนอีเหยาสาปแช่งและลบเครื่องสำอางออกทั้งหมด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสดชื่นสบายขึ้นมากเลย
ใบหน้าเบาลงขึ้นเรื่อยๆหลังจากลบแป้งออกเป็นชั้นๆ ทำให้เธอสบายใจมากขึ้น
หันหน้าไปทางเครื่องสำอางที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นต้วนอีเหยาก็โกรธขึ้นมาทันที ทำไมคนอื่นแต่งแล้วสวยขึ้นไปอีก แต่ทำไมเธอ.......
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มลองไหมอีกครั้ง และตัดสินใจเงียบๆ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลองอีกครั้ง
“ยอมแพ้เถอะ ทักษะบางอย่างก็มีตั้งแต่กำเนิด !”
ต้วนอีเหยาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หันกลับไป ตอนนี้เซี่ยอันหนานอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ท่าทางของเธอดูไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย
ถ้าไม่ใช่ว่าที่แห่งนี้มีเพียงพวกเธอสองคน ต้วนอีเหยาคงสงสัยว่าเธอฟังผิดไป ใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้นจะพูดคำพูดที่รุนแรงออกมาได้ยังไง ?
“คุณกำลังคุยกับฉันอยู่รึเปล่า ?”ต้วนอีเหยาขี้เกียจตรวจสอบว่าทำไมเธอถึงยังไม่ออกจากโรงพยาบาล และยังกันเธอไว้ในห้องน้ำ
เซี่ยอันหนานหัวเราะเยาะ “ตอนนี้หูของคุณไม่ดีแล้วใช่ไหม ?”
ใบหน้าที่ดูดีก่อนหน้านี้ตอนนี้ใช้เพียงอธิบายความแย่บนใบหน้า ต้วนอีเหยาเหมือนโดนตบหน้าตัวเองอย่างแรง
ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดอะไร เธอเก็บของมองกระจกและจัดผม หยิบกระเป๋าและเดินออกมา
วินาที่ที่เธอเดินผ่านเซี่ยอันหนาน เซี่ยอันหนานก็จับมือของเธอและพูดว่า “ฉันถามเธออยู่นะ !”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว “หูของฉันจะหนวกรึเปล่าฉันไม่รู้ แต่ว่าเมื่อก่อนฉันเดาว่าฉันเคยตาบอด”
“เธอ........”
เซี่ยอันหนานโกรธมาก เธอง้างมือข้างหนึ่ง และใช้แรงทั้งหมดตบไปที่หน้าของต้วนอีเหยา
แต่เธอตบผิดคน ตั้งแต่เล็กจนโตต้วนอีเหยาโดนตบแค่ไม่กี่ครั้งและทุกครั้งยังเป็นพ่อของเธอเองด้วย
ต้วนอีเหยาไม่ได้ดูการเคลื่อนไหวของเธอด้วยซ้ำ เธอยื่นมือออกไปจับมือของเธอและค่อยๆลดตัวลง “หญิงสาว ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนเธอซะแล้ว จำไว้ว่า ถ้าเธออยากจะตบคนๆหนึ่ง เธอจะต้องหารายละเอียดของคนคนนั้นให้ละเอียดชัดเจน !”
เซี่ยอันหนานถูกเธอจับข้อมือไว้ สายตาดูลุกลี้ลุกลน “เธอ.....เธอต้องการทำอะไร ?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ตบเธอหรอก แบบนั้นมันดูไม่รู้สึกประสบความสำเร็จเลย”
ต้วนอีเหยาปล่อยมือของเธอ และมองไปรอบๆตัวเธอ
เซี่ยอันหนานถูข้อมือของตัวเองและเรียกต้วนอีเหยา “เฮ้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เธอชะงักฝีเท้า นิสัยของเธอนั้นต้วนอีเหยาไม่รู้ แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรต้วนอีเหยาก็จะไม่เชื่อ ดังนั้นจึงรอเธอพูดจบ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอเล็กน้อยเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อเห็นเธอหยุด เซี่ยอันหนานก็รู้สึกว่าตัวเองชนะไปครึ่งหนึ่ เธอเดินขึ้นไป และเดินวนรอบๆต้วนอีเหยาอยู่สองสามรอบ
“เมื่อครู่ที่ฉันออกมา เธอลองเดาดูสิว่าฉันเจอใคร ?”
ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว บ่งบอกให้เธอพูดต่อ
“ฉันเห็นหมอของเธอกับสามีของเธอกำลังคุยกัน........”
“เธอมีอะไรก็พูดมาให้จบ ”ต้วนอีเหยารู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอมักจะพูดครึ่งหนึ่งหยุดครึ่งหนึ่ง เธอคิดว่าต้วนอีเหยาอยากฟังที่เธอพูดมากเหรอ ?
“ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัด ฉันว่าเธอเตรียมใจให้ดีเถอะ บาดแผลของสามีเธอไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
เมื่อเซี่ยอันหนานเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของเธอ ก็กลัวว่าเธอจะทำอะไรอีก หรือว่าจะจากไปอย่างนี้ จึงรีบพูดทั้งหมดออกมา
ด้วยความประหลาดใจของเธอ เมื่อต้วนอีเหยาได้ฟังแล้วกลับมีท่าทางสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
เธออดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง “สามีดีกับคุณมาก แต่คุณได้ยินเรื่องเช่นนี้กลับไม่รู้สึกอะไร เขารักคุณมากขนาดนั้น !”
“เรื่องของพวกเรา คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง !”
ต้วนอีเหยาทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้และไม่สนใจเธออีก เธอเดินไปทางห้องผู้ป่วยพร้อมกระเป๋าของเธอ
อย่างไรก็ตาม ใจของเธอไม่ได้สงบนิ่งเหมือนกับใบหน้า มันเคลื่อยนไหวราวกับคลื่นที่สั่นไหว
ผ่าตัด !
เธอเองก็คงไม่เหมือนเซี่ยอันหนานนี่โง่แบบนั้น ยังคงคิดว่าแขนของเย่จิงเหยียนต้องได้รับการผ่าตัด
นอกจากสุขภาพร่างกายของเขาแข็งแรง สิ่งที่เธอคิดได้อีกอย่างก็คือหูของตัวเอง ในเมื่อหลุยส์พูด มันก็ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ !
ต้วนอีเหยาเปิดประตู แต่เห็นเพียงเย่จิงเหยียนยกขาขึ้นมา และผิวปากอย่างสบายๆ เมื่อเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา ก็หันไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม
“คุณกลับมาแล้ว ? แบบนี้สบายตากว่าจริงด้วย !”
“คุณบอกฉันมา ทำไมต้องออกไปท่องเที่ยวในเวลานี้ ?”ในใจของต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่อยากอ้อมค้อมกับเขา ดังนั้นเธอจึงถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา
เย่จิงเหยียนส่ายเท้า“ มันไม่ใช่เวลานี้หรอก แต่ผมอยากพาคุณไปที่นั่นมาตลอด !”
“ถ้างั้นทำไมไม่รอให้ลูกเกิดมาก่อนค่อยไป ?”
“เพราะว่าสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลมันหดหู่เกินไป ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไป......!”
“เห๋........”ต้วนอีเหยายิ้มเยาะ ไม่รอให้เขาได้แก้ตัวต่อก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ว่าคุณกำลังให้คนเตรียมการผ่าตัดอยู่เหรอ ?”
“ไม่ !คุณไปฟังใครพูดมา ?”
ในใจของเย่จิงเหยียนรู้สึกร้อนรน แต่ใบหน้าก็ยังคงนิ่งสงบอยู่ “เมื่อผมสัญญากับคุณแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ผิดสัญญาหรอก จะไปแอบเตรียมการผ่าตัดได้ยังไงล่ะ !”
เขาพูดอย่างจริงใจ ทำให้ต้วนอีเหยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ฉันได้ยินหลุยส์พูดมากับหู”
เย่จิงเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินเธอกำลังพูดล่อลวงตัวเอง นอกจากเขาแล้วหลุยส์จะคุยกับคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษ และเขาไม่มีทางพูดต่อหน้าต้วนอีเหยา ถ้าหากว่าเธอแอบฟัง ดูเหมือนว่าการได้ยินของเธอในตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
“บางทีหลุยส์อาจจะพูดถึงคนอื่น อีเหยา คุณอาจจะไม่เชื่อผม แต่ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ !”
“เพราะว่าผม......เคารพในการตัดสินใจของคุณ”
ต้วนอีเหยาเห็นว่าเย่จิงเหยียนพูดถูก ก็อดไม่ได้ที่จะงงงวย และเริ่มสงสัยในคำพูดของเซี่ยอันหนานอีกครั้ง
เธอพูดถึงการผ่าตัดของเย่จิงเหยียน ไม่ใช่ตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปัจจัยที่จะไม่เชื่อคำพูดของเธอ.......
“ขอโทษนะ ฉัน........”
“คุณเชื่อผมก็ดีแล้ว !”เย่จิงเหยียนพูดขัดจังหวะ พร้อมกับมองใบหน้าด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย
เมื่อเห็นต้วนอีเหยาในใจก็รู้สึกผิด “ฉันไม่ควรเชื่อคำพูดของคนอื่นมาสงสัยคุณ”
“คำพูดของใคร ?”
เย่จิงเหยียนจับจุดสำคัญ เขารู้ว่าการฟังของต้วนอีเหยาไม่สามารถได้ยินเสียงซุบซิบใดๆได้อย่างแน่นอน แล้วเธอจะมาตั้งคำถามประหลาดกับเขาได้ยังไง !
ต้วนอีเหยาลูบหน้าผากของเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป จนตอนนี้เธอเริ่มปวดหัว “เมื่อครู่ตอนกำลังออกมาจากห้องน้ำ เจอกับเซี่ยอันหนาน จึงพูดคุยกันสองสามประโยค”
เธอพูดอย่างเรียบง่าย แต่ว่าเย่จิงเหยียนรู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกัน จากนั้นเซี่ยอันหนานจึงจงใจพูดพวกนั้นออกมา
โชคดีที่ว่า บางทีเธออาจจะได้ยินไม่หมด และสื่อความหมายเพียงด้านเดียว ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหลอกเธอได้ง่ายๆหรอก !
เย่จิงเหยียนคิดถึงเนื้อที่ตามมา ก็อดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะวางแผนกับหลุยส์ได้ เขาไม่มีทางให้ผู้หญิงคนเดียวมาทำลายเด็ดขาด !
แน่นอนว่าต้วนอีเหยาไม่รู้ว่าในใจเขาซับซ้อนขนาดนี้ เพียงแต่เธอคิดว่าการได้เจอกับเซี่ยอันหนาน จะทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...