เครื่องบินลงจอด ต้วนอีเหยาเดินออกจากห้องโดยสาร หายใจเข้าลึกๆทีนึง “ฮ่า… ในที่สุดก็ได้หายใจโล่งๆสักที ภายในเครื่องบินปิดสนิทแทบทุกมุม อึดอัดจริงๆ”
ตั้งแต่เกิดเรื่องบนเครื่องบิน อารมณ์ของเขาของเธอก็ดีขึ้นยังไม่รู้ตัว ความเครียดต่างๆที่สะสมไว้ในไม่กี่วันนี้ก็ได้ระบายหมดสิ้น
“เอ๊ะ” ขนาดที่บิดขี้เกียจ ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วแล้วจ้องไปข้างหน้า เย่จิงเหยียนเดินเข้ามาข้างกายเธอพอดี แล้วมองตามสายตาเธอเห็นข้างหน้ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังตรงเข้ามา
เป็นกลุ่มจำนวนคนมาก ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา ผู้นำกลุ่มนั้นพาทุกคนทำความเคารพต่ออี้เทียนเฉิง
“นายน้อย”
“อืม” อี้เทียนเฉิงจากปกติที่เห็นเป็นคนไม่เอาไหน กลับเป็นคนจริงจังขึ้นมาทันที
“เรื่องในบริษัทเป็นยังไงบ้าง”
ผู้นำกลุ่มนั้นมองไปยังเย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาด้วยความสงสัย เมื่อหันกลับมามองเห็นอี้เทียนเฉิงใสหัว “ไม่เป็นไร”
“ก็ยังเป็นเหมือนเดิมยังคงเหมือนเดิม ประธานยุ่งจนอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ว่าต้องวงเงินทุนนั้นเป็นปัญหาจริงๆ นายหญิงก็ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย เกรงว่า....เกรงว่าจะอยู่ต่อไปได้ไม่นาน...”
ใบหน้าที่เศร้าหมองของผู้นำกลุ่มนั้น ยามเข้าวัยกลางคนอย่างเขา บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น บวกกับการที่ไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน ขอบตาที่ดำ ดูแล้วอาการน่าเป็นห่วงจริงๆ
“เข้าใจแล้ว พาเรากลับไปบริษัทเถอะ” อี้เทียนเฉิงเมื่อฟังจบข่าวนี้ สีหน้ายิ่งเครียดกว่าเดิมกว่าเดิม
แม้ว่าในใจจะกังวลแค่ไหน แต่ยังคงยิ้มให้กับเย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยา “พวกคุณน่าจะไม่ได้พักแล้วล่ะ”
“ไปกันเถอะ” เย่จิงเหยียนไม่ได้พูดมาก เขาจับมือของต้วนอีเหยา แล้วเดินไปตามทางที่มีรถจอดอยู่ข้างๆ
……
“ตุ่มตุ่มๆ”
ห้องทำงานประธานอี้ซื่อกรุ๊ป คุณพ่ออี้กำลังวุ่นวายกับกันดูเอกสาร เสียงเคาะประตู จึงพูดไปลอยๆว่า “เข้ามา”
ลูกบิดประตูขยับ อี้เทียนเฉิงเป็นคนแรกที่เข้ามา “ พ่อ ผมกลับมาแล้ว”
“กลับมาทำไมล่ะ” เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“ก็กลับมาเยี่ยมพ่อไง เป็นไงฉันไม่อยู่ ควบคุมไม่ไหวแล้วสิท่า”
อี้เทียนเฉิงกลับมาเป็นคนที่ไร้สาระเหมือนเดิม เขาตรงเข้าไปนั่งอยู่ข้างหน้าคุณพ่ออี้ ชงชาแก้วนึง “เอ้ พวกคุณทำไมยังไม่เข้ามาล่ะ”
คุณพ่ออี้กำลังจะระเบิดอารมณ์ เห็นข้างนอกมีคน จึงควบคุมอารมณ์ไว้ “สองคนนี้คือใคร”
“คือคนที่ลูกเชิญมาให้พ่อไง”
“ไม่เชื่อ”
คุณพ่ออี้ตบบนโต๊ะ ระเบิดอารมณ์ เขาเป็นผู้มีประสบการณ์การทำธุรกิจนานเป็น 10 ปี ยังไม่รู้จะรับมือยังไง นับประสาอะไรกับเด็กหนุ่มสามคนคิดจะช่วยบริษัท
“เรามาก็แค่อยากบอกพ่ออย่างนึง แต่ว่าพ่อจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยนั้นไม่ได้สำคัญอะไร” อี้เทียนปรบมือ 2-3 ครั้ง หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดเหงื่อบนมือ
ส่งสายตาไปยังที่ที่เย่จิงเหยียนยืนอยู่ เห็นสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ในใจรู้สึกสงบลง
“ตกลงพวกคุณจะทำอะไร”
คุณพ่ออี้สงบสติอารมณ์ตั้งนาน กว่าจะสงบได้ ห้ามอารมณ์ตัวเองไว้แล้วถาม
อี้เทียนก็ไม่รู้จะทำไง แต่เขารู้ว่าเย่จิงเหยียนยื่นมือช่วย ความสำเร็จของพวกเขาก็จะเกิดผลอย่างมากแน่นอน
“ อยากให้ฉันช่วย ไม่มีปัญหา แต่ว่าจากนี้ต้องฟังฉันเท่านั้น” เย่จิงเหยียนจิบชาทีนึง เหมือนว่ามีแผนในใจเรียบร้อยแล้ว ถึงพูดออกมา
ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ข้างกายเขา อยากจะหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของเขาที่มั่นใจตัวเองเหลือเกิน แต่เธอไม่อยากทำลายแผนของเขา จึงก้มหน้าคิดอย่างเดียว
“โอเค เชื่อฟังคุณ” คุณพ่ออี้พูดขนาดที่ในใจโกรธเป็นไฟแต่ภายนอกกลับยิ้ม “ไหนคุณลองว่ามาซิ จะให้เราทำอะไร”
“เอาทรัพย์สินทั้งหมดของอี้ซื่อให้ฉัน และต้องให้อำนาจทั้งหมดกับฉัน...”
“ไร้สาระ ทำอย่างนี้กับการที่อี้ซื่อของเราปิดกิจการต่างกันที่ไหน เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคิดอะไรไร้เดียงสาจริงๆ” คุณพ่ออี้ไม่อยากฟังมากกว่านี้ ตัดบทสนทนากับเย่จิงเหยียนทันที
“พวกคุณไปเถอะ ต่อให้อี้ซื่อของเราตกต่ำแค่ไหน ก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด”
“พ่อ...”
“หุบปาก”
คุณพ่ออี้มองไปยังอี้เทียนด้วยอาการสั่น พูดอย่างผิดหวังว่า “ลูกทรยศตระกูล พ่อยังไม่ได้พูด ก็พูดออกมาเองแล้ว เรื่องไม่สมควรขณะนี้ยังทำออกมาได้ แล้ววันหลังพ่อจะมอบอี้ซื่อให้นายได้ยังไง”
“ก็แล้วแต่ละกัน ยังไงอี้ซื่อก็ใกล้จะล้มละลายแล้ว พ่อให้ผมแล้วจะทำไงได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นผมที่ต้องชดใช้”
อี้เทียนเฉิงเอามือกอดอก จ้องหน้าพ่อยังไม่เกรงกลัว “ผมคิดว่ามอบอี้ซื่อให้กับเขาก็ไม่เห็นจะเป็นไร ยังไงก็จะล้มแหละไม่ล้มแหละ ถ้าสำเร็จ กอบกู้อี้ซื่อกลับมา ถ้าล้มเหลว อย่างมากก็แค่ปิดกิจการ พ่อเองก็จะไม่ต้องมาเหนื่อยอย่างนี้”
“นี่นาย...” คุณพ่ออี้ไม่รู้จะพูดยังไง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ลูกเนรคุณ ลูกเนรคุณ”
“เอาเถอะน่า พ่อ ไม่ต้องทำเป็นเลย มุกเนี้ยใช้กับแม่เท่านั้น พ่อดูสิแม่ใหม่จะรู้สึกเป็นห่วงพ่อไหม นางอยากจะให้พ่อตายไปด้วยซ้ำ ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมาออกจากเขา คุณพ่ออี้ยิ่งไม่รู้จะโต้ตอบยังไง “ไม่ต้องพูดถึงนางชั่วนั่นอีก รอให้ฉันฟื้นตัวก่อน ต้องให้นางเห็นดีแน่”
“ฮ้า ตอนนี้ไม่อยากให้พูดถึง จำได้ตอนแรกเหมือนเป็นแก้วตาดวงใจเลยนี่”
คุณพ่ออี้ข่มอารมณ์ไว้ เอนตัวลงบนเก้าอี้โยก “นี่ลูกตั้งใจจให้พ่อเครียดตายใช่ไหม”
“เอาเถอะน่า ผมมาที่นี่ไม่ใช่มากวนพ่อ พ่อมอบอี้ซื่อไว้ในมือผม ให้ผมเป็นคนดูแล พ่อสบายใจได้”
“ไอ้เด็กเวร พ่อยังไม่รู้เลยสิ่งที่นายคิดคืออะไร บอกไว้อย่างนึง แม้แต่คิดก็อย่าหวัง”
“โธ่… ดูแล้วมีคนที่ไม่อยากได้อี้ซื่อแล้ว ฉันกลับมาครั้งนี้นำเงินทุนกลับมาด้วย ไม่มอบบริษัทให้ฉัน เงินทุนนี้ก็ไม่ควรจะเอาเข้าไปแล้วล่ะ”
อี้เทียนเฉิงตั้งใจพูดให้เสียงดัง เมื่อพูดถึงเงินทุน 2 คำนี้ ยิ่งออกเสียงชัดเป็นพิเศษ
เขากลับมาครั้งนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง เขารู้ว่าพ่อคนนี้ไม่คิดจะมอบสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทเกือบครึ่งชีวิตมอบให้กับเขาง่ายๆ ฉะนั้นทันทีที่ลงจากเครื่องบินเขาก็ถามหาข่าวคราวของอี้ซื่อทันที
รู้ว่าอี้ซื่อจะดำเนินกิจกรรมต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาถึงมีความมั่นใจว่าจะสำเร็จ หากไม่ใช่เพราะจนตรอก เงินอันน้อยนิดของเขาย่อมไม่อยู่ในสายตาของคุณพ่ออี้
แต่ว่า เมื่อเขาพูดถึงเงินทุน อี้เทียนเฉิงตั้งใจส่งสายตาไปยังพ่อ เห็นว่าเขามีความสนใจ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ เขารู้รู้แล้วว่าความสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว
“ฮืม ฉันจะเอาเงินแค่นั้นของนายหรือ” คุณพ่ออี้เชิดหน้า เหมือนไม่ได้สนใจเลยว่าเงินที่เขาพูดถึงนั้นมีเท่าไหร่
“ผมรู้ว่าพ่อตาถึง ถ้างั้นเงิน 10 ล้านของผมก็เก็บไว้แล้วกัน ดูแล้วพ่อน่าจะหาทางออกได้แล้วสิ”
ขณะพูด ก็กวักมือเรียกเย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาลุกขึ้น “ต้องขอโทษจริงๆ แต่ฉันได้เตรียมโรงแรมให้คุณทั้งสองแล้ว พรุ่งนี้พาพวกคุณไปเที่ยวเล่นใกล้ๆนี้”
เย่จิงเหยียนไม่มีเสียงตอบรับ พยักหน้าให้เขา แล้วจับมือต้วนอีเหยาเตรียมจะไป อี้เทียนเฉิงตามหลังไปติดๆ
“รอก่อน”
เท้าของอี้เทียนเฉิงยังไม่ทันก้าวออกไป ก็ถูกเสียงเรียกของคุณพ่ออี้รั้งไว้ “ไอ้เด็กเวร นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
ทั้งที่รู้ว่าเขามีเงินแค่ก้อนนั้น แต่ก็ยังเอามันมาขู่ตัวเอง
“ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรนี่ ทำตามที่พูดไว้เมื่อกี้ไง”
หันหน้ากลับมา อี้เทียนเฉิงยิ้มอย่างชื่นใจมองไปยังคุณพ่ออี้ “ให้ฉันแล้วทำไมหรอ ของพ่อช้าหรือเร็วก็ต้องเป็นของฉัน ถือว่าเป็นบททดสอบให้ฉัน ให้ฉันได้ฝึกฝนตัวเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...