รถแล่นไปอย่างไม่ขาดสาย ในท้องฟ้ายามค่ำคืนมีลำแสงไฟประดับหลากสี เสี่ยวอวี้หลินนั่งอยู่ริมหน้าต่างยาวจรดพื้น พลางยกแก้วไวน์แดงขึ้นดื่ม
“แกส่งยัยเด็กคนนั้นกลับหรือยัง?”
เสี่ยวอวี้หลินหันกลับไปมอง เห็นมู่ยู่วฉีเดินมาหาตนเอง บนใบหน้ามีรอยยิ้มลึกซึ้ง
เขาวางแก้วลง เช็ดไวน์แดงที่เลอะอยู่ตรงมุมปาก “ยัยเด็กบ้า แน่นอนว่าต้องส่งเธอกลับไปแล้ว หรือว่ายังต้องให้ทำอะไรอีก?”
มู่ยู่วฉีทำตัวสบายๆ มานั่งตรงข้ามเสี่ยวอวี้หลิน รินไวน์แดงให้ตัวเองไปแก้วหนึ่ง “มันคงไม่เหมาะ ไร้เดียงสาราวกับกระดาษขาว น่าเอ็นดูจริงๆ”
“ไอ้บ้า!” เสี่ยวอวี้หลินจ้องมองเขา “แกก็ชอบตุ๊กตาผู้หญิงแบบนี้ แต่ฉันไม่อยากทำลายดอกไม้ของบ้านเกิดเมืองนอน”
เสี่ยวอวี้หลินถูกเขาผลัก หลังจึงล้มลงไปบนกระจก “นายอย่าพูดเลยดีกว่า ฉันมีลางสังหรณ์ ฉันต้องพ่ายแพ้ให้กับยัยเด็กคนนั้นแน่ๆ”
“เอาเถอะๆ ฉันคิดว่านายควรจะใส่ใจตัวเองสักหน่อยนะ เรื่องของดาราสาวคนนั้นพาดหัวข่าวซะร้อนแรง ถ้าหากพ่อแม่รู้…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่ยู่วฉีก็ปวดหัวขึ้นมา “ฉันไม่รู้ว่าพวกปาปารัสซี่จะร้ายกาจขุดเรื่องได้ละเอียดขนาดนี้!”
เมื่อคืนเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องฉื้อฉาวระหว่างเขากับดาราสาวคนนั้นอย่างมืดฟ้ามัวดิน ถึงขั้นแอบถ่ายรูปที่ทั้งสองจูบกัน ตอนนี้เขาได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านอย่างระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ไม่อาจปกปิดได้ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ให้แต่ละวันผ่านไปเท่านั้น
เสี่ยวอวี้หลินหัวเราะเบาๆ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง “แกคิดว่าปาปารัสซี่เป็นคนทำจริงๆเหรอ?”
“แกหมายความว่ายังไง?” เปลือกตามู่ยู่วฉีกระตุก ถ้านี่ไม่ใช่ปาปารัสซี่หรือว่าเขาจะวางระเบิดตัวเอง?
เสี่ยวอวี้หลินเห็นความสงสัยของเขา จึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ที่อยู่ด้วยกับกันแก นอกจากแกแล้วก็คือผู้หญิงคนนั้น ยังมีใครอีกงั้นเหรอ? แกลองคิดดูสิ เห็นได้ชัดว่าภาพนั้นถูกถ่ายจากด้านใน ถ้าไม่ใช่ผีก็หนึ่งในพวกนายสองคนนั้นแหละ ใครจะเข้าไปได้อีก?”
เขาที่ได้ฟังเสี่ยวอวี้หลินพูดเช่นนั้น ก็รีบเปิดข่าวดูผ่านทางโทรศัพท์มือถือทันที ภาพถ่ายไม่ค่อยชัด นอกจากนี้ มองเห็นจากด้านหลังที่พวกเขาสวมกอดกัน มุมนี้มาจากภายในห้องของโรงแรมจริงๆ
ใบหน้าของเขาและหญิงสาวคนนั้นปรากฎขึ้นมาอย่างชัดเจน จากมุมนี้ไม่เหมือนกับการแอบถ่าย แต่เหมือนกับการตั้งกล้องเอาไว้มากกว่า
“แกหมายความว่า เธอจงใจถ่ายตัวเองแล้วลงข่าวงั้นเหรอ?”
เสี่ยวอวี้หลินแบมือ “ฉันไม่ได้พูด แกมีคำตอบอยู่ในใจเองแต่แรกอยู่แล้ว”
มู่ยู่วฉีก้มหน้าลงแล้วยิ้มอย่างข่มขื่น “เป็นไปไม่ได้ เธอจะได้ประโยชน์อะไรจากข่าวซุบซิบพวกนั้น? มีแต่จะทำลายชื่อเสียง”
“แกอยู่ในวงการบันเทิงมานานขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินหมุนไปมาพร้อมกับจิบไวน์ไปด้วย “ก่อนหน้านี้เธอยอมหลับนอนกับผู้กำกับ เพราะอยากเล่นเป็นนางเอกละครใช่ไหม? ถ้าเป็นไปตามที่ฉันคิด ละครเรื่องที่เธอเล่นจะออกอากาศเร็วๆนี้”
“เล่นละครเรื่องนี้แล้วมันเกี่ยวอะไร…”
มู่ยู่วฉีพูด ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว “แกหมายถึง...เธอทำเพื่อโปรโมต เพิ่มความร้อนแรงให้กับละครเรื่องนี้ โดยไม่เสียดายที่จะใช้ชื่อเสียงตัวเองสร้างเรื่องอื้อฉาวงั้นเหรอ?”
เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้า “ในที่สุดแกก็เข้าใจ บางทีเธออาจวางแผนไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีเรื่องอื้อฉาวกับแกได้ ก็เหมาะเจาะ มูลค่ายิ่งเพิ่มมากขึ้น!”
มู่ยู่ววีเมื่อได้รับรู้ความจริง เขาหายใจเข้าลึกๆ กระดกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแล้วพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันมองเธอผิดไปตั้งแต่แรก!”
“เอาล่ะๆ เสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว มาคิดดีกว่าว่าจะให้ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพกับพ่อแม่ยังไง”
ทั้งสองรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม้ว่าปกติพวกเขาจะชอบเล่นสนุก แต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวอื้อฉาวโจษจันไปทั่วเมือง ให้ทุกคนรับรู้
ตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบ ผู้ใหญ่ที่บ้านก็จะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น ถ้าข่าวถึงหูพวกท่านเข้าต้องโดนลงโทษหนักแน่!
“ทำได้เพียงดูกันไปทีละก้าว อีกอย่างฉันยังโชคดี ที่พ่อแม่ยังไม่เห็น?” มู่ยู่วฉียิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่าช่างน่าสมเพช แต่ในใจก็ยังหวังให้โชคช่วย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น พูดได้อย่างเบิกบานขนาดนี้ อย่ามั่วแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลย มาๆ ดื่มกันก่อน!”
เสี่ยวอวี้หลินรินไวน์ให้เขาคนละครึ่งแก้ว ยื่นให้มู่ยู่วฉี แล้วชนแก้วกันเสียงดัง
มู่ยู่วฉีคิ้วขมวด กระดกไวน์หมดแก้วอย่างกระวนกระวายใจ
……
เสี่ยวอวี้หลินนั่งอยู่ในรถ จับพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด เมื่อคืนดื่มไวน์มากเกินไปในหัวเอาแต่คิดถึงเซี่ยอันน่าตลอดเวลา แบบนี้ไม่ได้ จึงรีบขับรถไปรอที่หน้าประตูตั้งแต่เช้าตรู่
เขาอยากเข้าไปด้านในมหาวิทยาลัย แต่ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ตอนที่กำลังลังเลก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในหัว นึกขึ้นได้ว่าเซี่ยอันน่าทิ้งโน๊ตไว้ให้ตอนที่เธอจากไป นั้นคือหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเธอ
เสี่ยวอวี้หลินค้นหาอยู่นาน ในที่สุดก็พบอยู่ในกล่องกล่องหนึ่ง บนกระดาษไม่ได้ลงชื่อ มีเพียงตัวหนังสือเขียนว่า “เซี่ย” และตามด้วยตัวเลข
ขณะที่ถือกระดาษโน๊ตอยู่ในมือ ก็มีเคาะกระจกหน้าต่างรถของเขา เสี่ยวอวี้หลินหันกลับไปมอง เห็นชายคนหนึ่งในชุดเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยชะโงกหน้ามองเข้ามาในกระจก เขาจึงขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
เขาลดกระจกลง แล้วเอ่ยถาม “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“คุณผู้ชายครับ รบกวนห้ามจอดรถตรงนี้นะครับ นักศึกษาของเรากำลังจะออกมาแล้วครับ”
เสี่ยวอวี้หลินมองออกไปด้านนอก เป็นเวลาเที่ยงวัน ผู้คนต่างทยอยออกมาจากมหาวิทยาลัย
“เข้าใจแล้วครับ”
เสี่ยวอวี้หลินพูดจบ กระจกรถค่อยๆเลื่อนขึ้น เขาหมุนพวงมาลัยแล้วเลี้ยวหัวรถไปทางฝูงชน หลังจากรอให้รถจอดเข้าที่เรียบร้อย เสี่ยวอวี้หลินก็รีบกระโจนออกจากรถทันที
กดเบอร์โทรศัพท์ใส่ในโทรศัพท์มือถือ เขาลังเลอยู่สองสามวินาที จึงกดโทรออก
“ฮัลโหว” ปลายสายรับสาย เสียงของเซี่ยอันน่าดังเข้ามาในหูของเสี่ยวอวี้หลินอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นหัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสงบความรู้สึกลงได้ มันไม่มีอะไร ใจเย็นๆ จึงเอ่ยถาม “ฮัลโหว คุณอยู่ที่ไหน?”
“คุณเป็นใคร?” เซี่ยอันน่ากุมโทรศัพท์มือถือด้วยความหวาดกลัว เบอร์นี้ไม่คุ้น และยังเป็นผู้ชายอีก!
“คุณบอกมาก่อนว่าคุณอยู่ที่ไหน?” เสี่ยวอวี้หลินไม่ตอบคำถาม
“คุณเป็นใครกันแน่?” เซี่ยอันน่าได้ยินคำถามของเขา จิตใจยิ่งอยู่ไม่สุข เกิดความไม่ชอบใจ จึงตัดสินถามกลับไป
เสี่ยวอวี้หลินถือโทรศัพท์ พลางยกยิ้มที่มุมปาก เขานึกถึงสีหน้าท่าทางของเซี่ยอันน่า คิ้วสวยขมวดเป็นปม แล้วเม้มริมฝีปาก
“สาวน้อย คุณลืมผมเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? พูดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากชดใช้ให้ผมไม่ใช่เหรอ?”
“แค่กแค่ก…”
เซี่ยอันน่าที่กำลังดื่มน้ำ ได้ยินเสียงของเซี่ยวอวี้หลิน ก็สำลักน้ำที่มีอยู่เต็มปาก พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
“คุณ...คุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยอันน่าเกรงว่าเพื่อนร่วมห้องจะได้ยิน จึงลดเสียงลงทันที
เสี่ยวอวี้หลินหัวเราะ “เอ่อ รู้ว่ายังอายอยู่ คืนนั้นคุณ..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...