ฉีฉีแสดงสีหน้าอย่างพอใจ “ต่อไปฉันต้องเป็นผู้จัดการให้เธอ ก็ต้องรู้หน่อยสิ”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉีฉี มู่ยู่วฉีเขาพูดอย่างจริงจัง “ฉีฉีถ้าเธอสนใจทางด้านนี้ ฉันจะเปิดบริษัทหนัง และเป็นผู้บริหาร”
เอ่อ....
ท่าทางจริงจังของมู่ยู่วฉี ทำให้ฉีฉีรู้สึกอาย
เวลานี้เซี่ยอันน่าควรจะรักษาความเงียบ แต่เธอทนกับท่าทีอวดใหญ่ของมู่ยู่วฉีไม่ไหว ถึงส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “คิดจะใช้เงินมาล่อหรอ ฉีฉีไม่ใช่คนแบบนั้น เธอเป็นคนชอบต่อสู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอฝนตกลงมาจากฟ้า”
มู่ยู่วฉีมองไปที่เซี่ยอันน่าอย่างไม่ยอมแพ้ “เธอรู้จักฉีฉีดีมาก แต่ต่อจากนี้ฉันจะเข้าใจฉีฉีให้มากกว่าเธอ”
ผู้ชายคนนี้ปากจัดไม่น้อย
เซี่ยอันน่าเลิกคิ้วมองไปที่มู่ยู่วฉี “งั้นก็มารอดูกัน”
ถ้ามองจากมุมนี้ ทั้งสองคนดูจะทะเลาะกัน ทำให้หนางกงเจารู้สึกไม่สบายใจ
ต้วนอีเหยามองท่าทีของหนางกงเจาออก จึงพูด “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฉีฉีกับเซี่ยอันน่าอยู่ที่นี่ ที่เหลือไปซ่อนให้หมด”
เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนอีเหยา หนางกงเจาก็มองไปที่เธออย่างขอบคุณ
และทุกคนก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา เซี่ยอันน่ากับมู่ยู่วฉีหยุดเรื่องของตัวเองไว้ และดำเนินไปตามแผน
เย่ชูวเสวี่ยที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรรีบกลับมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะเห็นเซี่ยอันน่ากับฉีฉีอยู่หน้าประตู
“เป็นยังไงบ้าง น้ำยังรั่วอยู่ไหม”
“รั่วอยู่ แต่เริ่มน้อยลงแล้ว”
“ฉันจะเข้าไปดูก่อน”
ตอนที่เย่ชูวเสวี่ยผลักประตูเข้าไป ห้องทั้งห้องก็มืดมิด มองไม่เห็นอะไรเลย
น้ำรวมไม่ใช่หรอ ทำไมไฟถึงดับด้วย ไม่ใช่สิตอนนี้เป็นตอนกลางวันนี่นา ถึงไฟดับก็ไม่น่าจะมืดขนาดนี้
เย่ชูวเสวี่ยเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังกลับไป
แต่ไม่รู้ว่าใครมาผลักหลังเธอ ทำให้เธอต้องเดินเข้าไปในห้อง และทันทีที่ประตูปิดลง แสงสุดท้ายก็ดับไป
“พวกเธอ....”
เย่ชูวเสวี่ยยังไม่ทันพูดจบ โปรเจ็คเตอร์ข้างหน้าของเธอก็เริ่มทำงาน ใช้ภาพขึ้นมาทีละภาพ
ในภาพมีเธอแล้วก็มีหนางกงเจา ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
เย่ชูวเสวี่ยเริ่มปากสั่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ประทับใจ และแปลกใจด้วย
เสียงดนตรีเบาๆดังขึ้น ความทรงจำของเย่ชูวเสวี่ยถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพเหล่านั้น ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น
ทันใดนั้นห้องก็สว่างขึ้น จนเธอต้องหรี่ตาลง
เธอมองไปข้างหน้าก่อนจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมดอกไม้ในมือ
เย่ชูวเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “หนานกง คุณทำอะไรเนี่ย”
หนางกงเจามองที่เธออย่างจริงจัง และเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น อยู่แฟนออกมา และพูดอย่างซื่อสัตย์ “ชูวเสวี่ย แต่งงานกับผมนะ”
ทันทีที่พูดจบ กีบดอกไม้ก็ร่วงลงมาจากข้างบนราวกับเป็นความฝัน
เย่ชูวเสวี่ยตะลึง เธอมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหล่าของหนางกงเจา และมองไปที่เพื่อนทั้งหลายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นก็มองไปที่กล้องวิดีโอที่อยู่อีกข้าง เธอน้ำตารื้นขึ้นมา พร้อมสะอื้น
เมื่อเห็นเย่ชูวเสวี่ยร้องไห้ คำสัญญาที่เขาจะพูดก็ลืมไปหมด เขารีบกอดเธอไว้อย่างปวดใจ และพูด “ชูวเสวี่ย คุณไม่ต้องร้อง คุณไม่ตกลงก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อง”
หนางกงเจาพูดพลางช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ
แต่เช็คยังไงน้ำตาของเธอก็เช็คไม่หมด ราวกับเขื่อนแตก
หนางกงเจาเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก คนรอบข้างก็รู้สึกงงเช่นกัน
ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีมาก แต่ทำไมเมื่อถึงตอนสุดท้ายถึงไม่เป็นไปตามบท
ต้วนอีเหยาเดินมายืนข้างเย่ชูวเสวี่ย ยื่นมือไปตบไล่เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและหนักแน่น “ชูวเสวี่ยไม่ต้องร้องแล้ว บอกพวกเรามาว่าทำไมเธอถึงร้องไห้ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ ฉัน.... ฉันชอบมาก”
“แล้วทำไมถึงร้องไห้ขนาดนั้น”
“เพราะ....”เธอเพิ่งจะสงบไปก็เริ่มปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง “เพราะวันนี้ฉันไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ผมก็ยุ่ง ถ้าฉันกลับมาดูวีดีโอย้อนหลังเป็นความทรงจำ ฉันต้องดูน่าเกลียดมากแน่”
ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้
เหตุผลของเย่ชูวเสวี่ยทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
หนางกงเจาถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบสงบสติอารมณ์ “ใช่ที่ไหน คุณสวยที่สุด แล้วตอนนี้คุณก็ไม่ได้ดูแย่ เสื้อผ้าก็เข้ากับคุณดี ผมก็ไม่ได้ยุ่ง และผมก็ชอบคุณตอนหน้าสด ทุกอย่างกำลังดี”
หนางกงเจาพูดอย่างจริงใจ “ไม่น่าเกลียดจริงหรอ”
“ไม่เลยสักนิด”หนางกงเจาหายใจเข้าลึกๆ และถามด้วยสีหน้ากังวล “ชูวเสวี่ย คุณต้องตอบผมแล้วนะ”
เย่ชูวเสวี่ยสูดหายใจเข้าจมูก และพยักหน้าอย่างเขินอาย
เมื่อเธอพยักหน้าทุกคนก็โล่งใจ และส่งเสียงเชียร์พร้อมกับโรยดอกไม้ ปรบมือ ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมา
หนางกงเจากอดเย่ชูวเสวี่ยด้วยความขอบคุณ
หลังจากผ่านความยากลำบากด้วยกันมา ในที่สุดเขาก็ได้เป็นเจ้าของเธออย่างเป็นทางการ
เมื่อมองไปที่ทั้งคู่ที่มีความสุข ฉีฉีก็รู้สึกดีใจไปด้วย
ฉีฉีพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ดีจังเลย เดี๋ยวจะมีขนมกินแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซี่ยอันน่าก็หัวเราะออกมา “ฉีฉี จุดโฟกัสของเธอผิดนะ”
ฉีฉีแลบลิ้นออกมาโดยไม่พูดอะไร
แต่ก็มีบางคนที่ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป จึงพูดขัดเซี่ยอันน่า
“ฉันว่าจุดโฟกัสของฉีฉีไม่ได้ผิด ขนมแต่งงานถือเป็นการส่งความสุข ให้คู่แต่งงานมีชีวิตที่สวยงาม”
เธอแค่พูดเล่นกันตามประสา แต่ก็ถูกมู่ยู่วฉีพูดอธิบายอย่างจริงจัง ทำให้รู้สึกว่ามันมากเกินไป
แต่ฉีฉีไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอรู้สึกว่ามู่ยู่วฉีใส่ใจมาก เธอจึงประทับใจในตัวของเขา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน เซี่ยอันน่าก็ได้แต่แอบส่ายหน้า
ผู้ชายคนนี้เริ่มซื้อใจคนแล้ว เขาดำเนินการไปทีละขั้น ฉีฉีจะตามเขาทันได้ยังไง
แถมต้วนอีเหยายังมาให้เธอปล่อยมือ ถ้าเธอปล่อยมือ ฉีฉีต้องเป็นปลาย่างของมู่ยู่วฉีแน่ เธอต้องโดนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
แต่ก็มีประโยคหนึ่งที่ต้วนอีเหยาพูดถูกมาก เธอไม่สามารถดูแลฉีฉีไปได้ตลอดชีวิต บางเรื่องเธอก็ต้องไปเผชิญเอาเอง
เธอสามารถให้คำแนะนำได้ แต่ไม่สามารถควบคุมชีวิตของใครได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...