เมื่อถึงเวลาเลิกงาน มู่เวยเวยเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ลงจากตึกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เธอมองเห็นรถเฟอร์รารี่ของหนานกงเฮ่าอยู่ไกลๆ ในขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะเดินไปที่รถดีมั้ย ทันใดนั้นก็มีคนคว้ามือเธอจากด้านหลัง
เมื่อหันไปมอง ที่แท้ก็คือเย่ฉ่าวเฉินนี่เอง
มู่เวยเวยขมวดคิ้วอย่างแรงด้วยสีหน้าที่นิ่งๆ พร้อมกับสะบัดมือออกจากเขาสุดแรงแล้วถามขึ้นว่า " นี่คุณจะทำอะไร? "
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วจับมือเธอแรงขึ้นจากนั้นถามขึ้นอย่างนิ่งๆว่า " เธอยังจะกลับไปอยู่บ้านหนานกงเฮ่าอยู่อีกหรอ? "
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยหรอ? "
ตอนแรกเธอก็กำลังลังเลว่าจะขอให้หนานกงเฮ่าช่วยพาเธอไปหาโรงแรม แต่คิดไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมาเกาะแกะเธอ
" เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เธอก็ลองคิดดูว่ามันเกี่ยวกับฉันมั้ย! เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธออย่างไม่แยแส แต่สีหน้าเขาโกรธมากแล้วพูดออกมาอย่างเสียงดัง
มู่เวยเวยยังคงนิ่งสงบ แล้วฉีกยิ้มมุกปากจากนั้นค่อยๆพูดนิ่งๆว่า " ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เหอะ แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่ดี "
เห็นว่าเธอดื้อรั้นมาก เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย แต่กลับอุ้มเธอขึ้นบ่าแล้วเดินตรงไปที่รถของเขาที่จอดอยู่
" เย่ฉ่าวเฉิน! ปล่อยฉันนะ! ทำไมคุณถึงเอาแต่ใจขนาดนี้เนี่ย......"
มู่เวยเวยพยายามดิ้นตลอดทาง แต่ว่าสุดท้ายก็ถูกเขาลากมาที่รถแลมโบกินี่ของเขาจนได้ ในขณะที่เปิดประตูหลังรถอยู่ เธอก็เห็นเงาของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เฉียวซินโยวมองไปที่มู่เวยวยที่ปรากฏตัวขึ้นบนรถ หลังจากนั้นก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินลากตัวมานั่งในตำแหน่งใกล้ๆเธอ
ในพื้นที่แคบๆนี้ จู่ๆก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด
มู่เวยเวยเปิดหน้าต่างรถ เพื่อรับลมเย็นๆ แต่ในใจของเธอเหมือนถูกก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ซึ่งทำให้เธออึดอัดมากๆ
เฉียวซินโยวเองก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน
แค่คิดถึงเรื่องที่มู่เวยเวยปรากฏตัวตรงหน้าเธอ ไม่ว่าจะทำอะไร เธอก็เกลียดเธอมากที่ทำตัวเป็นก้างขวางคอระหว่างเธอกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอแทบอยากจจะร้องกรี๊ดออกมา
ต้องทำยังไงถึงจะกำจัดเธอให้หายไปได้สักที!
ระหว่างทางผ่านร้านกาแฟดอกกุหลาบ เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอมีนัด เฉียวซินโยวจึงค่อยๆพูดขึ้นว่า " ฉ่าวเฉิน คุณจอดรถข้างทางหน่อยได้มั้ย? "
มองผ่านกระจกหลังรถเย่ฉ่าวเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย " ทำไมล่ะ?"
" ฉันอยากลงไปซื้อกาแฟสักหน่อย "
เย่ฉ่าวเฉินแวะจอดรถข้างทางแล้วหันไปข้างหลังจากนั้นพูดขึ้นนิ่งๆว่า " เธอไปซื้อสิ ฉันจะรออยู่ตรงนี้นะ "
เฉียวซินโยวส่ายหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า " ไม่เป็นไรหรอก ฉันนัดเพื่อนไว้ ไม่รู้จะคุยกันถึงเมื่อไหร่ ไม่ต้องรอฉัน "
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแล้วบอกว่า " โอเค งั้นตอนกลับบ้านก็ระวังๆนะ "
"อืออือ "
เฉียวซินโยวลงรถแล้วโบกมือลาเขา แล้วดูให้แน่ใจว่ารถของเขาขับออกไปแล้วจริงๆจากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าร้านกาแฟไป
ในรถคนหายไปหนึ่งคน มู่เวยเวยรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะมาก ตั้งแต่ได้รู้ธาตุแท้ของเฉียวซินโยว เมื่อเธอเข้าใกล้เฉียวซินโยวเธอก็จะรู้สึกไม่สบายตัว
ก็เหมือนกับว่าคุณมีงูพิษอยู่ข้างตัว แล้วไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะแว้งกัดคุณเมื่อไหร่ ช่างน่ากลัวจริงๆ
แค่แป๊บเดียวก็กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ พอลงจากรถมู่เวยเวยก็ขึ้นไปที่ห้องนอของเธอเองอีกครั้ง พักผ่อนได้ไม่นาน จู่ๆก็มีคนโผล่มา ทำให้เธอตกใจจนแทบบกรี๊ด
" อย่าส่งเสียงดังไป ฉันเอง เสี่ยวจื่อ " ผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือไปปิดปากเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
" เมื่อเห็นว่าเป็นชายตาม่วงที่คุ้นเคย มู่เวยเวยก็โล่งอกไปที จากนั้นก็ค่อยๆมองบนแล้วพูดออกมาอย่างเหลืออดว่า " เสี่ยวจื่อ ขอร้องแหละอย่าโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วฉันต้องตายเพราะตกใจคุณแน่ๆ "
เสี่ยวจื่อหัวเราะชอบใจ และพูดด้วยเสียงแหบของเขา ในดวงตาสีม่วงของเขาก็เป็นประกาย " ทำไมเธอถึงได้ขวัญอ่อนแบบนี้เนี่ย? ถ้ามีใครรู้เข้าว่าเธอตายเพราะตกใจฉัน คนต้องหัวเราะจนฟันร่วงแน่ๆ? "
มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่เหลืออดว่า " คุณเองก็ตกใจตายไม่ใช่หรอ?
เสี่ยงจื่อหุบยิ้มทันที นี่เรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าทุกข์นั้นถึงตัวรึป่าวเนี่ย?
ตอนแรกก็แค่พูดเหตุผลขึ้นมั่วๆ คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอามาพูดเป็นเรื่องตลกต่อกรกับเขา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรกก็คงจะสร้างเรื่องที่ลึกลับและแปลกประหลาดมากกว่านี้ไปแล้ว แบบนั้นน่าจะดีกว่าเยอะเลยว่ามั้ย?
เช่นเป็นมนุษย์ต่างดางที่มาจากดาวดวงอื่นๆ
หรือไม่ก็หลุดออกมาจากโลกใดสักโลกหนึ่ง
เป็นการพรั่งปากที่ผิดมหันต์จริงๆ......
เสี่ยงจื่อยื่่นมือไปจับคางเธอให้เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ใบหน้าเล็กๆอันงดงามของเธอแล้วพูดขึ้นว่า " ช่วงนี้น่าเบื่อมากเลย ไม่ได้ฝึกฝนเลย เธออยากลองสัมผัสถึงพลังวิเศษของฉันมั้ย? "
หน้าตามู่เวยเวยเป็นประกายขึ้นมาทันที ดวงตาที่ดำสนิทของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นว่า " คุณจะพาฉันไปท่องสวรรค์และนรกหรอ? "
เสี่ยวจื่อตบหน้าผากเธอเบาๆหนึ่งทีแล้วพูดอย่างเหลืออดว่า " ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นหรอก แต่ว่าฉันสามารถพาเธอไปในที่ที่เธออยากไปได้นะ "
มู่เวยเวยตื่นเต้นมากแล้วถามว่า "ที่ที่ฉันอยากไปงั้นหรอ? "
เสี่ยวจื่อพยักหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาและนุ่มนวลของเขาค่อยๆพูดขึ้นว่า "ถูกต้องแล้ว "
" ฉันอยากไปทะเลทรายอันกว้างใหญ่มี่ติดกับมหาสมุทร หรือไม่ก็เป็นยอดเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ต้นไม้ต่างๆ จะเป็นที่ไหนก็ได้! " มู่เวยเวยพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นมาก
เสี่ยวตบไปที่ไหล่ของเธออย่างจัง แล้วพูดขึ้นอย่างเหลืออด " ต้องอยู่ในพื้นที่คฤหาสน์ตระกลูเย่เท่านั้นสิ พลังของฉันไม่ได้กว้างขวางมากขนาดนั้น "
มู่เวยเวยรู้สึกผิดหวังมาก แล้วพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่ายว่า " พื้นที่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ฉันคุ้นเคยหมดแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้วหล่ะ! "
เสี่ยงจื่อทำท่าครุ่นคิด ทันใดนั้นก็คิดถึงที่ๆหนึ่งแล้วพูดว่า " ยังมีอีกที่ที่หนึ่งนะ? "
มู่เวยเวยตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วถามขึ้นว่า " ที่ไหน? "
" บนหลังคาไง เธอเคยขึ้นไปบนหลังคาคฤหาสน์หลังนี้รึยัง? "
มู่เวยเวยรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังมากว่าถ้านอนดูดาวและมองพระจันทร์อยู่บนหลังคาต้องเป็นความรู้สึกที่ดีมากแน่ๆ!
เสี่ยวจื่อก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดเอวเธอไว้ จนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบนตัวเธอ และค่อยๆกระซิบที่หูเธอว่า " หลับตาสิ "
มู่เวยเวยไม่ได้ถามถึงเหตุผล และหลับตาแต่โดยดี เธอรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านตัวเธอไป ผ่านไปเพียงสองสามนาทีเธอก็ได้ยินเสี่ยวจื่อพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า " ถึงแล้ว ลืมตาได้แล้ว "
มู่เวยเวยค่อยๆเปิดตาอย่างช้าๆ เธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นบรรยากาศที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกราวกับว่าฟ้าดอนเปิดกว้างมากๆ และมีลมเย็นๆพัดผ่านมาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเรื่องเลวร้ายที่เธอได้พบเจอเมื่อหลายวันมานี้ถูกพัดลอยไปพร้อมกับสายลม
" สวยมากเลย......"
ก้มลงไปมองข้างหลัง เธอมองเห็นบรรยากาศของคฤหาสน์ตระกูลเย่แบบเต็มๆตา เธอไม่เคยคิดเลยว่าคฤหาสน์ตระกูลเย่จะสวยได้มากถึงขนาดนี้
ต้นปาล์มอันเขียวขจี ดอกโบตั๋นที่สวยสดงดงาม น้ำใสๆในสระว่ายน้ำ และน้ำพุอันงดงาม
ทันใดนั้นเธอรู้สึกราวกับว่าเธออยู่บนเขาที่เขียวขจี
ทั้งสองนอนชมแพงสีเหลืองอร่ามของพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนหลังคา มู่เวยเวยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า "พระอาทิตย์ตกนั้นสวยงามเหลือเกิน แต่ว่าก็ใกล้จะมองไม่เห็นแล้ว "
เสี่ยวจื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความโสกเศร้า แล้วค่อยๆฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดกับเธอเบาๆว่า "เธอยังสาวขนาดนี้ ก็เหมือนกับพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นใหม่ในตอนเช้า ยังมีความสุขรออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ ทำไมถึงได้พุดจาโศกเศร้าแบบนี้ล่ะ? "
มู่เวยเวยหน้านิ่งไป และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองว่า " ก็ใช่นะ ถ้าฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ฉันอาจจะรู้สึกแบบนั้น "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...