รูปนั้นถ่ายตอนที่เธอยังเรียนอยู่มอปลาย ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กสาวที่อ่อนโยนและไร้เดียงสา เธอยิ้มเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานและอยู่ในอ้อมแขนของมู่เทียนเย่
ลูบไปที่หน้าของพี่ชายเธออย่างเบามือ ในตอนนั้นเขาหล่อมาก คิ้วเข้มโค้งงอเป็นรูปทรง จมูกโด่งๆ รอยยิ้มบนหน้าที่สมบูรณ์แบบ ทำให้สาวๆหลงเสน่ห์และน่าดึงดูดมากๆ
น้ำตาไหลรินมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความขมขื่น นี่เป็นรูปคู่รูปสุดท้ายที่เธอได้ถ่ายกับพี่ชายเธอ
ในเช้าวันถัดมา เธอก็ได้ข่าวจากคุณลุงของเธอว่าพี่ชายเธอหายตัวไป ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ติดต่อกับพี่ชายเธอไม่ได้อีกเลย......
เธอในตอนนั้นร้องไห้ทุกวันจนน้ำตาไหลเป็นลำธารได้แล้ว เธอไม่มีกระจิตกระใจที่จะเรียนเลยแม้แต่นิด เธออยากจะลาออกแล้วออกไปตามหาเขา แต่ว่าสุดท้ายเธอก็รวบรวมและสงบสติได้แล้วคิดว่าแล้วถ้าพี่ชายเธอกลับมาหาเธอ แล้วไม่เจอเธอล่ะ?
และยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีข้อมูลอะไรเลยที่จะสามารถตามหาพี่ชายเธอ
" พี่ชาย พี่อยู่ที่ไหน? พี่รู้มั้ยว่ามู่เวยเวยคิดถึงพี่มาก พี่ลืมเวยเวยแล้วใช่มั้ย? พี่ต้องมีปัญหาที่ลำบากมากใช่มั้ย? "
ค่อยๆออกจากอัลบั้มรูปแล้วเปิดตามองเพดานอย่างช้าๆ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พี่ชายบาดเจ็บสาหัส เธอยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายจะเป็นยังไงบ้าง?
เวลาผ่านมาก็หนึ่งเดือนแล้ว คุณลุงน่าจะได้ข่าวคาวของพี่ชายบ้างแล้วแหละใช่มั้ย?
เมื่อคิดได้แบบนี้ มู่เวยเวยก็รวบรวมพลังให้กับตัวเอง แล้วพรุ่งนี้จะไปหาคุณลุงสักหน่อย
......
เช้ารุ่งในวันถัดมา มู่เวยเวยลงมาชั้นล่างมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและเฉียวซินโยวที่กำลังรับประทานอาหาร แล้วพูดขึ้นว่า " วันนี้ฉันขอลาหยุดหนึ่งวัน "
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่งด้วยหน้าตาที่ท่าทีที่ไม่แยแสแล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งว่า " เหตุผล "
มู่เวยเวยหยุดคิดไปชั่วขณะและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบเล็กน้อยว่า " เมื่อวานคุณลุงโทรมาอกว่าให้ฉันกลับไปตระกูลมู่สักหน่อย "
เมื่อเธอพูดขึ้นยังงั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ตาเป็นประกายแล้วพูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่า " ต้องการให้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอมั้ย? "
เธอจะไปถามเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของเธอ แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินจะรู้ไม่ได้
มู่เวยเวยส่ายหัวเบาๆ แล้วหาเหตุผลโกหกเขาว่า "วันนี้เป็นวันระลึกถึงคุณพ่อฉัน ฉันและคุณลุงนัดกันว่าจะไปทำความดีให้พ่อ "
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า และยอมโดยปริยาย
มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอกไปที แล้วเธอก็นั่งลงรับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เก็บกระเป๋าแล้วออกจากบ้านไปทันที
มองมู่เวยเวยที่กำลังเดินออกไป เฉียวซินโยวก็เริ่มมีแผนการของเธอ แล้วจู่ๆเธอก็พูดว่า " ฉ่าวเฉิน ฉันขอลาหยุดหนึ่งวันได้มั้ย? "
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแล้วถามอย่างนิ่งๆว่า " เธอเป็นอะไรอีก? "
เฉียวซินโยวรีบใช้สมองแล้วหาข้ออ้างพูดด้วยน้ำเสียงที่เหลืออด
" พอดีว่า เมื่อวานพ่อฉันก็โทรหาฉันบอกว่า...... ขอโทษแทนแม่เลี้ยงฉันด้วย แล้วยังบอกอีกว่าให้ฉันหาเวลากลับบ้านสักหน่อย "
เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดไปชั่วขณะแล้วพูดขึ้นนิ่งว่า " ไปสิ เดี๋ยวฉันให้คุณอาหวังเตรียมของขวัญให้เธอนำไปให้พ่อเธอด้วย "
เฉียวซินโยวดีใจมาก เธอไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะใส่ใจคนในครอบครัวเธอด้วย แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า " ขอบคุณนะ ฉ่าวเฉิน พ่อฉันต้องดีใจมากแน่เลย"
" ไม่เป็นไร "
มู่เวยเวยตรงไปที่รถแล้วบอกกับคนขับว่าไปที่บริษัทมู่ซื่อ และสั่งให้เขากลับไปก่อนเลยไม่ต้องรอ คนขับรถรับทราบแล้วขับรถออกไปทันที
ที่เธอยอมนั่งรถของตระกูลเย่ออกมาก็เพราะไม่อยากให้เย่ฉ่าวเฉินสงสัย
เธอหันหลังกำลังจะขึ้นตึก คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนที่คุ้นเคยเป้นอย่างดีสองคนนี้ มู่เวยเวยขมวดคิ้วและกำลังจะเดินออกจากตรงนี้แต่กลับโดนคนใดคนหนึ่งขวางไว้
" โอ้ นี่มันพี่สาวลูกพี่ลูกน้องนี่นา? ทำไมจะหันกลับโดยไม่ทักทายลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลยล่ะ? " คนนี่พูดก็คือมู่อี้เหยานั่นเองถึงเธอจะแต่งตัวสวยสดงดงามแต่ท่าทางของเธอน่ารังเกียจสิ้นดี เสียดายหน้าสวยๆของเธอยิ่งนัก
มู่เวยเวยเหลือบมองเขาอย่างไร้ความรู้สึกไปแวบหนึ่ง แล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า " ที่แท้ก็อี้เหยาเองหรอ ต้องโทษสายตาฉันที่ดูไม่ออกว่าเป็นเธอ"
"เธอ! " มู่อี้เหยาจ้องเธอด้วยสายตาที่อาฆาต แล้วค่อยๆหัวเราะออกมา แล้วสะกิดคนข้างๆอย่างลู่จื่อหาง จงใจทำตัวอย่างสนิทสนมกันแล้วพูดว่า " จื่อหาง เจอลูกพี่ลูกน้องฉันทำไมไม่ทักทายสักหน่อยล่ะ? "
ลู่จื่อหางเดินไปข้างหน้า แล้วมองหน้ามู่เวยเวยด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนแล้วพูดว่า " เวยเวย "
มู่เวยเวยสังเกตเห็นสีหน้าของมู่อี้เหยาบึ้งตึง เธอจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ถากถางว่า " คุณลู่อย่าเข้าใจผิดในลำดับญาติสิ ตอนนี้คุณควรจะเรียกฉันว่า พี่สาวมากกว่านะ "
ลู่จื่อหางอึ้งไปเลยมองไปที่ใบหน้าของเธอที่ไม่มีความรู้สึกใดใดเลย ทำให้ในใจของเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เห็นว่าลู่จื่อหางกำลังลังเล มู่อี้เหยาเบะปากแล้วพูดขึ้นอย่างเหวี่ยงๆว่า " จื่อหาง ไม่ได้ยินที่พี่เวยเวยบอกหรอ? ในเมื่อเธออยากให้คุณเรียกคุณก้เรียกหน่อยสิ! "
ลู่จื่อหางเงยหน้าขึ้นมองมู่เวยเวยด้วยหน้าตาที่เหลือเชื่อแล้วพูดขึ้นว่า "เวยเวยเธอเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก่อนเธอไม่เคยเป็นแบบนี้! "
มู่เวยเวยหัวเราะแห้ง แต่ก่อนงั้นหรอ? พวกเขาลืมไปรึป่าวที่เธอต้องเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ก็เพราะพวกเขาทั้งนั้น?
มู่เวยเวยแสดงออกด้วยท่าทีนิ่งๆแล้วพูดว่า " คนเปลี่ยนไปอยู่เสมอ! "
ลู่จื่อหางอึ้งไปเลย สีหน้าของเขาเต็มด้วยความโกระแค้นแล้วพูดเสียงเข้มว่า " เธอคงคิดว่าแต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉินแล้วมันแน่มากสินะ? ตอนเวลาจะพูดจะจาอะไรเลยไม่ต้องคิดถึงความรู้สึกคนอื่น!
" แล้วแต่เลยว่าคุณจะคิดยังไง " มู่เวยเวยพูดจบก็เดินออกไปโดยไม่สนใจเขา
" มู่เวยเวย หยุดเดี๋ยวนี้นะ! "
ได้ยินเสียงมู่อี้เหยามาจากข้างหลัง
" มู่เวยเวยหันหลังกลับมาอย่างช้าๆแล้วถามว่า " มีอะไร? "
" เธอมาบริษัทของพวกเราทำไม? เธอมีแผนการอะไรใช่มั้ย! มู่อี้เหยาพุ่งตัวมาข้างหน้าแล้วถามเธออย่างเยือกเย็น
มู่เวยเวยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ " เธอคิดว่าฉันมีแผนอะไร ถ้าฉันมีแผนจริงๆคิดหรอว่าฉันจะบอกเธอ? "
มู่อี้เหยาโกรธจนหน้าแดง จ้องมองเธอด้วยสายตาอาฆาต แทบจะอยากตบหน้าเขา และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธมากว่า " เธอ! ถ้าไม่พูดก็อย่าคิดเลยว่าจะได้เข้าไป! "
มู่เวยเวยยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา เธอคิดถึงเฉียวซินโยวทันที นิสัยของทั้งสองคนไม่ต่างกันเลยเหมือนกันสุดๆ
แต่เมื่อคิดถึงเฉียวซินโยวที่ร้ายกาจ เธอก็คิดได้ทันทีว่ามู่อี้เหยาก็แค่หมาน้อยนิสัยเสียคนหนึ่ง เธอรู้สึกยังไงก็แสดงออกยังงั้น ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะมีพิษมีภัยอะไร
มองดูมู่อี้เหยาที่ไร้เหตุผล มู่เวยเวยก็หันหลังแล้วเดินไปทางถนนข้างนอกทันที
"เฮ้ย! มู่เวยเวย! เธอจะไปไหน? "
มู่เวยเวยเดินไปเลยโดยไม่หันหลังกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...