ในความสัมพันธ์ใด ๆ ก็ตาม ฝ่ายที่เริ่มก่อนมักถูกมองว่าต่ำต้อยและสิ้นหวังมากกว่า
ดังนั้น เมื่อเธอเห็นอคิราและครอบครัวของเขาที่บ้านของเธอ มาลินี ศรสกุลจึงแสดงสีหน้าเย่อหยิ่งยิ่งกว่าตอนที่เธออยู่ที่คาเฟ่ออกมา
เหอะ! ฉันว่าแล้วไอ้ขี้แพ้คนนี้ต้องลืมความสวยของฉันไม่ได้ เขาเลยมาหาฉันอีก!
เมรี กรวรรณ แม่ของมาลินีก็หลงตัวเองพอกันเมื่อเธอรู้ถึงความตั้งใจของครอบครัวลภณพัฒน์
“ถ้าลูกชายของคุณต้องการแต่งงานกับลูกสาวของฉัน คุณจะต้องให้สินสอดเราห้าแสน” เธอกล่าวขณะที่เธอยกฝ่ามือขึ้น “เราจะไม่ยอมรับอะไรที่น้อยกว่านี้!”
หัวใจของอคิราแป้วลงทันที
โอ้พระเจ้า!! ห้าแสนเหรอ นี่เธอกำลังพยายามขายลูกสาวของเธอหรือไง
อย่างไรก็ตาม อารยากัดฟันและพยักหน้า “ดะ-ได้เลยค่ะ!”
ตราบใดที่ลูกชายของฉันได้แต่งงาน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหาเงินสินสอด แม้ว่ามันจะหมายถึงการขายบ้านก็ตาม!
“ครอบครัวของคุณต้องเป็นฝ่ายซื้อรถและเรือนหอด้วย!” พ่อของมาลินีเข้ามาร่วมวง “ที่สำคัญกว่านั้น คุณจะต้องไม่ให้ลูกสาวของฉันจ่ายค่างวดหรือค่าบํารุงรักษาใด ๆ ทั้งนั้น!”
ถึงตอนนี้ อคิราใกล้จะหมดความอดทนแล้ว
การแต่งงานควรได้รับความยินยอมไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานเท่า ๆ กัน แต่ทำไมรู้สึกเหมือนครอบครัวของฉันมาที่นี่เพื่อยอมให้พวกเขาปลอกลอกเลยล่ะ
อารยาก็พบว่าตัวเองอยู่ในจุดที่ลำบอกเช่นกัน
เธอสามารถขายบ้านเพื่อสินสอดได้ แต่เธอจะจ่ายค่ารถและบ้านของทั้งคู่อย่างไร
“แน่นอน ไม่มีปัญหา!” รสรินพูดขึ้น เธอถึงขั้นต้องดึงตัวน้องชายของเธอไว้เมื่อเธอรู้ว่าเขาต้องการคัดค้าน
เธอเองก็อยากให้อคิราได้มีครอบครัวเช่นกัน เธออายุสามสิบแล้ว เธอได้ทำงานและเก็บออมเงินไว้มากพอที่จะจ่ายเงินดาวน์ที่จำเป็นให้เขา
ในเมื่อแม่เป็นคนจัดการเรื่องสินสอด ฉันจะช่วยอคิราเรื่องรถและบ้านเอง!
“และข้อสุดท้าย เขาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดหลังงานแต่งงาน!” จู่ ๆ มาลินีก็พูดขึ้น
ทว่า นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับอคิรา “นี่พวกคุณจะให้ลูกสาวของคุณแต่งงานหรือขายเธอกันแน่ ผมไม่รังเกียจที่จะจ่ายเงินมากขนาดนั้นถ้าเธอมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่ถ้าเธอคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเจ้าหญิงหรือราชินี ก็ลืมมันไปได้เลย! ผมไม่ต้องการสิ่งนั้น!”
“ดูลูกชายของคุณสิ! ทัศนคติแบบนั้นคืออะไรกัน” มาลินีตะโกน “เรายังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ และเขาก็เผด็จการแล้ว มันจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือไง”
“ไม่นะ ไม่ ไม่... การแต่งงานจะต้องออกมาดีแน่นอน มันจะต้องโอเค!” อารยาอ้อนวอน เธอพยายามสรุปการเจรจาเรื่องงานแต่งงานอย่างสิ้นหวัง
ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว... ฉันต้องเติมเต็มความปรารถนาก่อนตายของสามีภายในสิ้นปีนี้ให้ได้!
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ แม้แต่รสรินก็รู้ว่าเธอต้องเกลี้ยกล่อมแม่ของเธอ “แม่! หยุดฝืนเถอะค่ะ!”
อคินพูดถูก การให้สินสอด รถ และบ้านเป็นเรื่องปกติ แต่การขอให้เขาเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพียงคนเดียวหลังงานแต่งงานนั้นมากเกินไป! แล้วภรรยาของเขาล่ะ ทำไมเธอถึงไม่สามารถมีส่วนร่วมได้ เธอจะส่งเงินของตัวเองกลับไปให้พ่อแม่ของเธอหรือเปล่า
ทันใดนั้น จักร น้องชายของมาลินีก็ปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มอวดดีบนใบหน้าของเขา “ฮ่าฮ่า! อย่าลืมผมนะ พี่มาลินี! พอถึงตาผมที่จะแต่งงาน ผมคาดหวังให้พวกคุณซื้อรถและบ้านให้ผมด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อคิราก็ระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธทันที
“อะไรวะเนี่ย! นี่ฉันจะแต่งงานกับพี่สาวของคุณหรือแต่งกับทั้งครอบครัวของคุณกันแน่ งั้นก็ให้ดูแลพวกคุณทุกคนไปเลยสิ!”
แม้ว่าคำพูดของอคิราจะเป็นแค่คำตอกกลับที่โกรธเคืองเท่านั้น แต่มาลินีกลับตัดสินใจยึดมั่นในคำพูดของเขา “ฮ่า! จำสิ่งที่คุณเพิ่งพูดออกมาให้ดี ๆ ล่ะ! ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้คุณเป็นคนวางแผนและจ่ายค่าจัดเลี้ยงแต่งงานและฮันนีมูนด้วย อย่าบอกนะว่าคุณจ่ายไม่ได้...”
“ไปตายซะ! ผมยอมแต่งงานกับหมูดีกว่าแต่งกับผู้หญิงอย่างคุณ!” อคิราโต้กลับขณะที่ความโกรธและความโหดร้ายที่เขาเคยประสบในสนามรบท่วมท้นในใจเขา
เขาไม่รู้ว่าครอบครัวศรสกุลกำลังเล่นอะไรอยู่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาชั่วร้าย
“ดูตัวเองสิ! คุณเป็นแค่สัตว์เดรัจฉานป่าเถื่อนอารมณ์ร้าย! กล้าดียังไงมาขอฉันแต่งงาน! ฉันก็ยอมแต่งงานกับหมูป่ามากกว่าแต่งกับคุณ!” มาลินีตะคอกกลับ
ด้วยคุณสมบัติของฉัน ฉันไม่มีปัญหาในการแต่งงานกับเศรษฐี แล้วทำไมฉันต้องยอมแต่งงานกับยาจกรอย่างอคิราด้วยล่ะ ฉันความสุขเสียมากกว่าที่เขาอยากตัดขาดกับฉัน!
หลังจากหัวเราะอย่างโกรธเคือง อคิราก็ลุกขึ้นยืนและเดินจ้ำออกไปอย่างโมโห ทำให้อารยาและรสรินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเขาออกไป
ด้วยความประหลาดใจ ในตอนที่พวกเขาเพิ่งก้าวออกจากบ้านของครอบครัวศรสกุลก็มีรถหรูสามคันมาจอดอยู่ข้างหน้าพวกเขา
ครอบครัวศรสกุลรีบโผล่หน้าออกมาดูความโกลาหลและแทบจะต้องอ้าปากค้างเมื่อพวกเขาเห็นรถที่เรียงราย
อ้า! นี่มันเหมือนละครหนูตกถังข้าวสารอะไรพวกนั้นไม่ใช่เหรอไง
ยิ่งอคิราคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเท่านั้น ว้าว... ใครจะไปรู้ว่าชายชราคนนี้เป็นเศรษฐี หรือว่าเขาอาจจะจงใจล้มที่คาเฟ่หรือเปล่านะ
แม่งเอ๊ย ถ้าฉันรู้ว่าอคิราจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแบบนี้ ฉันจะแต่งงานกับเขาทันทีเลย!
ราวกับว่ายังไม่เพียงพอ เขาผลักเธอออกไปอย่างเฉียบขาดและเสริมว่า “คุณเพิ่งปฏิเสธผมไม่ใช่เหรอไง ทำไมคุณถึงยังพูดจาหวาน ๆ กับผมอยู่อีกล่ะ”
“เอ่อ... ฉัน—” มาลินีพึมพำ เห็นได้ชัดว่าพูดไม่ออก
ครอบครัวของเธอก็หงุดหงิดอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรเสียพวกเขาเพิ่งพลาดลูกเขยที่ร่ำรวยไป!
ในขณะเดียวกัน อารยากำลังจะพูดอะไรบางอย่างในตอนที่รสรินดึงเธอไว้
ถึงฉันจะอยากรให้อคินมีครอบครัวมากแค่ไหน ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขาแต่งกับคนแย่ ๆ อย่างครอบครัวศรสกุลได้หรอก! อีกอย่าง ตอนนี้เขารวยแล้ว! ฉันมั่นใจว่าเขาสามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้!
“แม่ครับ พี่โรส ไปกันเถอะ!” อคิรากล่าวก่อนที่จะนำผู้หญิงทั้งสองเข้าไปในรถ
เขาไม่อยากรับของขวัญไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรที่สมควรได้รับมันเลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับแทน
เมื่อครอบครัวลภณพัฒน์จากไป ลมหนาวก็พัดผ่านครอบครัวศรสกุลเข้ามาขณะที่พวกเขาเดือดดาลอย่างเงียบ ๆ
“เมื่อกี้แกพูดแบบนั้นได้ยังไง มาลินี แกคิดว่าทุกวันนี้มันง่ายเหรอที่จะเจอเศรษฐีน่ะ” เมรีตำหนิ
“ตอน-ตอนนี้หนูควรทำอย่างไรดีล่ะคะ”
ด้วยความสัตย์จริง มาลินีทำอะไรไม่ถูกเลย เธอได้ไปนัดบอดหลายครั้งเพื่อหาสามีที่ร่ำรวยที่สามารถมอบชีวิตที่หรูหราให้กับเธอได้
อนิจจา ใครจะรู้ว่าเธอจะปล่อยให้มหาเศรษฐีหลุดมือของเธอไปได้
“เราจะทำอะไรได้อีกไหม พวกเขามาที่บ้านของเราเพื่อขอแกแต่งงานไปแล้ว เราทำแบบเดียวกันไม่ได้เหรอ” เมรีแนะนำ
จักรซึ่งกังวลพอ ๆ กันร้องอุทานออกมาทันทีว่า “ผมไม่สนหรอก พี่มาลินี! พี่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีคนนั้น! พอผมกับแฟนแต่งงานกัน พี่ต้องซื้อบ้านและรถหรู ๆ ให้เรา! ไม่อย่างนั้นผมจะตัดพี่ตัดน้องกับพี่!”
“โอเค โอเค ฉันเข้าใจแล้ว!” มาลินีตอบพร้อมกับถอนหายใจยาว
โอ้ย! ฉันกับอคิราจบกันได้แย่มาก... เขาจะยังสนใจฉันอยู่ไหมเนี่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ว้าวุ่นกับเจ้าสาวซีอีโอ