ฉินซูเห็นเธอทำท่าทางกร่างแบบนี้ เธอจึงยิ้มเยือกเย็น "อย่าลืมว่าตำแหน่งของฉันในตอนนี้คือใคร ฉันเป็นภรรยาทายาทตระกูลฉู่! โรงพยาบาลนี้ก็เป็นของตระกูลฉู่ แค่ฉันพูดออกไปประโยคเดียว ก็จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยมา ‘เชิญ‘ พวกคุณออกไปแล้ว!”
เธอจงใจเน้นคำว่า “เชิญ” และทันทีที่เมื่อพูดจบ โจวซือฉินและจงจื้อหย่วนก็แสดงสีหน้าลังเล
ทั้งสองสบตากัน และสุดท้ายก็ยอมจากไปแต่โดยดี
ฉินซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรีบจับมือของฉินกู้เซียง "ขอโทษนะคะคุณย่า เมื่อกี้นี้หนูไม่ควรพูดออกไปแบบนั้นเลย"
ฉินกู้เซียงกลับไม่ได้ตำหนิเธอ ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ "พวกเขา...อกตัญญู..."
ฉินซูได้ยินก็รู้สึกบีบคั้นที่หัวใจ เธอพูดอย่างมั่นใจ "คุณย่ายังมีหนู หนูจะดูแลคุณย่าตลอดไป!"
ดวงตาที่ผ่านโลกมานานของฉินกู้เซียง มีน้ำตาเอ่อล้นออกมา ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอใช้เสียงชราของเธอพูดออกมาช้า ๆ ว่า "ถ้าอย่างนั้น...บ้านนั้น ย่าให้เธอ..."
ฉินซูตกตะลึง จากนั้นรีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า "บ้านหลังนั้นเป็นของคุณย่า หนูจะเอามาเป็นของหนูได้ยังไงคะ?"
รอยยิ้มเศร้าผุดขึ้นบนใบหน้าของฉินกู้เซียง ราวกับว่าเธอกำลังหวนคิดถึงวันเก่า ๆ เธอพูดออกมาทีละคำอย่างยากลำบาก "สิ่งที่ยืนยัน...ตัวตนของเธอ...อยู่ที่ ใต้หัวเตียงในบ้าน..."
ฉินซูตกตะลึงอีกครั้ง
หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ฉินซูก็ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาจากความตกใจได้
เธอคิดว่าสัญลักษณ์ที่แสดงตัวตนของเธอ คือสิ่งที่จงจื้อหย่วนสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเธอ ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ๆ แถมยังอยู่ในบ้านที่ชนบทอีกด้วย!
ถ้าเธออยากรู้ตัวตนของเธอ เธอจะต้องกลับไปที่บ้านนั้น แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาว่างเลย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรีบร้อนอะไร หลังจากออกจากบ้านตระกูลฉู่ค่อยจัดการก็ได้
ฉินซูไม่ได้เดินออกไปไกลจากประตูโรงพยาบาลมากนัก แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกขวางทางเดินไว้
เมื่อเงยหน้ามองจงจื้อหย่วนและภรรยาที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
"เมื่อกี้ในห้องผู้ป่วยของคุณย่า ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ที่พวกคุณมาดักเจอฉันแบบนี้ อยากจะเสนอตัวให้ฉันตำหนิเหรอ?" ฉินซูพูดโดยไม่เกรงใจ
"อะไรกัน เธอยังจะอยากฟ้องคุณย่า เรื่องที่พวกเราขายเธอให้กับบ้านตระกูลฉู่ด้วยเหรอ?"
โจวซือฉินกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เธอพูดในลำคอ "พูดอย่างกับตัวเองโดนทำร้ายมากมายอย่างนั้นแหละ? ดูสิตอนนี้เธอก็กลายเป็นคุณนายฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ แล้วพวกเราล่ะ? ไม่ใช่แค่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากนะ ยังโดนคนของฉู่หลินเฉินคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาด้วย!"
"ความผิดฉันเหรอ?" ฉินซูมองอย่างเย็นชา "นี่เป็นเวรกรรมที่พวกคุณก่อขึ้นมาเอง ก็ต้องรับผลกรรมไปเอง!"
โจวซือฉินโกรธจัด “ยัยเด็กไม่รู้จักบุญคุณ คอยดูนะ ฉันจะป่าวประกาศให้หมด ว่าคุณนายตระกูลฉู่อย่างเธอเนี่ยมันเป็นของปลอม!?"
สีหน้าของจงจื้อหย่วนเปลี่ยนไป เขาออกแรงดึงเธอเอาไว้ พร้อมกับใช้สายตาเพื่อส่งสัญญาณเตือนเธอ
ดูเหมือนว่าโจวซือฉินจะรู้ตัวแล้ว ว่าเธอได้พูดอะไรบางอย่าง ที่ไม่ควรพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ เธอมองไปรอบ ๆ อย่างลุกลี้ลุกลน ด้วยความกลัวว่าจะโดนคนเหล่านั้นจับได้
เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ตัวไม่มีคนอยู่ เธอถอนหายใจโล่งอกและกระแอมสองครั้ง "เมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปนะ อย่าคิดจะไปฟ้องคุณชายฉู่เชียว!"
“ฉันไม่ได้ขี้ฟ้องขนาดนั้น” ฉินซูตอบอย่างไม่พอใจ
จงจื้อหย่วนมองไปที่เธอ เขาพูดด้วยรอยยิ้มแหย ๆ "เสี่ยวซู บ้านหลังนั้นของคุณย่า ทิ้งไว้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรจริง ๆ เธอช่วยเกลี้ยกล่อมคุณย่าหน่อยได้ไหม เงินที่ขายบ้าน ฉันจะเอาแค่ส่วนหนึ่งมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะให้คุณย่าเกือบหมดนั่นแหละ ฉันจะไม่ได้โลภถึงขนาดต้องเอาเงินจากการขายบ้านของคนแก่หรอกนะ"
"ฉันไม่เชื่อพวกคุณ"
ฉินซูได้แต่ยิ้มเยาะ เดินออกมาทิ้งให้ทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นเธอกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว โจวซือฉินกัดฟันและพูดว่า "ฉันว่าเงินหนึ่งล้านบาทนั้นคุณคงไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าแม่ของคุณกับยัยเด็กนั่นสมรู้ร่วมคิดกัน แล้วต่อไปก็คงยกบ้านหลังนั้นให้กับเด็กคนนั้น”
จงจื้อหย่วนสีหน้าจริงจัง เขาไม่ได้พูดอะไร
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนออกไปแล้ว มีคนสองคนออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ พวกเขามีสีหน้าประหลาดใจ ราวกับว่าพวกเขารู้อะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...