ฉู่หลินเฉินเม้มริมฝีปากบาง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เว่ยเหอรู้ตัวว่าเขาได้ถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไป เขาจึงปิดปากและถอยออกมาอย่างซื่อ ๆ
ฉู่หลินเฉินย้อนคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เว่ยเหอรายงาน และคิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก
ถ้าคิดตามสิ่งที่เว่ยเหอพูด คนที่ช่วยเขาในคืนนั้นควรจะเป็นหวังอี้หลิน และเขาก็จำตัวตนของเธอได้
แต่ทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกอยู่เสมอ ว่าฉินซูมีความเกี่ยวพันธ์บางอย่างกับคืนนั้น?
เขามักจะรู้สึกว่าตัวของฉินซูถูกปกคลุมไปด้วยมวลหมอก และยิ่งเขามองเห็นเธอไม่ชัดเท่าไร ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น เขาอยากจะทำให้หมอกพวกนั้นหายไปและมองเห็นความจริง
นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากหย่ากับเธอในทันที…
แน่นอนว่าฉู่หลินเฉินเองก็รู้ดีว่าความคิดแบบนี้นั้นไม่ยุติธรรมกับหวังอี้หลิน
ในขณะที่กำลังคิด เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
ฉู่หลินเฉินมองดู มันคือสายจากสีเหลย
เขารับอย่างไม่ใส่ใจ
เสียงหัวเราะของสีเหลยดังขึ้น "พี่เฉิน ตาแก่เฮ่อเฟ่ยของเราในที่สุดก็มีคนมาร่วมเตียงเคียงหมอนแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่เขาจะได้บอกลาชีวิตโสด 30 ปี เราจึงนัดกันไปที่บลูมูนบาร์!"
"ไม่ว่าง"
ฉู่หลินเฉินตอบด้วยสองคำสั้น ๆ และวางโทรศัพท์ไป
"บ้าจริง นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม พี่เฉินปฏิเสธฉันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ? เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันหรือไง" อีกฝั่งของโทรศัทพ์ สีเหลยถือโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกใจสลาย
เฉินหยุนจื้อที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น "นายไม่ต้องไปชวนเขาแล้ว ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับเรื่องของตระกูลหาน"
สีเหลยยิ้มแบบไม่ใส่ใจ นั่งบนโซฟาและพิงไปที่เฮ่อเฟ่ย "เสี่ยวเฟ่ยเฟ่ย ได้เป็นผู้ชายจริง ๆ ครั้งแรกสักทีนี่มันรู้สึกยังไงกันนะ รู้สึกเหมือนถอดรูปแปลงร่างเลยหรือเปล่านะ?"
เฮ่อเฟ่ยสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
"นายพูดแบบนี้ ไม่เป็นการทำลายความภาคภูมิใจของเขาไปหน่อยเหรอ?" ซินยวี่พูดขึ้นเบา ๆ
สีเหลยเมื่อได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง "ซินยวี่ นายน่ะร้ายที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว นายพูดแบบนี้..."
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ถูกทุบที่หน้าอก
เฮ่อเฟ่ยดึงมือที่ทุบหน้าอกของเขากลับ "เล่นพอแล้ว ไปเอาเหล้ามา"
"ได้ ฉันจะไปเอามาเอง"
สีเหลยลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก ในขณะเดียวกันก็หยิบมือถืออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขากรอกตาและโทรหาฉินซู
"พี่สะใภ้ พี่ฉู่มีนัดกับพวกเราคืนนี้ พี่ก็มาด้วยสิ? พี่ฉู่รออยู่ที่นี่แล้ว ผมส่งที่อยู่ให้นะ"
เฮ่อเฟ่ยยิ้มให้กับเรื่องนี้อยู่นานโข แน่นอนว่าเรื่องนี้จะรู้อยู่คนเดียวไม่ได้ เราต้องแบ่งปันความสุขกันในหมู่พวกพ้อง!
อืม มันต้องแบบนี้ล่ะ!
ฉินซูตอบข้อความของสีเหลยอย่างรวดเร็ว
เธอติดตามสถานการณ์ของโลกภายนอกในช่วงนี้ และรู้ว่าตระกูลหานไม่ได้ไล่สืบเรื่องการตายของหานเซี่ยว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่ปรึกษาเรื่องการหย่าร้างกับฉู่หลินเฉินอีกครั้ง
ฉินซูนำเอกสารการหย่าร้างและมาที่บาร์ด้วย
ก่อนที่ฉินซูจะมาถึงเพียงวินาทีเดียว สีเหลยก็ส่งข้อความหาฉู่หลินเฉิน【พี่สะใภ้มาดื่มกับพวกเราแล้ว รอพี่มาอยู่นะ】
เมื่อเห็นข้อความ สีหน้าของฉู่หลินเฉินก็เคร่งขรึมลง
ผู้หญิงคนนั้นดื่มไม่เป็นไม่ใช่เหรอ? แล้วจะไปตามนัดกับพวกสีเหลยคนเดียวทำไม
ไม่ต้องคิดให้มากความฉู่หลินเฉินก็รู้ว่า สีเหลยคงใช้กลอุบายอะไรสักอย่างหลอกฉินซูออกไปมากกว่า
แต่เมื่อคิดถึงท่าทางเมาของฉินซู เขาก็อดเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่ได้
ฉู่หลินเฉินยิ้มเย็นชา และกดโทรหาสีเหลย
อีกด้านหนึ่งที่มีเสียงดนตรีดัง แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงของฉินซู
ดวงตาของฉู่หลินเฉินเข้มขึ้น เขาพูดอย่างเย็นชากับสีเหลย "นายรอฉันก่อน!"
พูดจบก็วางสายแล้วเดินไปที่ลานจอดรถ
สีเหลยผู้ถูกวางสายใส่ นึกถึงน้ำเสียงเย็นชาของพี่เฉินในตอนนี้ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก
เขาแค่เรียกคนมาดื่ม และเขาไม่ได้ทำสิ่งชั่วร้าย ทำไมพี่เฉินถึงอยากกลืนเขาทั้งเป็นแบบนี้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...