เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินซู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหันไปยืนยันกับฉู่หยุนซี “คุณฉู่ครับ ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนั้นตามที่เธอพูด นี่ก็ไม่อาจนับว่าเป็นการหลอกแต่งงานนะครับ เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การรับรู้และยินยอมของทั้งสองฝ่าย”
คิ้วโค้งงามได้รูปของฉู่หยุนซีขมวดแน่น “ฉันเพิ่งจะพูดไป ว่าพวกเราไม่รู้เรื่อง เป็นเธอที่หลอกพวกเรามาโดยตลอด”
“ครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้า สายตาของเขากลับมาที่ฉินซู “ฉินซู คุณมีหลักฐานอะไรที่สามารถพิสูจน์คำพูดของตัวเองไหม?”
มือของฉินซูที่วางอยู่บนโต๊ะบีบกันแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอส่ายศีรษะและพูดเบา ๆ “ไม่มี”
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏอารมณ์เสียใจ
“ในเมื่อคุณไม่มีวิธีแสดงหลักฐาน พวกเราจึงจำต้องคุมขังคุณไว้ชั่วคราว”
“…”
ฉินซูถูกคุมขังเข้าไปในห้องขังชั่วคราว
ฉู่หยุนซีทักทายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเสียงต่ำ จากนั้นก็เหยียบรองเท้าส้นสูงเดินไปยังตรงหน้าของฉินซูด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่ง
“ฉินซู หลังจากนี้เธอก็อยู่ที่นี่ดี ๆ รอส่งตัวเข้าไปในคุก! นี่ถึงจะเป็นจุดจบที่เธอสมควรได้รับ!”
ฉินซูมองเธออย่างเย็นชา ภายในใจก็ยังไม่เข้าใจ
ก่อนหน้านี้คนในตระกูลฉู่เคยพูดว่าจะไม่ไล่ตามเธอ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนท่าที?
เมื่อพบกับสายตาของฉู่หยุนซีที่อิ่มอกอิ่มใจ เธอจึงเอ่ยปากถาม “ในเมื่อตระกูลฉู่ฟ้องว่าฉันหลอกแต่งงาน ทำไมถึงมีเธอแค่คนเดียวที่ออกหน้า? คนอื่นล่ะ? พี่ชายเธอล่ะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่หยุนซีหยุดนิ่ง เธอพูดเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ? พี่ชายของฉันไม่ต้องการเจอเธออีก เขายังกำชับฉันเป็นพิเศษ ว่าให้รีบส่งตัวเธอเข้าไปในคุก เมื่อเรื่องใหญ่สิ้นสุดลง ปัญหาต่าง ๆ ก็พลอยสิ้นสุดลงไปด้วย แบบนี้เขาก็สามารถแต่งงานกับอี้หลินได้เร็วขึ้น”
พูดแล้วเธอก็ยังจงใจหันไปมอง และส่งสายตาเป็นนัยให้หวังอี้หลิน “ใช่ไหมอี้หลิน?”
หวังอี้หลินพยักหน้า “ใช่ ฉินซู วันเวลาที่เธออยู่ในคุก หวังว่าเธอจะสามารถกลับตัวกลับใจได้นะ หลังจากนั้นอย่าออกมาหลอกลวงคนอื่นอีก”
ท่าทางของเธอที่ตักเตือนฉินซูดูจริงใจ มีเมตตาและใจกว้าง
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ พูดคุยกันด้วยเสียงเบา ๆ
“คุณผู้หญิงท่านนี้นิสัยดีมากจริง ๆ ถูกเพื่อนสนิทสวมรอยมาแย่งสามีไป ยังสามารถอ่อนโยนและจริงใจได้ขนาดนี้”
“เธอชื่อหวังอี้หลิน? ดูเหมือนว่าจะเป็นดารานะ”
“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย ดาราไม่มีการวางมาดอะไรสักนิดเลยเหรอ? นิสัยดีจริง ๆ เลย”
เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมจากบริเวณรอบ ๆ ที่มีต่อตนเอง หวังอี้หลินก็เม้มริมฝีปากเบา ๆ
เธอกับฉู่หยุนซีไม่ได้อยู่นานก็จากไป
ฉินซูนั่งอยู่ในห้องขัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉู่หยุนซีจงใจยั่วยุ แต่เมื่อเธอได้ยินท่าทีของฉู่หลินเฉินที่มีต่อเรื่องนี้ ภายในใจก็ยังทุกข์ใจ
เธอละทิ้งความคิดและเดินไปที่ประตู จากนั้นพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ “สามารถให้ฉันโทรศัพท์ได้ไหม? คุณย่าของฉันยังรอฉันอยู่ที่สถานสงเคราะห์ ฉันอยากพูดอะไรกับท่านสักหน่อย”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเหลือบมองเธอ และเดินจากไปอย่างไม่แยแส
ฉินซู “...”
น่าจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่ฉู่หยุนซีพูดบางอย่างกับพวกเขา
อำนาจและอิทธิพลของตระกูลฉู่มหาศาลมาก ส่วนตนเองไม่มีทั้งตัวตนไม่มีทั้งภูมิหลัง
ต้องติดคุกจริง ๆ เหรอ...
ฉินซูนั่งพิงอยู่ในมุมห้องอย่างประหวั่นพรั่นพรึง ความรู้สึกภายในใจตกต่ำ และปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
...
กลางคืนค่อย ๆ มืดลง
หลังจากช่วงค่ำ ๆ อุณหภูมิก็ค่อย ๆ เย็นลง
ด้านนอกสถานีตำรวจ รถหรูสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งสนิท
ประตูรถเปิดออก ขายาวข้างหนึ่งก้าวเหยียดตรงออกมา
จังหวะการก้าวเท้าของชายหนุ่มรวดเร็ว ดุดันและมั่นคง เขาเดินเข้าไปที่ประตูสถานีตำรวจอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นผู้มาเยือน คนในแผนกที่ทำงานล่วงเวลาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ และนั่งยืดตัวตรง “คุณชายฉู่?! คุณ คุณทำไมมาดึกขนาดนี้...”
ฉู่หลินเฉินยกมือขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉินซูอยู่ที่ไหน?”
“ห้องขังครับ”
อีกฝ่ายตอบรับเสร็จ ก็ลุกขึ้นเจตนาเดินไปข้างหน้า “ผมนำทางคุณไปนะครับ”
ฉู่หลินเฉินเม้มริมฝีปากบางแน่นสนิท พยักหน้า และเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...