ขณะนี้
ณ ห้องนอนใหญ่ ฉู่หลินเฉินก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
เขาเคยชินกำการควบคุมทุกอย่างได้ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเขามัวแต่คิดเรื่องของฉินซูอยู่เสมอ
ราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นคอยดึงความรู้สึกของเขาเอาไว้!
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่
ฉู่หลินเฉินอารมณ์เสียอย่างช่วยไม่ได้
เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยผ่านผู้หญิง อีกอย่างหวังอี้หลินคืออันดับหนึ่งของเขา และเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะแต่งงานด้วย
ควรคิดถึงเธอถึงจะถูก ไม่ใช่ฉินซู!
ฉู่หลินเฉินทำหน้าเข้ม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ฉินซูออกมาจากห้อง เธอชนเข้ากับฉู่หลินเฉิน
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูเย็นชาและเคร่งขรึม เป็นชุดลำลองสีน้ำเงินปนขาว เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากร่างกายของเขาด้วย
เหมือนเด็กหนุ่มที่เตรียมตัวออกไปนัดบอด หรูหราและสง่างาม
ถึงอย่างนั้น เมื่อนึกถึง “ตัวตนที่แท้จริง” ของผู้ชายคนนี้ ฉินซูรู้สึกใจหดเล็กลง เธอหลบตาเล็กน้อย
ฉู่หลินเฉินดึงสายตาของเขากลับเช่นกัน เขาซ่อนดวงตาที่ประกายอย่างผิดปกติของเขา และเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไร
ณ บ้านตระกูลหวัง
นี่เป็นวันแรกที่พวกเธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักตากอากาศแห่งใหม่ จางเหวินไม่ลังเล ที่จะจ้างคนใช้เพื่อดูแลชีวิตประจำวันของสมาชิกในครอบครัวทั้งสามของพวกเขา
อาหารเย็นสุดหรูที่วางเต็มโต๊ะนี้เป็นฝีมือของแม่บ้านกู
จางเหวินมีความสุขกับความรู้สึกที่ไม่ต้องทำอาหารเอง มันเยี่ยมมาก จากนี้ไปเธอต้องเป็นคุณหญิงเท่านั้น ไปช้อปปิ้ง ดูแลตัวเอง ซื้อและซื้อทุกวัน!
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกเขยที่แสนดีของเธอ เพราะคุณชายฉู่เป็นคนจ่ายทั้งหมด!
หวังเจิ้นฮวาก็มีความสุขมากเช่นกัน วันนี้เขาลงทุนในธุรกิจอื่น และใช้เงินจากบัตรของฉู่หลินเฉินได้อย่างสบาย
โครงสร้างของบริษัทจะค่อย ๆ ขยายในอนาคตอันใกล้นี้ เขาเชื่อว่าเขาสามารถเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในไห่เฉิงได้
อาศัยบ่อเงินบ่อทองจากฉู่หลินเฉิน ตระกูลหวังของพวกเขาได้ออกจากชีวิตชนชั้นล่างในอดีตโดยสิ้นเชิง และจะกลายเป็นคนชนชั้นสูงในไม่ช้า!
“มา มา มา กินข้าวกันเถอะ ฉันเคยเห็นภาพโต๊ะอาหารของคนอื่นเต็มไปด้วยปลิงทะเล หอยเป๋าฮื้อ และกุ้งมังกรบนอินเตอร์เน็ต ตอนนี้เราก็มีแบบนั้นแล้ว!”
จางเหวินนำตะเกียบคีบหอยเป๋าฮื้อลงในชามของหวังอี้หลิน “ลูกสาว ครอบครัวของเราเป็นหนี้บุญคุณลูกแล้ว ลูกกินเยอะ ๆ นะ เติมเข้าไปเยอะ ๆ เลย!”
แม่บ้านกูเคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในครอบครัวใหญ่มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นครอบครัวหวัง นิสัยเหมือนคนที่เพิ่งเคยรวย
เธอเบือนหน้าหนีตอนที่ไม่มีคนเห็น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่หวังอี้หลินจะคีบหอยเป๋าฮื้อเข้าปาก
เธอเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ก็ต้องอ้าปากค้างรีบรับโทรศัพท์ หลังจากรับสาย เธอตื่นเต้นจดพูดติดขัด “คุณชายฉู่ขอให้ฉัน... ไปกินมื้อเย็นด้วย”
ต้องบอกให้รู้ไว้ว่า เขาเริ่มต้นคำพูดด้วยการบอกว่าไม่ได้เจอเธอนานแล้ว
หวังเจิ้นฮวากับภรรยาก็ตกใจเช่นกัน
จางเหวินรีบตอบสนอง เธอวางตะเกียบ "ถ้าอย่างนั้นรออะไรอยู่ล่ะ? คุณชายฉู่คิดถึงลูกจนทนไม่ไหวแล้ว รีบไปเลย...ไม่สิ เตรียมตัวให้ดี ๆ ก่อน!"
…
ณ ห้องทำงานผู้จัดการซิงโหยวเอนเตอร์เทนเมนต์
ฉู่หยุนซีกำลังรอข่าวที่ว่าฉินซูต้องขายขี้หน้าในงานเลี้ยง
แต่เพื่อนสนิททั้งสามก็โทรศัพท์มาทีละคน ๆ "หยุนซี โครงงานของตระกูลฉันจู่ ๆ ก็ถูกระงับ! นี่มันเรื่องอะไรกัน?"
"พี่สะใภ้ของเธอเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณชายฉู่ใช่ไหม? แผนการร่วมมือกับตระกูลฉู่ที่สามีของฉันได้รับเมื่อเดือนก่อนทำไมถึงถูกยกเลิกชั่วคราวล่ะ?"
"ฉันด้วย พ่อตาของฉันก็ยื่นอนุมัติโครงการไปที่ตระกูลฉู่ แต่ก็ถูกตีกลับโดยไม่มีเหตุผล"
"หยุนซี พวกเรารังแกพี่สะใภ้ของเธอเพื่อให้เธอได้ระบายความโกรธ และเธอก็พูดเองว่าพี่ชายของเธอจะไม่เข้าข้างหล่อนอย่างแน่นอน พวกเราถึงได้เชื่อเธอ และตอนนี้ก็เป็นเรื่องแล้ว เธอต้องช่วยพวกเรา!"
เมื่อฉู่หยุนซีได้ยินเรื่องนี้ก็หัวหมุนขึ้นมาทันที
เธอส่งสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มตอบกลับสามคนนั้น "วางใจเถอะ พวกเธอทุกคนเป็นเพื่อนของฉัน ฉันจะไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ หรอก แค่ฉันพูดกับเขานิดหน่อย โครงการก็จะกลับมาเป็นของพวกเธอแล้ว"
พอปิดหน้าแชทสนทนา ใบหน้าของฉู่หยุนซีก็เย็นชาลงทันที
ดีจริงนะฉินซู สุดท้ายก็เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่ชายของเธอจนได้ เธอคงคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาทายาทตระกูลฉู่แล้วจริง ๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...