วุ่นรักวิวาห์ลวง นิยาย บท 51

ณ ห้องอาหารระดับห้าดาวโรงแรมซิงเล่อ

หวังอี้หลินเดินออกมาจากลิฟต์และไม่ได้รีบเร่งที่จะเดินเข้าไป เธอกลับหยุดถ่ายรูปเซลฟี่ในกระจกที่ติดอยู่บนผนัง จัดแต่งทรงผมและกระโปรงให้เข้าที่ รวมทั้งเติมลิปสติกเพิ่มเข้าไป

ได้ยินมาว่าฉู่หลินเฉินเชิญเธอมารับประทานอาหารมื้อนี้ เขาตั้งใจเหมาห้องอาหารทั้งห้อง ในคืนนี้ ที่นี่มีเพียงพวกเขาสองคน

หวังอี้หลินได้เตรียมพร้อมล่วงหน้ามาอย่างดี

เธอสวมชุดเดรสสีแชมเปญที่มีดีไซน์หรูหราสง่างาม ดูสวยเพียบพร้อม

หวังอี้หลินมั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธออย่างมาก เหยียบรองเท้าส้นกริชสูงสิบเซนติเมตรเดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยท่าทีที่อ่อนพริ้ว

ท่ามกลางห้องอาหารขนาดใหญ่มาก มีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียวตั้งอยู่

ผ้าปูโต๊ะสีขาว ชุดรับประทานอาหารสีทอง ดอกไม้สดและไวน์แดง

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร โดยมีแสงเทียนสีเหลืองทองสะท้อนอยู่บนใบหน้าที่ได้รูปชัดเจนของเขา ราวกับเทพบุตรรูปงามที่ทรงเกียรติและทะนงตัว

ยามสายตาที่ลึกซึ้งของเขามองมา หวังอี้หลินรู้สึกเหมือนจะหยุดหายใจ อยากที่จะพุ่งเข้าไปคุกเข่าลงตรงใต้เท้าเขา

ผู้ชายคนนี้หล่อเป็นบ้า!

เพียงมองแค่แวบเดียวก็สามารถทำให้ขาของคนไร้เรี่ยวแรงได้!

หวังอี้หลินใจเต้นตึกตัก แต่ไม่อยากแสดงท่าทีที่บ้าผู้ชายมากเกินไป

เธออดทนต่อความตื่นเต้นแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า

หลังจากนั่งลงก็ยังอดไม่ได้ ที่จะยื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือที่สมบูรณ์แบบ ราวกับผลงานศิลปะของชายหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ

“คุณชายฉู่ คุณ...”

แค่สัมผัสปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย ฉู่หลินเฉินก็ดึงมือกลับ หวังอี้หลินมองเขาอย่างงงงวยไม่รู้จะทำอย่างไร

สายตาของเขานิ่งเฉย มองดูเธอราวกับกำลังประเมินดูสิ่งของ

ภายใต้สายตาเช่นนี้ หวังอี้หลินรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

หรือว่าตัวเองแต่งหน้าไม่ดี? เสื้อผ้าไม่สวยหรือเลือกน้ำหอมที่กลิ่นแย่...

ความปรารถนาของคนมีเงินนั้นสูงมากเสมอ ไม่ต้องพูดถึงเศรษฐีอันดับต้น ๆ อย่างคุณชายฉู่ ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปตนเองจะต้องดูงดงามและละเอียดอ่อนมากอีกหน่อยถึงจะดี

เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็ปกปิดความวิตกกังวลภายในใจ ฝืนตัวเองให้ยิ้มและมองไปที่เขา

ในเวลานี้ ฉู่หลินเฉินมองดูผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอนิ่งสงบจนตัวเขาเองรู้สึกนึกไม่ถึง

ก่อนมาเขาได้เตรียมพร้อมไว้อย่างดี ในใจเต็มไปด้วยความปรารถนาและการรอคอย

แต่เมื่อหวังอี้หลินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา เขากลับตระหนักว่าตนเองไม่ได้รู้สึกดีใจหรือประหลาดใจมากนัก

แม้กระทั่งตอนที่เธอยื่นมือมาสัมผัสตนเอง เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นส่งออกมาจากตัวเธอ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการหลีกเลี่ยง

บางทีช่วงเวลาที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ การตัดสินใจแต่งงานก็เร่งรีบเกินไป ช่วงระยะเวลาที่ได้เรียนรู้กันก็น้อย

คิดได้แบบนี้ สีหน้าของฉู่หลินเฉินก็ผ่อนคลายลงมากและพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก เธอไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้นก็ได้”

หวังอี้หลินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ เธอพูดขึ้นอย่างเหนียมอายว่า “งั้นฉันเรียกคุณว่าหลินเฉินได้ไหม?”

“อืม”

เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อเห็นฉู่หลินเฉินไม่พูดอะไร หวังอี้หลินก็แสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยม แต่ก็ยังเหลือบมองเขาบ่อย ๆ สายตาแสดงความรู้สึกหลงใหล

อาหารมื้อนี้ทำให้ฉู่หลินเฉินรู้สึกว่า... น่าเบื่อ

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นกะทันหัน

ในที่สุดฉู่หลินเฉินก็นั่งไม่ติด เขาหยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้น “ฉันยังมีธุระต้องทำ งั้นวันนี้แค่นี้นะ”

จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์และพูดกับหวังอี้หลินอย่างสุขุม “เธอค่อย ๆ กิน แล้วฉันจะให้คนไปส่งเธอที่บ้าน”

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน คุณรีบไปเถอะ” หวังอี้หลินแสร้งพูดอย่างเอาอกเอาใจ

มองดูชายหนุ่มเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันที เธอออกแรงกรีดสเต็กเนื้อในจานจนเละเทะ

การพบกันครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉู่หลินเฉินไม่ได้สนใจเธอ!

เป็นไปไม่ได้ เขาแน่ใจแล้วว่าคนที่ช่วยเขาในคืนนั้นคือตัวเธอ และยังรับปากว่าจะแต่งงานกับเธอ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจะนัดเธอออกมาทานข้าวทำไม?

หรือว่า... เป็นเพราะฉินซู?

ดวงตาคู่สวยของหวังอี้หลินค่อย ๆ หรี่ลง

หลังออกจากโรงแรมฉู่หลินเฉินรับโทรศัพท์อย่างหมดความอดทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง