ณ ห้องอาหารระดับห้าดาวโรงแรมซิงเล่อ
หวังอี้หลินเดินออกมาจากลิฟต์และไม่ได้รีบเร่งที่จะเดินเข้าไป เธอกลับหยุดถ่ายรูปเซลฟี่ในกระจกที่ติดอยู่บนผนัง จัดแต่งทรงผมและกระโปรงให้เข้าที่ รวมทั้งเติมลิปสติกเพิ่มเข้าไป
ได้ยินมาว่าฉู่หลินเฉินเชิญเธอมารับประทานอาหารมื้อนี้ เขาตั้งใจเหมาห้องอาหารทั้งห้อง ในคืนนี้ ที่นี่มีเพียงพวกเขาสองคน
หวังอี้หลินได้เตรียมพร้อมล่วงหน้ามาอย่างดี
เธอสวมชุดเดรสสีแชมเปญที่มีดีไซน์หรูหราสง่างาม ดูสวยเพียบพร้อม
หวังอี้หลินมั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธออย่างมาก เหยียบรองเท้าส้นกริชสูงสิบเซนติเมตรเดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยท่าทีที่อ่อนพริ้ว
ท่ามกลางห้องอาหารขนาดใหญ่มาก มีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียวตั้งอยู่
ผ้าปูโต๊ะสีขาว ชุดรับประทานอาหารสีทอง ดอกไม้สดและไวน์แดง
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร โดยมีแสงเทียนสีเหลืองทองสะท้อนอยู่บนใบหน้าที่ได้รูปชัดเจนของเขา ราวกับเทพบุตรรูปงามที่ทรงเกียรติและทะนงตัว
ยามสายตาที่ลึกซึ้งของเขามองมา หวังอี้หลินรู้สึกเหมือนจะหยุดหายใจ อยากที่จะพุ่งเข้าไปคุกเข่าลงตรงใต้เท้าเขา
ผู้ชายคนนี้หล่อเป็นบ้า!
เพียงมองแค่แวบเดียวก็สามารถทำให้ขาของคนไร้เรี่ยวแรงได้!
หวังอี้หลินใจเต้นตึกตัก แต่ไม่อยากแสดงท่าทีที่บ้าผู้ชายมากเกินไป
เธออดทนต่อความตื่นเต้นแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า
หลังจากนั่งลงก็ยังอดไม่ได้ ที่จะยื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือที่สมบูรณ์แบบ ราวกับผลงานศิลปะของชายหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ
“คุณชายฉู่ คุณ...”
แค่สัมผัสปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย ฉู่หลินเฉินก็ดึงมือกลับ หวังอี้หลินมองเขาอย่างงงงวยไม่รู้จะทำอย่างไร
สายตาของเขานิ่งเฉย มองดูเธอราวกับกำลังประเมินดูสิ่งของ
ภายใต้สายตาเช่นนี้ หวังอี้หลินรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
หรือว่าตัวเองแต่งหน้าไม่ดี? เสื้อผ้าไม่สวยหรือเลือกน้ำหอมที่กลิ่นแย่...
ความปรารถนาของคนมีเงินนั้นสูงมากเสมอ ไม่ต้องพูดถึงเศรษฐีอันดับต้น ๆ อย่างคุณชายฉู่ ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปตนเองจะต้องดูงดงามและละเอียดอ่อนมากอีกหน่อยถึงจะดี
เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็ปกปิดความวิตกกังวลภายในใจ ฝืนตัวเองให้ยิ้มและมองไปที่เขา
ในเวลานี้ ฉู่หลินเฉินมองดูผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอนิ่งสงบจนตัวเขาเองรู้สึกนึกไม่ถึง
ก่อนมาเขาได้เตรียมพร้อมไว้อย่างดี ในใจเต็มไปด้วยความปรารถนาและการรอคอย
แต่เมื่อหวังอี้หลินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา เขากลับตระหนักว่าตนเองไม่ได้รู้สึกดีใจหรือประหลาดใจมากนัก
แม้กระทั่งตอนที่เธอยื่นมือมาสัมผัสตนเอง เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นส่งออกมาจากตัวเธอ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการหลีกเลี่ยง
บางทีช่วงเวลาที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ การตัดสินใจแต่งงานก็เร่งรีบเกินไป ช่วงระยะเวลาที่ได้เรียนรู้กันก็น้อย
คิดได้แบบนี้ สีหน้าของฉู่หลินเฉินก็ผ่อนคลายลงมากและพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก เธอไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้นก็ได้”
หวังอี้หลินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ เธอพูดขึ้นอย่างเหนียมอายว่า “งั้นฉันเรียกคุณว่าหลินเฉินได้ไหม?”
“อืม”
เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเห็นฉู่หลินเฉินไม่พูดอะไร หวังอี้หลินก็แสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยม แต่ก็ยังเหลือบมองเขาบ่อย ๆ สายตาแสดงความรู้สึกหลงใหล
อาหารมื้อนี้ทำให้ฉู่หลินเฉินรู้สึกว่า... น่าเบื่อ
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นกะทันหัน
ในที่สุดฉู่หลินเฉินก็นั่งไม่ติด เขาหยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้น “ฉันยังมีธุระต้องทำ งั้นวันนี้แค่นี้นะ”
จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์และพูดกับหวังอี้หลินอย่างสุขุม “เธอค่อย ๆ กิน แล้วฉันจะให้คนไปส่งเธอที่บ้าน”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน คุณรีบไปเถอะ” หวังอี้หลินแสร้งพูดอย่างเอาอกเอาใจ
มองดูชายหนุ่มเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันที เธอออกแรงกรีดสเต็กเนื้อในจานจนเละเทะ
การพบกันครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉู่หลินเฉินไม่ได้สนใจเธอ!
เป็นไปไม่ได้ เขาแน่ใจแล้วว่าคนที่ช่วยเขาในคืนนั้นคือตัวเธอ และยังรับปากว่าจะแต่งงานกับเธอ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจะนัดเธอออกมาทานข้าวทำไม?
หรือว่า... เป็นเพราะฉินซู?
ดวงตาคู่สวยของหวังอี้หลินค่อย ๆ หรี่ลง
หลังออกจากโรงแรมฉู่หลินเฉินรับโทรศัพท์อย่างหมดความอดทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...