เว่ยเหอตกตะลึง นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?
ฉู่หลินเฉินเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวยาวตัดกับนัยน์ตาดำขลับจ้องไปยังฉินซู รังสีแห่งความน่าเกรงขามและเยือกเย็นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณภายในพริบตา
ฉินซูรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
เมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่ดุดันดั่งเหยี่ยวเจ้าเวหา หัวใจของเธอก็บีบรัดขึ้นมาทันที
ในชั่วพริบตาเดียว เหมือนลมหายใจถูกบีบรั้งด้วยมือที่มองไม่เห็นจนทำให้หายใจแทบไม่ออก
ฉินซูหลบสายตาของเขาอย่างไม่ให้ผิดสังเกต
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่เย็นชาของฉู่หลินเฉินก็ดังขึ้น “เว่ยเหอ ส่งแขก”
เว่อเหอเข้าใจความหมายของคุณชายทันที รีบเดินไปยังด้านหน้าของนักข่าว
“ตอนนี้คุณชายมีธุระส่วนตัวที่ต้องจัดการ ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน อีกเรื่องหนึ่ง ขอให้ทุกท่านลบภาพถ่าย และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่วันนี้ทิ้งทั้งหมด”
นักข่าวต่างก็มองหน้ากัน หากจะขอให้กลับออกไปพวกเขาก็เข้าใจ แต่มันยากที่จะเข้าใจในความต้องการอย่างหลัง จึงพากันมองไปยังคุณท่านของตระกูลฉู่
“อาเฉิน นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ซ่งจิ่นหรงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะเธอคือคนที่ตั้งใจเชิญนักข่าวมา
“เดี๋ยวคุณย่าก็จะเข้าใจ”
ตามความต้องการของฉู่หลินเฉิน คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็โดน “เชิญออกไป”
ภายในห้องโถง เหลือเพียงคนของตระกูลฉู่ไม่กี่คนและฉินซู
เหล่าคนใช้รออยู่ด้านนอกห้อง
คนยิ่งน้อย เรื่องที่จะพูดยิ่งร้ายแรง
ภายในใจของฉินซูรู้สึกประหม่า แต่กลับไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
ฉู่หลินเฉินเห็นท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านของฉินซูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ
เขาเปิดโปงเธออย่างไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย “มาหลอกลวงถึงตระกูลฉู่ กล้ามากนะ! เธอจะออกไปเอง หรือจะให้ฉันเรียกคนมาจับเธอโยนออกไป?”
สีหน้าของฉินซูซีดลงทันที
ดูเหมือนว่าคุณชายฉู่คนนี้จะมองเธอออก
ฉินซูขยับริมฝีปาก แต่ซ่งจิ่งหรงกลับถามขึ้นมาก่อนด้วยความไม่เข้าใจ “อาเฉิน เธอหมายความว่าไง? ใครหลอกลวง?”
“เธอ”
สายตาอันเยือกเย็นราวกับคมดาบที่กำลังทิ่มแทงฉินซู
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ซ่งจิ่นหรงยืนขึ้นช้า ๆ “เธอพูดเองว่าต้องการแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ และยังให้โทเคนเธอไป ย่าก็ให้คนไปรับเธอมาที่บ้าน!”
เธอตรวจดูโทเคนนั้นอย่างดีแล้ว มันเป็นของจริงแน่นอน
“คุณย่า ผู้หญิงที่ผมให้โทเคนไปชื่อว่าหวังอี้หลิน ส่วนเธอ”
ฉู่หลินเฉินหรี่ตาลง ปรากฏแววตาที่เยือกเย็น “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอมีโทเคนของผมได้ยังไง”
“นี่ นี่คือ… พามาผิดคน?” ซ่งจิ่งหรงช็อกไปทั้งตัว มันยากที่จะยอมรับได้
ฉู่หยุนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะ พร้อมพูดจาดูถูก “คุณย่า หนูว่าไม่ใช่เราพามาผิดคนหรอก แต่มันเป็นเจตนาของคนบางคนมากกว่า ที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล คิดอยากจะเข้ามาเป็นคนของตระกูลฉู่ คน ๆ นั้นก็คือฉินซู ที่ธาตุแท้ของเธอก็คือของเลียนแบบ!”
เมื่อเสียงพูดหยุดไป สายตาของคนตระกูลฉู่ที่มองฉินซูก็ไม่เป็นมิตรอีกต่อไป
ฉู่หลินเฉินออกคำสั่งกับเว่ยเหออย่างเย็นชา “โทรหาครอบครัวหวัง”
“ครับ”
เว่ยเหอเดินไปโทรศัพท์อีกฟากหนึ่ง
ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมา “คุณชายฉู่ คุณอี้หลินบอกว่าโทเคนหายไป อีกอย่าง”
เว่ยเหอหันไปมองฉินซูและรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวเสริมว่า “ผมพูดถึงฉินซู คุณอี้หลินแปลกใจมาก เธอบอกว่าฉินซูเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยและเป็นรูมเมทของเธอ บ้านของทั้งคู่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน วันก่อนที่การอบรมจะเสร็จสิ้น ฉินซูเป็นคนช่วยเธอจัดเก็บกระเป๋าสัมภาระ”
ดูเหมือนความจริงจะอยู่ตรงหน้า
ฉินซูกับหวังอี้หลินมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ถ้าคิดจะขโมยก็ทำได้อย่างง่ายดาย
สายตาที่ฉู่หลินเฉินมองฉินซูเยือกเย็นลงเรื่อย ๆ ความน่ากลัวของเขากลืนกินฉินซูไปทั้งตัว
“เธอยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ฉันไม่ได้ขโมยของของอี้หลิน”
ฉินซูพูดแก้ตัวโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่เยือกเย็นของฉู่หลินเฉิน เธอก็คิดได้ว่า ในเมื่อเรื่องราวมันถูกเปิดเผยไปแล้ว พูดแก้ตัวไปจะมีความหมายอะไรอีก?
เธอจึงถือโอกาสสารภาพไปตรง ๆ “แต่จริง ๆ แล้ว ฉันสวมรอย...”
ถึงตอนนี้ เธอก็เข้าใจประโยคสุดท้ายในวีแชทที่แม่บุญธรรมส่งมา ว่าทำไมถึงให้เธอเลิกติดต่อกับหวังอี้หลิน
แท้จริงแล้ว คนที่พวกเขาให้เธอสวมรอย มันก็คือเธอเอง
เมื่อเห็นว่าฉินซูยอมรับ สายตาที่แสดงถึงความรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาของฉู่หลินเฉิน
“พี่ ผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามายอมรับอีกเหรอ? น่ารังเกียจจริง ๆ รีบไล่เธอออกไปเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...