“เด็กวุ่นวาย จะปล่อยให้อี้หลินมาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?” ซ่งจิ่นหรงขมวดคิ้ว
หวังอี้หลินรีบพูดแสดงท่าทางออกมาทันที “คุณท่านคะ ครั้งแรกที่หนูเห็นคุณท่าน หนูกลับรู้สึกเหมือนว่าคุณท่านเป็นย่าแท้ ๆ ของหนู หนูจะปฏิบัติต่อคุณท่านเหมือนคุณย่าของหนูเอง หนูเต็มใจที่จะอยู่ดูแลคุณท่าน และหนูสามารถอยู่ที่นี่เพื่อดูแลคุณท่านอย่างใกล้ชิดค่ะ”
“เจ้าเด็กน้อย…” ซ่งจิ่นหรงปรากฏสีหน้าชื่นใจ แต่ภายในใจกลับยิ่งรู้สึกละอายใจต่อหวังอี้หลินมากยิ่งขึ้น รู้สึกเกรงใจที่จะให้เธอมาดูแลตนเอง
หลิวเหวยลู่พูดเบา ๆ “คุณแม่คะ อี้หลินอยู่ที่นี่ก็ดีนะคะ เพราะไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา”
ซ่งจิ่นหรงยังคงลังเล “ฉันจะคิดดูอีกที”
…
เมื่อคืนฉินซูอ่านตำราที่อาจารย์สวี่ให้มาจนดึกดื่น เช้าวันรุ่งขึ้นเธอรับโทรศัพท์ฉู่หลินเฉินอย่างงัวเงีย ในหัวยังคงคิดถึงความรู้ในตำรา
“อีกยี่สิบนาทีเว่ยเหอจะไปรับเธอไปยังบ้านใหญ่ อย่าลืมเตรียมตัวให้เรียบร้อย”
เสียงทุ้มต่ำและไม่แยแสได้ขจัดความง่วงของเธอให้หายไปในชั่วพริบตาเดียว
ยี่สิบนาที กลับบ้านใหญ่?
ฉินซูพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียงและรีบเข้าไปในห้องน้ำ
ตอนที่เว่ยเหอมาถึงเธอก็เพิ่งจะเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่กำลังเดินไปที่รถก็ยกมือขึ้นมัดผมหางม้าไปด้วย
เธอไม่มีปัญหากับการแต่งตัว จะมีก็เพียงแต่ใบหน้าที่ปราศจากการแต่งหน้าก็เท่านั้น โชคดีที่ผิวของเธอดีมาก เมื่อมองดูแบบนี้กลับเหมือนดอกชบาที่เพิ่งขึ้นจากน้ำ ธรรมชาติ บริสุทธิ์และปราศจากการเติมแต่ง
หลังจากขึ้นรถฉินซูก็ถามขึ้น “ทำไมจู่ ๆ ก็ไปบ้านใหญ่ วันนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
เว่ยเหอบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน คุณชายฉู่ส่งข้อความมา เขาก็ทำตามในทันที
เมื่อเห็นระยะทางที่ยังไกลอยู่ ฉินซูก็ฉวยโอกาสนี้หลับตาลง เพื่อชดเชยการนอนหลับที่ไม่เต็มอิ่มของเมื่อเช้า
ถึงด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ฉู่หลินเฉินก็โทรศัพท์มาพอดี
“เธอถึงแล้วใช่ไหม? เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันกับอาหลินจะถึง”
ฉินซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่คนที่งานเลี้ยงครั้งก่อนใช่ไหม?”
“อืม อาหลินอยากไปเยี่ยมคุณย่า เธอเข้าไปหาคุณย่าก่อนเลย” เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงอยู่ข้าง ๆ เขา ดังนั้นน้ำเสียงเขาจึงฟังดูอ่อนโยนมากขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเสนอของหลินเฟิง ฉู่หลินเฉินก็ไม่ให้เว่ยเหอไปรับฉินซู
หลินเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ลึกกับตระกูลฉู่มาแต่ดั้งเดิม เขาดึงคนจากในมือของหานโม่หยางมา ต้องการทำให้ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายให้หนาแน่นมากขึ้น เรื่องปลีกย่อยเหล่านี้ไม่สามารถละเลยได้
ฉินซูก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เธอตอบกลับแค่ว่า “ตกลง” จากนั้นก็วางสาย
มิน่าล่ะเมื่อวานหลินเฟิงถึงต้องการซื้ออาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุ ที่แท้เขาก็จะมาเยี่ยมคุณท่านตระกูลฉู่นี่เอง
ฉินซูก้าวเท้าเข้าไปที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ด้วยท่าทางนิ่งเฉย
คุณท่านกำลังพูดคุยอยู่อย่างอบอุ่น
ลุงหมิงได้รับข่าวจากคนใช้จึงเดินไปบอกซ่งจิ่นหรง “คุณหนูมาแล้วครับ”
คุณหนู?
คำนี้ทำให้หวังอี้หลินชะงัก ไม่ทันมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ฉู่หยุนซีก็เดินออกไปอย่างไม่พอใจก่อนแล้ว “มาทำไมไม่ได้เชิญ?”
หลิวเหวยลู่กังวลว่าฉู่หยุนซีจะโกรธจัดจนสร้างปัญหาจึงเดินตามไป
ลุงหมิงไม่สามารถขัดขวางไว้ได้ จึงพูดกับซ่งจิ่นหรงอย่างจนปัญญา “เว่ยเหอเป็นคนพาเธอมา คุณชายอาเฉินจะมาถึงในอีกสักครู่ และบอกว่าหลินเฟิงแห่งหลินซื่อจะมาเยี่ยมคุณท่าน”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นซ่งจิ่นหรงก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่พบคนคนนี้”
“คุณท่านครับ มันก็หลายปีมาแล้ว…” ลุงหมิงอยากจะเกลี้ยกล่อมแต่พูดไปได้เพียงแค่สองประโยค ก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปเพราะท่าทางของซ่งจิ่นหรง
เรื่องราวในเวลานั้นคือหนามที่ทิ่มแทงหัวใจของหญิงชรา และดูท่าว่าตลอดชีวิตนี้ก็จะไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้
เธอหันไปพูดกับด้านนอก
หวังอี้หลินมองเห็นซ่งจิ่นหรง สีหน้าเธอก็หม่นหมองลงทันที เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรไร้สาระออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...