วุ่นรักวิวาห์ลวง นิยาย บท 65

ฉินซูอยากที่จะก้าวไปด้านหน้าแต่ถูกฉู่หยุนซีขวางไว้ “ครั้งนี้มีอี้หลินอยู่ ไม่ใช่หน้าที่เธอที่ต้องยื่นมือเข้ามา คนร้าย ๆ อย่างเธอถอยไปให้ไกล!”

แม้แต่หลิวเหวยลู่ก็มีสีหน้าที่ไม่ดีต่อฉินซู เพราะเธอก็เชื่อว่าฉินซูเป็นต้นเหตุให้ซ่งจิ่นหรง “โกรธจนเป็นลม”

ฉินซูจำใจต้องถอยหลังหนึ่งก้าว แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างของซ่งจิ่นหรง และสังเกตดูลักษณะอาการของเธออย่างละเอียด จากนั้นวิเคราะห์ใจใน

หลินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทีที่หลิวเหวยลู่และฉู่หยุนซีมีต่อเธอ

เขาอยากช่วยฉินซูพูดสักสองสามคำ อีกทั้งยังอยากช่วยหญิงชราจึงหันไปพูดแนะนำกับฉู่หลินเฉิน “คุณหนูฉู่เข้าใจทักษะทางการแพทย์ดี ไม่ให้เธอไปดูคุณท่านเหรอ?”

สายตาของฉู่หลินเฉินมองไปที่ฉินซูและพูดว่า “คุณหวังกับเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันและมีทักษะทางการแพทย์ดีกว่า”

เมื่อเทียบกับฉินซูแล้วเขามีความเชื่อมั่นในตัวหวังอี้หลินมากกว่า เพราะอย่างไรเสียในคืนนั้น

“เธอ” เป็นคนที่ช่วยเขา

หลินเฟิงงงงันและมองไปที่หวังอี้หลิน เป็นเพราะว่าเธอหมอบอยู่ที่พื้นและหันหลังให้เขา ดังนั้นเขาจึงเห็นหน้าเธอไม่ชัด

เขาคิดว่าฉินซูเก่งมากแล้ว แต่ถ้าคุณหวังเก่งกว่า งั้นหญิงชราก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง...

เขาเชื่อคำพูดของฉู่หลินเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก เพียงแค่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ

หวังอี้หลินรู้สึกถึงการจับจ้องจากผู้คนมากมาย เธอรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าเธอสามารถปลุกหญิงชราให้ตื่นขึ้นมาได้ เรื่องที่เธอจะอยู่ที่บ้านตระกูลฉู่ก็เป็นไปได้อย่างแน่นอน

คิดได้ดังนั้นหวังอี้หลินก็เริ่มลงมือ

เพราะเธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไปเนื่องจากเลือดลมไม่ดีชั่วคราว ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลที่จะกดตรงกลางลำตัวของหญิงชรา และใช้มืออีกข้างหนึ่งกดลงด้านข้างของส่วนหน้าอกและหน้าท้อง

ภายใต้การควบคุมของเธอ ซ่งจิ่นหรงไม่เพียงแต่จะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่เลือดกำเดากลับยิ่งไหลรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งลมหายใจก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ

หวังอี้หลินตื่นตระหนกเล็กน้อย

สีหน้าของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ค่อย ๆ ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมา

ฉู่หยุนซีพูดอย่างเป็นกังวล “อี้หลิน มันไม่ปกติแล้วนะ ทำไมคุณย่าดูเหมือนจะอาการไม่ดี?”

เธอจำเป็นต้องพูดคำพูดที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้เหรอ?!

หวังอี้หลินด่าฉู่หยุนซีในใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงมันออกมาทางสีหน้า นิ้วมือของเธอสั่นแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้

ถ้าหญิงชราคนนี้ตายในมือของเธอล่ะ…

หวังอี้หลินตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เธอไม่กล้าที่จะอวดดีต่อไป จึงหันไปพูดกับหลิวเหวยลู่ “คุณผู้หญิงฉู่คะ อาการของคุณย่าไม่ดี หนูเกรงว่าการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจะไม่มีประโยชน์แล้ว เตรียมรถพร้อมรึยังคะ? ต้องรีบพาท่านส่งโรงพยาบาล!”

เธอรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยเมื่อมองเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของหลายคน

ฉู่หลินเฉินไม่ได้มองเธออีกแล้ว และรีบก้าวเท้าออกไปด้านนอก เสียงที่ดูรีบเร่งของเขาค่อย ๆ ไกลออกไป

“อีกนานแค่ไหนกว่าหมอจะมาถึง? รถติด?! รีบโทรศัพท์ให้เตรียมช่องทางสีเขียว! อีกสิบห้านาทีต้องไปถึง…”

หลิวเหวยลู่ยืนอยู่อย่างสับสนทำอะไรไม่ถูก นอกจากกระสับกระส่ายก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

แต่หวังอี้หลินที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความสามารถของตนเองไม่พอ ก็จำใจต้องถอยออกมา เธอรู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก

ขณะที่ทุกคนถอยออก ฉินซูกลับสาวเท้าไปด้านหน้า

“เธอคิดจะทำอะไร?!” ฉู่หยุนซีคว้ามือของเธอไว้ ใบหน้าพร้อมเอาเรื่อง

สีหน้าของฉินซูเคร่งขรึมและพูดขึ้น “อาการของคุณท่านอันตราย เกรงว่าจะไม่สามารถรอให้หมอมาถึงได้”

“นั่นมันก็เป็นเพราะเธอ เธอทำให้คุณย่าโกรธจนเป็นแบบนี้!” ฉู่หยุนซีถลึงตาใส่เธออย่าโกรธแค้น

หลินเฟิงกังวลเกี่ยวกับอาการของหญิงชราจึงถามขึ้น “คุณหนูฉู่ คุณมีวิธีใช่ไหม?”

ฉินซูพยักหน้าและมองไปที่หลิวเหวยลู่ “ให้หนูลองดูได้ไหมคะ?”

ที่นี่มีเพียงเธอที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ

หลิวเหวยลู่ขมวดคิ้วมองเธอ ในแววตาปรากฏความไม่ไว้วางใจ

ครั้งก่อนฉินซูได้ช่วยหญิงชราไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน แม้แต่หวังอี้หลินก็ทำไม่ได้ แล้วเธอจะทำอะไรได้?

หวังอี้หลินที่อยู่ด้านข้างดึงริมฝีปากอย่างเหยียดหยาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง