วุ่นรักวิวาห์ลวง นิยาย บท 83

ณ บ้านตระกูลหวัง

หน้าจอคอมพิวเตอร์ หวังอี้หลินนำบทความสุดท้ายอัปโหลดเป็นส่วนต้นฉบับ และบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจขึ้น

เงินเป็นสิ่งที่ดี เธอจำเป็นต้องจ่ายเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถหาคนมาช่วยเขียนบทความเฉพาะทางเหล่านี้ได้

ใครบอกเงินซื้อความรู้ไม่ได้?

นี่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คุณสามารถได้ทุกอย่าง ตราบใดที่คุณมีเงินมากพอ

ต่อให้เธอไม่ชอบเรียนหนังสือและคะแนนที่ได้ก็ทั่ว ๆ ไป แต่ก็สามารถกลายเป็นเด็กหัวกะทิได้ในชั่วข้ามคืน

สายตาของหวังอี้หลินมองไปบนแฟ้มสีดำที่วางอยู่ข้าง ๆ มันเป็นของฉินซู เธอพบว่าด้านในเป็นบทความวิจัยเรื่องหนึ่งและยังเขียนได้ดีอีกด้วย

แต่ตอนนี้ ลายเซ็นบนบทความเรื่องนี้เป็นชื่อเธอ

จางเหวินเปิดประตู “ไปดื่มชาสักหน่อยไหมลูก?”

“แม่ บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อนเข้ามาในห้องหนู?” หวังอี้หลินพูดขึ้นอย่างเซ็ง ๆ และปิดหน้าเว็บทันที

หันไปมองจางเหวิน “และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูต้องลดความอ้วน จะไม่ดื่มชาตอนบ่ายแล้ว!”

“ลดความอ้วนทำไม ลูกยังอยากเป็นดาราจริง ๆ เหรอ?”

จางเหวินเดินมาหยุดด้านหน้าของหวังอี้หลิน และมองเธออย่าพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “เป็นลูกสาวที่มีค่าอยู่ดีกินดีนี่ไม่ดีเหรอ? ทำไมต้องไปเหน็ดเหนื่อยเป็นดาราด้วย ลูกรู้ไหมว่าความสง่างามภายนอกของดาราพวกนั้น ทำเอาผู้คนเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหน?”

“ลูกสาวที่มีค่า? ลูกสาวที่มีค่าของครอบครัวหวังเหรอ?”

หวังอี้หลินหัวเราะและเบะปากพูด “ทั้งเมืองไห่เฉิงเนี่ย มีกี่คนที่รู้จักครอบครัวหวังของพวกเรา? อย่าล้อเล่นเลยแม่ ฐานะทางสังคมของพวกเราก็คือครอบครัวเล็ก ๆ แม้ว่าตอนนี้จะมีเงิน แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่บริษัทของพ่อถึงจะใหญ่โตขึ้นมาได้”

“หนูไม่อยากแต่งงานเข้าไปในตระกูลฉู่ด้วยสภาพแบบนี้ แล้วผู้คนก็จะเหยียดหยามว่าหนูต้องการปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงเหมือนกับที่ฉินซูโดนอยู่ตอนนี้ หนูต้องการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ มีสายตาของทุกคนจับจ้อง ตอนนี้มีเงินมีหน้าตา ขอเพียงแค่หนูโด่งดังกลายเป็นราชินีแห่งวงการทีวีและภาพยนต์ ถึงตอนนั้น การกลายเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลฉู่ก็จะเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนสรรเสริญ!”

ดวงตาของหวังอี้หลินเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

สิ่งที่เธอต้องการมันมากกว่าสิ่งที่คนอื่นคิด

จางเหวินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ราวกับว่าเธอเพิ่งรู้จักลูกสาวของเธออีกครั้ง

ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกสาวของตนมีความคิดแบบนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดี

“ลูกพูดถูก แม่สนับสนุน ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม่จะดูแลรูปร่างไปพร้อม ๆ กับลูก”

จางเหวินหัวเราะคิกคักแล้วพูดขึ้น เมื่อนึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้ จึงเตือนเธอ “แต่ว่าลูกอย่าเอาแต่คิดจะเป็นดารานะ ตระกูลฉู่นั่นก็ต้องรุกเข้าไปเยอะ ๆ คุณท่านตระกูลฉู่อยู่โรงพยาบาล ลูกก็ไปเยี่ยมดูอาการท่านสักหน่อย”

หวังอี้หลินพยักหน้า “อืม หนูคิดว่าจะไปวันนี้”

ถ้าเธอไม่ไปโผล่หน้าไปอีก ยายแก่คนนั้นอาจจะเคียดแค้นเธอเพราะเรื่องชาแก้วนั้นก็ได้

ฉินซูนำข้อมูลรายงานที่ทำทั้งคืนส่งให้อาจารย์หม่า

เธอสวมหน้ากากแต่หม่าเฉิงมองเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาและสีหน้าที่ค่อนข้างซีดของเธอ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอต้องรีบทำมันออกมาทั้งคืนแน่ ๆ

เธอส่งตรงเวลาแต่งานที่ทำออกมาภายในคืนเดียวจะมีข้อมูลที่ดีสักแค่ไหนกันเชียว?

นี่ไม่ใช่การขายผ้าเอาหน้ารอดหรอกเหรอ?

ศาสตราจารย์ฉางเป็นคนเข้มงวดมาโดยตลอด เมื่อรายงานนี้ถึงมือของเขา เขาจะต้องโกรธขึ้นมาอย่างแน่นอน

คิดได้แบบนี้หม่าเฉิงก็ไม่สนใจที่จะเปิดอ่านรายงานที่ฉินซูนำมาส่ง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เธอกลับไปเถอะ ฉันจะเอารายงานฉบับนี้ไปให้ฉางเหล่าเอง”

“ขอโทษด้วยนะคะอาจารย์หม่า ฉันทำให้คุณลำบาก” ฉินซูก้มศีรษะจากนั้นก็จากไป

หม่าเฉิงส่ายหัว

การพูดและกริยาท่าทางของเด็กคนนี้นับว่ามีมารยาทมาก แต่ด้วยการอาศัยท่าทีขายผ้าเอาหน้ารอดในการทำการบ้านมาส่งแบบนี้ จะต้องโดนฉางเหล่าไล่ออกแน่ ๆ

หลังจากออกมาจากห้องปฏิบัติการฉินซูก็แวะซื้ออาหารเช้าริมถนน

การอดหลับอดนอนทั้งคืนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยทั้งง่วง กินอาหารเช้าเสร็จถึงจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

เรื่องเมื่อวานเธอเก็บไว้ในใจและยังจำมันได้ดี แต่ก็ไม่ได้รีบที่จะไปเอาคืนหลินเมิ่งฟาน

หนึ่งคือเธอไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด สองคือ... เมื่อวานเธอได้ยินเสียงผู้หญิงชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลินเมิ่งฟานไม่ได้ทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง