ในใจหนานหว่านเยียนร้อนรน
กู้โม่หานครั้งนี้ยืนยันจะเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์แล้ว
นางดูออกว่ากู้โม่หานชอบพวกยายหนูจากใจจริง ถึงแม้ว่าเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์จะเชื่อถือไม่ได้เลย แต่รับประกันไม่ได้หากเลือดเขากับพวกยายหนูผสมกันจริงแล้ว เช่นนั้นเขา.......
ไม่ได้! นางจะให้กู้โมหานสมหวังไม่ได้
หนานหว่านเยียนโน้มตัว พูดกับยายหนูสองคนว่า “พวกเจ้าไปกินข้าวกับลุงก่อน แม่เปลี่ยนเสื้อเสร็จก็มา ดีไหม?”
พูดไป นางก็กะพริบตาใส่สองพี่น้อง
เกี๊ยวน้อยรับสัญญาณได้ทันที “รู้แล้ว! พวกเรารอท่านแม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร!”
ซาลาเปาก็เข้าใจแล้ว พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
กู้โม่หานหรี่ตา มองความร่วมมือของพวกนางแม่ลูกไม่ออก แต่ในใจมีความสงสัย
แต่ว่า หนานหว่านเยียนไม่ได้โต้แย้งเรื่องเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์ เขาก็เลยไม่พูดแล้ว พาพวกยายหนูไปที่เรือนก่อน
หนานหว่านเยียนเรียกเซียงอวี้มา ให้นางปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า
เกี๊ยวน้อยอยากช่วยหนานหว่านเยียนยื้อเวลา ก็ดึงตัวกู้โม่หานพูด
“ท่านลุง วันนี้ท่านคงไม่ใช่มาหาพวกเราเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยเฉพาะหรอกนะ ท่านมาหาท่านแม่เพื่ออะไรหรือ?”
ตอนแรกกู้โม่หานกำลังคิดว่าหนานหว่านเยียนอยากทำอะไร คราวนี้ ความคิดก็ถูกเกี๊ยวน้อยดึงกลับมาทันที
คิ้วยาวของเขาขมวดขึ้น คิดไปมาไม่รู้จะพูดยังไง สุดท้ายไอแห้งทีหนึ่งพูดว่า “ท่านแม่ของพวกเจ้าบอกว่าลายบนเสื้อผ้าของข้าสวย อยากทำเสื้อผ้าแบบนี้ให้พวกเจ้า จ้าก็เลยให้นางดู”
ซาลาเปายื่นหัว สังเกตลวดลายบนตัวของกู้โม่หานขึ้นมา “นี่คืออะไรหรือ?”
เกี๊ยวน้อยทำเสียงที่ปาก พูดกับซาลาเปาว่า “นี่เจ้าก็ไม่เข้าใจแล้วซิ ลวดลายบนเสื้อผ้าของท่านลุงเรียกว่าปี่เซียะ เป็นสัตว์ที่เรียกทรัพย์!”
กู้โม่หานหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าเด็กกลับเห็นกิเลนเป็นปี่เซียะ เขากำลังจะพูดแก้ไข หนานหว่านเยียนก็ออกมาจากห้องแล้ว
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าสีพื้นที่ดูกะทัดรัดเรียบง่ายทั้งชุด สีหน้าปกติ ดูเส้นสนกลในอะไรไม่ออก
กู้โม่หานจ้องหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
นางกลับเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่ด้านข้างของซาลาเปาเอง
ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกลม ตรงกลางของกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนเป็นสองพี่น้องที่หัวเราะเบิกบาน
ไม่รู้เพราะอะไร ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ บ่าวหลายคนต่างรู้สึกว่าสีหน้าของกู้โม่หานอ่อนโยนลงมาก
พวกบ่าวยุ่งอยู่กับการยกกับข้าว
เกี๊ยวน้อยคีบลูกชิ้นก้อนหนึ่งมาในถ้วยของตัวเอง จากนั้นแบ่งเป็นสองส่วนยื่นให้หนานหว่านเยียนครึ่งหนึ่ง “ท่านแม่กิน!”
หนานหว่านเยียนรับมาอย่างยิ้มแย้ม ยื่นมือจับหน้าเล็กๆของนาง “เกี๊ยวน้อยของเราทำไมน่ารักแบบนี้ มา แม่ช่วยเจ้าเอาก้างปลาออก”
ซาลาเปาห่างจากหนานหว่านเยียนนิดหน่อย แต่ก็พยายามเอื้อมมือไปคีบผักตรงหน้า อยากคีบไปให้หนานหว่านเยียน
กู้โม่หานขมวดคิ้ว คีบปีกไก่ชิ้นหนึ่งวางในถ้วยของซาลาเปาทันที “ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบกินอันนี้”
เหมือนตอนที่เขายังเด็ก ต้องมีเนื้อถึงอร่อย
ซาลาเปาตะลึงเล็กน้อย เงยหน้า ตากลมๆโตๆมองไปที่เขา ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก “ขอบ ขอบคุณท่านลุง”
ไอ้ ไอ้คนเลวทำไมรู้แม้แต่เรื่องนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อยากอ่านต่อค่ะ ไม่อยากให้นางเอกให้อภัยเลย ถึงแม้ว่าพระเอกจะถูกนางร้ายหลอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระเอกทำร้ายนางเอกหนักหนาสาหัส ทำนางเอกตายและเกือบตายมาหลายรอบ ชอบข่มเหงบังคับจิตใจ ไหนจะเลือกช่วยนางร้ายก่อนนางเอกทุกที แล้วยังเลือกทำร้ายนางเอกเพื่อนางร้าย สมควรทิ้งมันค่ะ...