พอได้ยินหยุนอี่ว์โหรวเกิดเรื่องแล้ว กู้โม่หานก็แบ่งความสนใจไปทันที
“โหรวเอ๋อร์เป็นอะไร?”
เชี่ยนปี้เช็ดน้ำตาไปด้วย สภาพนั้นเหมือนดั่งหยุนอี่ว์โหรวจะร่วงโรยตายไปในวินาทีต่อไป
“เรียนท่านอ๋อง พระชายารองหยุนตอนนี้เหงาหงอยซึมเซา นอนร้องไห้ปวดท้อง บ่าวไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่พักหนึ่งจึงมาแจ้งท่านอ๋อง!”
“พระชายารองหยุนบอกว่าอย่าให้ท่านอ๋องรู้ เป็นบ่าวตัดสินใจเอง ขอให้ท่านอ๋องลงโทษด้วย!”
เชี่ยนปี้แสดงอาการออกทางสีหน้า หนานหว่านเยียนฟังแล้วไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มอย่างเย็นชาเล็กน้อยที่ไม่อาจสังเกตเห็น
ส่วนเซียงอวี้ที่จากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กลับมาถึงในเรือนอย่างเงียบๆ นางมองดูหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง ถอนหายใจยาวไปทีหนึ่ง
ความจริงเมื่อครู่ หนานหว่านเยียนเรียกเซียงอวี้เข้ามาในห้องกำชับนาง
“เจ้าไปพูดจายุยงที่หยุนอี่ว์โหรว ก็พูดว่า กู้โม่หานอยู่ในเรือนของข้า เหมือนมีความคิดที่จะค้างคืนที่นี่”
“พูดได้ยิ่งเกินจริงยิ่งดี พยายามแสร้งทำได้ใจหน่อย อะไรแบบว่าเขากินอยู่กินอาหารเที่ยงที่ข้าไล่ยังไงก็ไล่ไม่ไป ต้องรับรองว่าหยุนอี่ว์โหรวได้ยิน รีบไปรีบกลับ”
เซียงอวี้ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมหนานหว่านเยียนต้องทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ให้หยุนอี่ว์โหรวมาทำลายชัดๆหรือ?
ไม่ง่ายที่ท่านอ๋องอุตส่าห์อยู่กินข้าวเที่ยงที่นี่ คุณหนูน้อยสองคนอยู่เป็นเพื่อน ยังสามารถฉวยโอกาสบรรเทาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง เหตุใดพระชายามาทำแบบนี้?
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังเปิดปากพูดอย่างสงสัย “พระชายา ยกโทษที่บ่าวพูดมาก บ่าวรู้สึกว่าท่านอ๋องชอบคุณหนูน้อยทั้งสองอย่างจริงใจ ถึงจะเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์ก็.......”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว พูดตัดว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ข้าก็แค่ไม่อยากให้กู้โม่หานอยู่นานเท่านั้น เจ้ารีบไป มิเช่นนั้นเดี๋ยวกู้โม่หานจะสงสัยแล้ว”
เซียงอวี้ถอนหายใจยาว เนื่องจากสถานการณ์บังคับจึงทำตามแล้ว
และเป็นไปตามที่พระชายาคิด พอนาง “ได้ใจ” คนฝั่งโน้นของหยุนอี่ว์โหรวก็ทนไม่ไหวแล้ว รีบให้เชี่ยนปี้มาก่อกวนทางนี้ทันที
กู้โม่หานได้ยินร่างกายหยุนอี่ว์โหรวไม่สบาย ในตาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ร่างกายของนางไม่ดีมาตลอด ล้วนเป็นเพราะอาการป่วยที่เกิดจากการช่วยเหลือเขาในปีนั้น
“เรียกข้ามีประโยชน์อะไร เรียกหมอมาดูหรือยัง หากนายของเจ้าเกิดอะไรขึ้น เจ้ารับผิดชอบไหวไหม!”
เขาต่อว่าเชี่ยนปี้ไปด้วย ก็สะบัดแขนเสื้อลุกขึ้น เดินออกไปพร้อมกับเชี่ยนปี้
เขากลับไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย หยุนอี่ว์โหรวทำไมถึงป่วยกะทันหัน ยังอยู่ในเวลาแบบนี้อีก......
หนานหว่านเยียนก็ขี้เกียจสนใจปัญหาว่าเขาโง่หรือไม่โง่ โล่งใจไปชั่วคราว
แต่กู้โม่หานเดินมาถึงหน้าประตู ก็หันกลับมากะทันหัน ขมวดคิ้วอยากพูดกับเกี๊ยวน้อยและซาลาเปา “ข้า.......”
ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นลูกแท้ๆของข้าหรือไม่ ล้วนยินดีเลี้ยงดูพวกเจ้า
หนานหว่านเยียนเห็นเหตุการณ์ หัวใจก็กระตุกอย่างรุนแรงทันที พูดตัดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ท่านอ๋องรีบไปเถิด เชี่ยนปี้ก็บอกแล้ว ว่าพระชายารองหยุนเกิดเรื่องแล้ว! เสียเวลาต่อไป ยังไม่รู้ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรอีก”
ยายหนูสองคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอียงคอไม่รู้ว่ากู้โม่หานอยากพูดอะไร
กู้โม่หานโกรธจนกัดฟัน จ้องหนานหว่านเยียนอย่างดุดัน สะบัดแขนออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อยากอ่านต่อค่ะ ไม่อยากให้นางเอกให้อภัยเลย ถึงแม้ว่าพระเอกจะถูกนางร้ายหลอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระเอกทำร้ายนางเอกหนักหนาสาหัส ทำนางเอกตายและเกือบตายมาหลายรอบ ชอบข่มเหงบังคับจิตใจ ไหนจะเลือกช่วยนางร้ายก่อนนางเอกทุกที แล้วยังเลือกทำร้ายนางเอกเพื่อนางร้าย สมควรทิ้งมันค่ะ...