ฮองเฮายกตนข่มอีกฝ่าย พูดจาไม่เข้าประเด็นแต่กลับคุกคามอย่างรุนแรง
เจียงหรูเยว่ชอบราดน้ำบนกองไฟ ตอนนี้ก็ไม่รู้จักอาย ใส่ไฟเข้าไปอีก
“ใช่แล้วพระชายาอี้ สิ่งแรกที่ท่านทำเมื่อเข้ามาในวังไม่ใช่มาเข้าเฝ้าฮองเฮา มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
หญิงสาวสูงศักดิ์อีกนางเหน็บแนมอย่างจองหอง
“ในฐานะสะใภ้เหมือนกัน พระชายาเฉิงทำได้ดีกว่าพระชายาอี้ในจุดนี้มาก สตรีนางนี้ ควรตั้งใจปรนนิบัติพ่อแม่สามี เป็นผู้ช่วยสามีและอบรมสั่งสอนบุตรอยู่ที่บ้าน”
สวีหว่านหยิงขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ นางอยากจะพูดแทนหนานหว่านเยียน แต่เกิดมาเป็นคนอ่อนโยนพูดไม่เก่ง ดังนั้นจึงยังคิดไม่ออกว่าจะแก้ต่างอย่างไร
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของหนานชิงชิง แต่ความเย็นชากลับพาดผ่านหัวใจของนาง
หนานหว่านเยียนได้อำนาจจากไทเฮาแล้วไงล่ะ?
นังแก่ไทเฮานั่นไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี ต่อไปต้องพึ่งพาฮองเฮา
การจะจัดการกับหญิงชั่วผู้นี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกหรือ?
หนานหว่านเยียนก็ไม่รีบร้อนปฏิเสธ นางคุกเข่าจนเมื่อยแล้ว จึงลุกขึ้นยืน
จากนั้นก็ก้มตัวประสานมือคำนับ ดูท่าทางประหม่าเป็นอย่างยิ่ง “ลูกสำนึกผิดแล้ว ช่างอกตัญญูยิ่งนักที่ไม่มาเข้าเฝ้าเสด็จแม่ให้ตรงเวลา ลูกไม่เคยคิดดูหมิ่นเสด็จแม่เลย”
“เมื่อวานเสด็จย่าไทเฮาเรียกพบอย่างกะทันหัน คืนที่เข้ามาในวัง ลูกจึงไม่อยากรบกวนเสด็จแม่ จึงอยู่ในตำหนักหลวนเฟิ่งกับท่านอ๋องตลอด”
“ยิ่งไปกว่านั้นคืนนั้นเสด็จย่าพยายามจับคู่ลูกกับท่านอ๋อง ลูกไม่อาจปล่อยให้เสด็จย่าเสียความตั้งใจ”
ทันใดนั้นนางก็มองไปที่ใบหน้านิ่งเฉยของหนานชิงชิง “เมื่อคืนนี้เสด็จพี่ก็อยู่ที่ตำหนักหลวนเฟิ่งด้วย เรื่องนี้เสด็จพี่น่าจะรู้ดี”
หนานชิงชิงถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไม่ทันรู้ตัว เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ยั้งไว้ แต่สุดท้ายก็ก้าวออกมา กล่าวกับฮองเฮาเสียงอ่อนด้วยความยำเกรง
“เพคะ เมื่อคืนพระชายาอี้ถูกเสด็จย่าไทเฮาเรียกตัวไว้จริงๆ ทำให้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเข้าเฝ้าเสด็จแม่ล่าช้าออกไป”
นางไม่เหมือนกับหยุนอี่ว์โหรว ในเวลานี้นางสุขุมเยือกเย็น ไม่มีความกังวลใดๆ ว่าฮองเฮาจะตำหนินาง
ฮองเฮาชำเลืองมองหนานชิงชิง จากนั้นพูดกับหนานหว่านเยียนว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรให้คนนำจดหมายมาส่ง พระชายาอี้ เจ้าอยู่ในฐานะสะใภ้ของราชวงศ์ กฎเกณฑ์ง่ายๆ แค่นี้คงไม่ใช่ไม่รู้หรอกนะ? ข้าอยู่ในฐานะเจ้าแห่งวังทั้งหก แต่เจ้ากลับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป บอกว่าข้าไร้ความสามารถ มันจะส่งผลเสียถึงจวนอ๋องอี้และจวนเฉิงเซี่ยง ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”
หนานหว่านเยียนเม้มปากเงียบ สองคนนี้สมรู้ร่วมคิดกัน ไม่มีทางปล่อยให้นางหนีไปง่ายๆ แน่
ทันใดนั้นทุกคนก็เห็นหนานหว่านเยียนดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดหน้า ขอบตาแดงก่ำน้ำตาคลออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ลูกไม่ดีเอง แต่เสด็จพี่กับเสด็จแม่ก็น่าจะรู้ว่า ท่านอ๋องมีท่าทียังไงกับลูก”
“เมื่อคืนเสด็จย่าช่วยลูกไว้หนหนึ่ง หากลูกยังปฏิเสธอีก จิตใจตัวเองเป็นทุกข์ก็ไม่เป็นไร แต่หากทำลายความตั้งใจของเสด็จย่า มันจะเป็นการอกตัญญูจนเกินไป”
“เสด็จย่าเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของท่านอ๋อง หากนางป่วยเพราะโมโหลูก ลูก…ลูกทนไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของฮองเฮาก็ดุดันขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อยากอ่านต่อค่ะ ไม่อยากให้นางเอกให้อภัยเลย ถึงแม้ว่าพระเอกจะถูกนางร้ายหลอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระเอกทำร้ายนางเอกหนักหนาสาหัส ทำนางเอกตายและเกือบตายมาหลายรอบ ชอบข่มเหงบังคับจิตใจ ไหนจะเลือกช่วยนางร้ายก่อนนางเอกทุกที แล้วยังเลือกทำร้ายนางเอกเพื่อนางร้าย สมควรทิ้งมันค่ะ...