ที่แตกต่างไปจากสถานการณ์อ่อนไหววางแผนปัดแข้งปัดขากันในตำหนักหยูซิน ในตำหนักหลวนเฟิ่ง ไทเฮาได้ส่งข้ารับใช้ที่เหลือออกไป เหลือเพียงกู้โม่หานและหลี่หมัวมัวสองคน
กู้โม่หานใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว เคาะนิ้วชี้ลงบนโต๊ะทำงาน
ไทเฮาเห็นท่าทีสุขุมเยือกเย็นของเขา ก็เกิดโมโหขึ้นมา
“ข้าหมายถึงเจ้านะ เป็นเด็กที่สอนไม่รู้ความจริงๆ!”
“เยียนเอ๋อร์ดีกับเจ้าขนาดนี้ ทั้งอ่อนโยนและเชื่อฟัง ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบนาง? ฮองเฮาเรียกนางไป เจ้าอยู่ในฐานะสามีก็ไม่ได้พูดเลยว่าจะตามไปดู”
กู้โม่หานไม่ตอบอะไร แค่เหลือบมองไทเฮาอย่างเฉยเมย พลางลดสายตาลงเงียบไม่พูดจา
ไทเฮาหายโมโหแล้ว ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าบนใบหน้าชราของนาง
“เจ้าหก แม้จะเป็นคำพูดคร่ำครึธรรมดา แต่ข้าก็ยังต้องเกลี้ยกล่อมเจ้าว่า อย่าไปทำให้ใครเสียใจง่ายๆ”
“บนโลกนี้ความจริงใจหายากที่สุด เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง?”
กู้โม่หานเชยตาขึ้น พลางขมวดคิ้วแน่น
เหตุใดคำพูดของไทเฮาจึงมีผลเหมือนกับที่หนานหว่านเยียนพูดกับหยุนอี่ว์โหรวในวันนั้น มีความมหัศจรรย์ต่างถ้อยคำแต่ไพเราะดุจเดียวกันหรือ?
ไทเฮาเห็นเขายังคงยืนเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนั้น ก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“รีบลุกขึ้น ไปตำหนักฮองเฮาพาเยียนเอ๋อร์กลับจวนอ๋องเดี๋ยวนี้!”
พูดจบนางก็เรียกหลี่หมัวมัวไปส่งแขก กู้โม่หานยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูก “ขับไล่” ออกจากตำหนักหลวนเฟิ่ง
กู้โม่หานยืนอยู่ที่ประตูตำหนักหลวนเฟิ่ง “หลานทูลลา”
ไทเฮาโกรธจัด เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลังจากกู้โม่หานอยู่พักหนึ่ง ก็มุ่งหน้าไปที่ตำหนักหยูซิน
ขณะที่เดินผ่านอุทยานหลวง เขาเกือบชนกับคนข้างหน้าที่หัวมุม
เสียงทุ้มแต่มีพลังถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เจ้าหก รีบร้อนไปไหนหรือ?”
พอกู้โม่หานเห็นคนคนนั้นชัดเจน ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาทันที “ลูกเผลอชนเสด็จพ่อ ขอพระราชทานอภัยจากเสด็จพ่อด้วย”
ในขณะนี้กู้จิ่งซานสวมเสื้อคลุมมังกรสีทองเข้ม เปี่ยมไปด้วยความสง่างามน่าเกรงขาม
“ไม่ต้องมากพิธี เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่ากำลังจะไปไหน?”
“เมื่อคืนนี้เสด็จย่าเรียกลูกและพระชายาเข้าวัง เช้าตรู่วันนี้ เสด็จแม่ก็เรียกหาพระชายาด้วยเหมือนกัน” กู้โม่หานกล่าว
“ลูกเห็นเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว พระชายายังไม่กลับมา เลยอยากจะไปดูที่ตำหนักหยูซินเสียหน่อย”
กู้จิ่งซานโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ หัวเราะอย่างสง่าผ่าเผย
“เจ้าจะไปทำไม มันเรื่องของผู้หญิง ไม่มีเหตุผลที่ผู้ชายจะเข้าไปยุ่งเลยสักนิด?”
“จะว่าไปแล้ว นางเป็นพระชายาของเจ้า ในฐานะสะใภ้ของราชวงศ์ หากเรื่องเล็กน้อยยังทำได้ไม่ดี มันคือความบกพร่องในหน้าที่ของนางเอง! “
“มานี่ ไปนั่งดื่มชากับข้าที่ศาลาข้างหน้าดีไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อยากอ่านต่อค่ะ ไม่อยากให้นางเอกให้อภัยเลย ถึงแม้ว่าพระเอกจะถูกนางร้ายหลอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระเอกทำร้ายนางเอกหนักหนาสาหัส ทำนางเอกตายและเกือบตายมาหลายรอบ ชอบข่มเหงบังคับจิตใจ ไหนจะเลือกช่วยนางร้ายก่อนนางเอกทุกที แล้วยังเลือกทำร้ายนางเอกเพื่อนางร้าย สมควรทิ้งมันค่ะ...