ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 170

สรุปบท บทที่ 170 นางไม่ต้องการเขาเลย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

อ่านสรุป บทที่ 170 นางไม่ต้องการเขาเลย จาก ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ โดย อารั่ง

บทที่ บทที่ 170 นางไม่ต้องการเขาเลย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อารั่ง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“ในฐานะพระชายา ก็ควรอยู่ในจวนจัดการเรื่องภายในให้ดี!”

น้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้างของนางทำให้หนานหว่านเยียนเกิดความไม่พอใจ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด หนานหว่านเยียนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก…

“องค์ชายสิบสาม องค์ชายสิบสาม เจ้าเป็นอะไรไป?!”

นางมองกลับไปในทันใด เห็นพระชายาสิบกำลังอุ้มองค์ชายสิบสามด้วยความตื่นตระหนกและเป็นกังวล ส่วนองค์ชายสิบสามในเวลานี้เอามือกุมหน้าอกหายใจไม่สะดวก ไอไม่หยุด ดวงตาที่สดใสขมุกขมัวเหมือนปกคลุมด้วยละอองน้ำ ดูท่าทางเจ็บปวดจนเหลือทน

หอบหืดหรือ!?

หนานหว่านเยียนสะดุ้งโหยงรีบวิ่งไปข้างหน้า

ในเวลานี้ฮองเฮาหน้าซีดด้วยความตกใจ รีบตะโกนว่า “รีบตามหมอหลวง! เร็วเข้า!”

ให้ตายสิ! ทำไมจึงมักจะล้มป่วยในเวลานี้นะ!

สวีหว่านหยิงประคององค์ชายสิบสาม มองไปทางหนานหว่านเยียนมือไม้อ่อนไปหมด พูดอย่างร้อนใจ “ทำยังไงดี? พี่สะใภ้หก องค์ชายสิบสามมีอาการหอบหืดตั้งแต่กำเนิด นั่นเป็นสาเหตุที่มารดาของเขา…”

หนานหว่านเยียนสงบสติอารมณ์และพยักหน้าบอกเป็นนัยให้สวีหว่านหยิงอย่าตื่นตระหนก จากนั้นก็เริ่มลงมือเตรียมช่วยชีวิตคน

นางกดจุดเฟ่ยหยูขององค์ชายสิบสามด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเตรียมพร้อมไว้

หนานชิงชิงและเจียงหรูเยว่คอยมองอยู่ข้างๆ ใจเต้นตุ้บๆ

ฮองเฮาเห็นหนานหว่านเยียนกำลังจะลงมืออีกครั้ง ก็รีบตวาดห้าม “หนานหว่านเยียน! คำสั่งของข้าเจ้าทำเป็นหูทวนลมหรือ? หยุดนะ! มีอะไรรอหมอหลวงมาแล้วค่อยว่ากัน!”

องค์ชายสิบสามมีพระชนมายุแปดพรรษา ตามกฎแล้ว เมื่อชายหญิงอายุได้เจ็ดขวบปีจะไม่สามารถนั่งเคียงข้างกันได้ ควรรักษาระยะห่างจากกัน ตอนนี้หนานหว่านเยียนเมินเฉยไม่สนใจนาง กล้าตบหน้านางในที่สาธารณะหรือ?

หนานหว่านเยียนรู้สึกรำคาญ ไฟโทสะพุ่งทะยานขึ้นมา หันขวับกลับไปจ้องเขม็งใส่ฮองเฮา

“เสด็จแม่ นี่มันเรื่องความเป็นความตาย! กว่าหมอหลวงจะมาถึงที่นี่ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูป จะพลาดช่วงเวลารักษาที่ดีที่สุดไป องค์ชายสิบสามอาจตายได้! ถึงเวลานั้นท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”

สวีหว่านหยิงเห็นใบหน้าที่ยังไร้เดียงสาขององค์ชายสิบสามนั้นเหยเกไปหมดแล้ว จึงรีบจับมือของหนานหว่านเยียน

“พี่สะใภ้หก ท่านรีบช่วยองค์ชายสิบสามเถอะ! เขา เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว! เสด็จแม่ ได้โปรดอนุญาตให้พี่สะใภ้หกช่วยองค์ชายสิบสามด้วยเถอะ!”

ฮองเฮาตกตะลึงกับคำถามร้ายแรงของหนานหว่านเยียน พูดอะไรไม่ออก

นางรู้ดีว่าอาการหอบหืดขององค์ชายสิบสามติดตัวมาตั้งแต่ออกจากครรภ์มารดา เขาเป็นองค์ชายที่มีชันษาน้อยที่สุด ทรงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้นางมาดูแลองค์ชายสิบสามแน่นอน

แต่อาการหอบหืดนั้นรักษาไม่หาย มารดาของเขาก็เป็นเช่นนั้น…

โง่จริง วันนี้ลืมให้คนนำยาขององค์ชายสิบสามมาได้อย่างไร!

ฮองเฮามีความคิดนับหมื่นพันอยู่ในใจ แต่เมื่อนางลองคิดดูอีกครั้ง วันนี้หากหนานหว่านเยียนช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้ ตนก็จะมีเหตุผลที่จะลงโทษนางได้อย่างชอบธรรม ถึงขั้นสามารถฆ่านางได้เลย!

ขณะที่ฮองเฮากำลังเอ่ยปากอนุญาต ก็ได้ยินเสียงขันทีตะโกนเสียงสูงว่า “ฮ่องเต้ อ๋องอี้เสด็จ…”

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลทันที กลัวจนขาอ่อนไปหมด คุกเข่าลงคำนับกับพื้น

กู้จิ่งซานเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง ตามด้วยกู้โม่หาน

กู้โม่หานมองหาร่างงดงามในฝูงชน พอเห็นหนานหว่านเยียนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่เมื่อเห็นองค์ชายสิบสามอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เขาก็ขมวดคิ้วก้าวไปข้างหน้า

หัวใจของฮองเฮาเต้นตุ้บๆ ได้ยินกู้จิ่งซานถามสวีหว่านหยิงที่กำลังน้ำตานองหน้าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“พระชายาสิบร้องไห้ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายสิบสาม? พูด! เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

สวีหว่านหยิงทรุดลงกับพื้น เช็ดน้ำตาไปพลาง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง “สะ…เสด็จพ่อ น้องสิบสามเป็นโรคหอบหืด พี่สะใภ้หกอยากช่วยเขา แต่เสด็จแม่ห้ามไว้ ไม่ให้นางช่วย ลูก ลูก…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฮองเฮาก็มืดมนลงราวกับเขม่าก้นหม้อทันที

ไม่รอให้กู้จิ่งซานได้ตอบสนองใดๆ หนานหว่านเยียนก็เอื้อมมืออีกข้างไปกดจุดซินซู่และเก๋อซู่ขององค์ชายสิบสาม แล้วชิงพูดขึ้นก่อนด้วยสายตาอันเฉียบคม

“รีบช่วยคนเร็วเข้า! ไม่งั้นจะสายเกินไป…”

กู้โม่หานได้ยินสิ่งที่พระชายาสิบพูด ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเดินไปหาหนานหว่านเยียน “รีบช่วยน้องสิบสาม”

เขาเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของนาง

หนานหว่านเยียน “อืม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮองเฮาก็อยากจะหั่นนางให้เป็นชิ้นๆ หนานชิงชิงก็แอบเกลียดนางอยู่ กัดฟันนึกสาปแช่งเจียงหรูเยว่อยู่ในใจ นังหมูโง่เอ๊ย!

สีหน้าของกู้จิ่งซานยิ่งบูดบึ้ง เขาจ้องเขม็งใส่ฮองเฮาด้วยสายตาอันคมกริบ

“เจ้าห้ามพระชายาอี้ไม่ให้ช่วยชีวิตผู้คนในอนาคตหรือ? ฮองเฮานะฮองเฮา ข้าว่าเจ้านี่เลอะเลือนนัก! เป็นเพราะข้าตามใจเจ้ามากเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้เจ้ากล้าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ออกมาได้!”

หากหนานหว่านเยียนไม่ออกมือช่วยเหลือในวันนี้ สิบสามอาจจะไปพบพญายมแล้วก็ได้

ฮองเฮาตกใจกับสีหน้าของกู้จิ่งซานจนขาอ่อน รีบคุกเข่าลงดังพรึ่บ

นางเอ่ยปากอย่างขัดเคืองใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนา สิ่งที่เจียงหรูเยว่พูดนั้นไม่เป็นความจริง ท่านอย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล”

“หม่อมฉันเลอะเลือนเอง ไม่ควรขัดขวางไม่ให้พระชายาอี้ไปช่วยคน! แต่หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะสั่งให้ใช้กำลังบีบบังคับพระชายาอี้เลย!”

นางยืนกรานไม่ยอมรับว่าตนเคยพูดเช่นนี้ ทำให้เจียงหรูเยว่สับสนมึนงง

เมื่อครู่ยังพูดอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมรับเสียแล้ว? นางคงไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม!

แขนเสื้อของกู้จิ่งซานสะบัดอย่างแรง ความโกรธแสดงออกมาอย่างชัดเจน ทั่วทั้งตำหนักหยูซินสั่นสะเทือน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ

หนานหว่านเยียนที่กำลังช่วยชีวิตคนอยู่อีกด้านหนึ่ง ชำเลืองมองพวกเขาอย่างสงบ นัยน์ตาฉายแววเย้ยหยัน

แต่นางไม่ได้เปิดโปง สายตาจับจ้องไปที่องค์ชายสิบสาม สายตาคลุมเครือ มือขยับไปเรื่อยๆ จดจ่ออยู่กับการรักษา

กู้โม่หานนิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังคำพูดของฮองเฮาและบรรดาสตรีสูงศักดิ์ สายตาจับจ้องไปที่หนานหว่านเยียน

เขาเห็นนางจดจ่ออยู่กับการช่วยคน ไม่ตื่นตระหนก สุขุมเยือกเย็น

เขาเดาไม่ผิด หนานหว่านเยียนต้องพบปัญหาแน่นอน

แต่นางกลับมีความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้โม่หานตระหนักอย่างชัดเจนว่า…

หนานหว่านเยียนมีความสามารถและมีฝีมือ นางไม่ต้องการเขาเลย…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้