ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 196

หนานหว่านเยียนยังอารมณ์ดีอยู่ แต่เห็นกู้โม่หานก็หมดอารมณ์ทันที

นางหรี่ตามองกู้โม่หานอย่างไม่สบอารมณ์

“ข้ามีสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหว จะไปไหนก็ได้ ไม่เกี่ยวกับเจ้า?”

ว่าแล้ว นางก็หันไปมองเสิ่นอี่ร์ที่อยู่ข้างกู้โม่หาน ยิ้มให้กับเสิ่นอี่ร์: “เจ้าเป็นยังไงแล้วบ้าง?”

เสิ่นอี่ร์ยกมือคารวะหนานหว่านเยียน: “เพราะพระชายา ตอนนี้ข้าน้อยหายดีแล้ว ขอบพระคุณพระชายาที่ช่วยข้าน้อยเอาไว้”

หนานหว่านเยียนปัดมือ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หายดีแล้วก็ดีแล้วล่ะ”

เห็นหนานหว่านเยียนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แต่กลับยิ้มให้กับเสิ่นอี่ร์อย่างสดใส กู้โม่หานรู้สึกรำคาญใจมาก

เขารู้ว่าหนานหว่านเยียนโกรธเขา เพราะยังไงเมื่อวานก็เพิ่งทะเลาะกันมา ดังนั้นเขาก็เลยหันไปมองเด็กสองคนแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เกี๊ยวน้อยซาลาเปาน้อย ท่านแม่จะพาพวกเจ้าไปไหนเหรอ?”

เด็กสองคนกลับไม่สนใจเขา แล้วเอาขนมหวานออกมา ยิ้มแล้วยัดไปที่มือของเสิ่นอี่ร์

“พี่เสิ่นอี่ร์ อันนี้ให้พี่เจ้าค่ะ กินเยอะๆนะเจ้าคะ!”

ว่าแล้ว เกี๊ยวน้อยก็ตั้งใจเหลือบมองกู้โม่หาน เบะปากให้เขาอย่างไม่พอใจ ทำหน้าบึ้งให้เขา

เสิ่นอี่ร์รับไว้อย่างเขินอาย เกาหัวแล้วไว้ในกระเป๋า “ขอบคุณคุณหนูสองท่านขอรับ”

กู้โม่หานมองเสิ่นอี่ร์ที่รับเอาไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองเสิ่นอี่ร์ที่ยิ้มให้กับสามแม่ลูกอย่างสดใส

สามแม่ลูกพูดดีกับเสิ่นอี่ร์มากซึ่งแตกต่างจากเขามาก กู้โม่หานเหมือนถูกหนามทิ่มแทงหัวใจ ไม่เพียงแต่เจ็บเท่านั้น ยังปวดด้วย

เขาเอาความโกรธไปลงที่อวี๋เฟิง “ข้าถามเจ้า พวกนาง จะไปไหน?!”

ถ้าหนานหว่านเยียนพาเด็กสองคนหนีไป เขาจะขังหนานหว่านเยียนไว้ ไม่ให้เจอใครทั้งนั้น!

อวี๋เฟิงได้ยินแล้ว กลอกตามองบนแกล้งสลบ

ถ้าเขาพูดคงได้ตายจริงแน่ ไม่พูดก็ตายเหมือนกัน แต่ยังไงก็ยังได้อยู่บนโลกนี้ต่อ

อวี๋เฟิงแกล้งตาย เด็กสองคนก็แอบปิดปากหัวเราะด้านหลังหนานหว่านเยียน พูดคุยกับเสิ่นอี่ร์อย่างสนุกสนาน

กู้โม่หานก็รู้สึกโมโห ความรู้สึกไม่พอใจครอบงำจิตใจ

สายตาของเขาเหมือนมีด ทิ่มแทงเสิ่นอี่ร์ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง น้ำเสียงเย็นชา แล้วลากคอเสื้อเขาออกไปด้านนอก “พูดอะไรเยอะ ไป!”

“ท่าน ท่านอ๋อง……” เสิ่นอี่ร์เกือบโดนกู้โม่หานรัดคอจนหายใจไม่ออก เขามองหนานหว่านเยียนอย่างตกใจ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมท่านอ๋องถึงโกรธขนาดนี้

กู้โม่หานลากเขาออกจากจวน แล้วเดินไปทางตะวันตก

ภายในจวน อวี๋เฟิงยังแกล้งตายอยู่บนพื้น หนานหว่านเยียนมองเขาอย่างเหนื่อยใจ “หมอนั่นไปแล้ว เจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก?”

อวี๋เฟิงก็แอบลืมตามองข้างๆ แน่ใจว่าไม่เห็นกู้โม่หานแล้ว ก็ถึงกระเด้งตัวขึ้นมา ถอนหายใจแล้วพูดกับหนานหว่านเยียนว่า “ท่านอ๋องแข็งแกร่งมากจริงๆ ข้าน้อยละอายใจนัก”

จากนั้น เขาก็เห็นสองพี่น้องแอบยกนิ้วโป้งให้เขา แล้วยิ้มอย่างดีใจ

อวี๋เฟิงแอบพูดในใจ: ครั้งหน้าถึงตายเขาก็จะไม่ยอมช่วยคุณหนูสองท่านแล้ว ขอร้อง ขอร้องเถอะ!

หนานหว่านเยียนไม่คิดอะไร อารมณ์ดี แล้วพาเด็กสองคนออกจากจวนอย่างดีอกดีใจ เดินไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับกู้โม่หาน

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มาเดินเที่ยวอย่างจริงจังหลังจากที่มาถึงซีเหย่ และยังมีเด็กสองคนนำทางไปด้วย ในใจก็รู้สึกดีใจมาก

อวี๋เฟิงก็เดินตามหลังเงียบๆ สายตากวาดตามองถนน เหมือนกำลังตามหาอะไรอยู่

แต่ไม่มีคนสังเกตเห็น มุมถนนมีสองคนเดินผ่าน กำลังแอบเดินตามพวกเขาอยู่

เสิ่นอี่ร์ลูบคอที่โดนรัดจนแดงเผือด มองกู้โม่หานด้วยสายตาสงสัย แล้วถามเสียงเบาว่า: “ท่านอ๋อง พวกเราจะไปค่ายเสินเชื่อไม่ใช่เหรอ?”

ตอนนี้กู้โม่หานเห็นเสิ่นอี่ร์ก็โมโหมาก เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ยังจะไปค่ายเสินเชื่ออีกทำไม?! เจ้าไม่เห็นเหรอว่าวันนี้หนานหว่านเยียนไม่ปกติ?”

วันนี้เขาจะตามไปดูว่า หนานหว่านเยียนคิดจะทำอะไรกันแน่!

เสิ่นอี่ร์ก็รีบหุบปาก ตามหลังกู้โม่หานแล้ว ‘เดินตาม’ สามแม่ลูก

ตอนที่เดินผ่านตลาด มีคนกำลังแสดงละคร เกี๊ยวน้อยก็ลากหนานหว่านเยียนไปดูอย่างแปลกใจ

หนานหว่านเยียนอุ้มซาลาเปาน้อยไว้ แล้วมองเข้าไป

หนานหว่านเยียนเห็นมายากลของยุคโบราณเป็นครั้งแรก อดไม่ได้รู้สึกแปลกตา ก็เลยเดินเข้าไปใกล้

อวี๋เฟิงมองดูอยู่ข้างหลัง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมาก สองมือกำหมัดไว้แน่น อดไม่ได้ตะโกนออกไป

ใกล้แล้วๆ เร็ว——

‘ปัง’ เสียงดังขึ้น คณะละครนั้นพ่นเหล้าใส่คบเพลิง และไฟที่โหมกระหน่ำนั้นอันตรายมากจนทำให้ผู้ชมตกใจ และหนานหว่านเยียนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อดไม่ได้ตกใจจนหัวใจเต้นรัว

ซาลาเปาน้อยตกใจจนกลั้นหายใจไว้ มีเพียงเกี๊ยวน้อยที่ตื่นเต้นมาก ปรบมือในหมู่ผู้คนอย่างดีอกดีใจ แล้วพูดว่า: “ดี! ดีมาก! สนุกจัง!”

พอพูดจบ หญิงสาวที่เป็นตัวแทนของคณะละครก็ยื่นมือเปล่าของนางเข้าไปในเปลวไฟ สายตาของทุกคนถูกดึงกลับมาทันที ไม่กล้าหายใจ เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาว

ทันใดนั้น นางก็เสกดอกกุหลาบสีแดงสวยงามขึ้นมาจากเปลวเพลิง

วินาทีนี้ ทำเอาทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง ต่างก็พากันปรบมือเสียงดัง!

หนานหว่านเยียนแค่มาดูเอาสนุก แต่นางไม่คิดเลยว่ามายากลโบราณจะไม่ด้อยไปกว่ามายากลสมัยใหม่เลย

นางเข้าไปดูใกล้ๆ กลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติเลย

นางดูจบ ก็พาเด็กสองคนกลับหลังหันเดินออกไป ด้านหลังกลับมีเสียงของหญิงสาวดังขึ้น: “ช้าก่อน”

หนานหว่านเยียนหันกลับไปมอง หญิงสาวที่เล่นมายากลก็ยื่นดอกกุหลาบให้กับนาง “ดอกไม้สีแดงคู่ควรกับหญิงงามเท่านั้น”

ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น แล้วรับดอกไม้เอาไว้ “ขอบใจมาก”

แขกคนอื่นๆต่างพากันโหร้อง เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็โหร้องอย่างดีใจ ‘พี่เยียนเก่งมากเลย’

อวี๋เฟิงเห็นแล้วก็เกือบน้ำตาไหล

เขาทำงานหนักตลอดทั้งคืน แต่โชคดี นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ต่อไป ถึงเวลาให้พระชายาได้สัมผัสกับ ‘ของขวัญ’ จริงแล้วล่ะ

บนโรงเตี๊ยมข้างๆ กู้โม่หานเห็นทุกอย่างจากบานหน้าต่าง

“หญิงแพศยา……” เขาบ่นพึมพำ ใบหน้ามืดมนไปหมด

คณะละครนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?!

ดอกไม้นี้ให้คนแบบนี้ได้เหรอ? ดอกไม้นี้หมายถึงอะไร……มันคือดอกไม้แห่งความรักเชียวนะ!

ทันใดนั้น เสิ่นอี่ร์ก็เตือนเขาอย่างระมัดระวังว่า: “ท่านอ๋อง อย่าใช้แรงสิขอรับ บานหน้าต่างแตกแล้วขอรับ——”

พอพูดจบ เสียง ‘แกรก’ ดังขึ้น พลังภายในของกู้โม่หานแผ่ซ่านออกมา ทำเอาบานหน้าต่างแตกออก……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้