ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 206

หวางหมัวมัวเดินตัวสั่นไปทางหนานหว่านเยียน “เหนียงเหนียงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

แม้ว่าหนานหว่านเยียนจะเป็นสตรีชั่วร้ายยิ่งนัก แต่ในเมื่อท่านอ๋องไว้ใจนาง ฮ่องเต้ทรงเอ่ยปากด้วยพระองค์เอง หวางหมัวมัวมิสนใจเรื่องอื่น นางกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหยีเฟยเท่านั้น

เมื่อเห็นท่าทางของหนานหว่านเยียนอันเหนื่อยล้า ท่าทีของหนานชิงชิงก็สั่นไหว หางตาของนางก็ยิ้มเยาะ

มองดูแล้วน่าจะไม่ดีนัก

กู้โม่เฟิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “ช่วยหยีเฟยได้หรือไม่?”

หนานหว่านเยียนมองไปทางกู้โม่หานแล้วหันไปโค้งกายต่อกู้จิ่งซาน “ทูลเสด็จพ่อ ในวันนี้ลูกได้พยายามช่วยเสด็จแม่สุดความสามารถแล้ว เสด็จแม่ปลอดภัย เพียงแต่ยังมิอาจฟื้นตื่นขึ้นได้ในเวลาอันสั้น”

“ลูกขอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อตรวจดูอาการต่อ”

เวลาหนึ่งชั่วโมง ไข้น่าจะลดแล้ว

กู้โม่หานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้ของหนานหว่านเยียนเป็นเสมือนกำลังใจให้กู้โม่หานมีแรงสู้ “ขอบใจเจ้ามาก”

หนานหว่านเยียนมองไปทางเขาโดยมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา

ชีวิตของหยีเฟยนั้น หยีเฟยสู้มาด้วยตนเอง

การที่นางรักษาหยีเฟย เป็นเพียงหน้าที่รับผิดชอบของหมอคนหนึ่งเท่านั้น

ดวงตาของกู้จิ่งซานมืดมนลง แต่นับว่าผ่อนคลายลงมิน้อย

“หากช่วยนางได้เป็นเรื่องดียิ่งนัก ข้าขอมอบรางวัลคุณงามความดีของพระชายาอี้ในครั้งนี้”

สีหน้าของฮองเฮากลับมิพอใจ ดูถูกดูแคลน

ยังมิทันได้มีผลงานอะไร จะเอารางวัลมาจากที่ใด!

หนานหว่านเยียนมิรู้ว่าฮองเฮากำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางได้แต่ยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วหยิบหน้ากากอนามัยที่เอาออกมาจากมิติยืนส่งไปให้หวางหมัวมัวซึ่งกำลังยืนลูบอกตนเองด้วยความโล่งใจ

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ เช่นนี้ลูกก็สามารถรักษาได้อย่างสบายใจแล้ว”

“อาการปอดบวมของเสด็จ แม่คาดว่าต้องใช้เวลารักษาสามสิบวัน เจ็ดวันแรกเป็นช่วงที่สำคัญยิ่งนัก และในสามวันแรกนอกจากลูกกลับหวางหมัวมัวแล้ว คนอื่นห้ามเข้าใกล้เสด็จแม่”

กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ในเจ็ดวันแรกมีความสำคัญยิ่งนัก ดูเหมือนว่าเขาจะต้องส่งคนมาคุ้มครองเสด็จแม่สักหน่อย

หนานชิงชิงมิได้สนใจเรื่องนี้ นางเหลือบมองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยความเย็นชา

นับแต่โบราณมา ยังมิเคยเห็นว่าผู้ใดที่เกิดไข้สูงติดต่อกันแล้วจะมีชีวิตรอดได้

บัดนี้หนานหว่านเยียนปิดกั้นมิให้ผู้ใดเข้าไปดู นั่นหมายความว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป หรือไม่ก็เพียงแค่กลอุบาย

นางเพียงนั่งรอดูจนกระทั่งหนานหว่านเยียนมิอาจเสแสร้งต่อไปได้ จากนั้นค่อยตบหน้าหนานหว่านเยียนสักฉาด

กู้โม่เฟิงขมวดคิ้วเข้าหากัน น้ำเสียงของเขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ในเมื่อเสด็จพ่อไว้ใจเจ้ายิ่งนัก เช่นนั้นเจ้าจงช่วยหยีเฟยเหนียงเหนียงอย่างเต็มความสามารถด้วย!”

หนานหว่านเยียนได้ยินดังนั้นก็มองไปทางกู้โม่เฟิงอย่างเหลือเชื่อ

กู้โม่เฟิงเป็นอะไรไปกัน?

เหตุใดในวันนี้เขาดูเหมือนมีมนุษยธรรมมากกว่าวันอื่นๆ แตกต่างกับตอนที่อยู่ในค่ายทหารวันนั้นอย่างสิ้นเชิง

เขาแสดงออกมาหรืออย่างไร?

หนานหว่านเยียนมิอาจเข้าใจ แต่กู้โม่หานเข้าใจอย่างดี

เขามองไปทางกู้โม่เฟิง ในใจรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าอ๋องเฉิงจะมิได้ไร้ซึ่งมนุษยธรรมไปเสียทีเดียว อย่างน้อยเขายังคงจดจำความอบอุ่นอ่อนโยนในช่วงเวลาวัยเด็กระหว่างตนและเสด็จแม่ได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าและเจ้าหกก็จงพำนักอยู่ที่นี่ในช่วงเจ็ดวันที่สำคัญ รอเมื่อหยีเฟยดีขึ้นแล้ว เจ้าทั้งสองค่อยกลับไป

ระหว่างนี้ ข้าจะให้หมอหลวงเจียงมาช่วยเจ้า”

หมอหลวงเจียงกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้