หนานหว่านเยียนหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม นางมิอยากไปใส่ใจอารมณ์ของเขา ถึงอย่างไรอีกห้าเดือนนางก็จะได้จากไปแล้ว
“ข้าต้องการเสื้อผ้า จงสั่งให้คนเอามา!”
นางใช้เขาราวกับทาสหรือ?
กู้โม่หานกำหมัดแน่น จากนั้นเดินออกไปเลือกเสื้อผ้าให้นางอย่างเชื่อฟัง
ทำอย่างไรได้เล่า ชีวิตของเสด็จแม่อยู่ในกำมือของนาง
เมื่อหนานหว่านเยียนเห็นเขาเดินทางจากไปแล้ว จึงได้ขึ้นเตียงพักผ่อน
ช่วงเวลาที่อยู่ในพระราชวังนี้ นางจะต้องยื้อชีวิตของหยีเฟยมาให้ได้ นางจะได้กลับไปหาลูกของนาง และรับท่านน้ากลับมาที่จวน
อีกอย่าง ท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อหยีเฟยในวันนี้ราวกับเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก หากนางรักษาหยีเฟยได้จริงละก็ คาดว่าคงจะร้องขอป้ายละตายอาญาสิทธิ์จากฮ่องเต้ได้
แน่นอนว่าป้ายละตายอาญาสิทธิ์นั้น แม้จะอยากได้ก็ยากที่จะได้มา หากมิได้ก็มิเป็นไร ขอเพียงนางได้กลับบ้านก็พอ......
กู้โม่หานเลือกหาเสื้อผ้าให้แก่หนานหว่านเยียนด้วยความหงุดหงิดโมโห ตอนที่กลับมาอีกครั้ง พบว่านางนอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว
คิ้วและดวงตาของนางดูอ่อนล้า ท่าทีของชายหนุ่มซับซ้อนขึ้นในทันใด
แม้นางจะเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่เพียงแค่นางอ้าปากเอ่ยก็ทำให้ผู้คนโมโหหงุดหงิดได้
กู้โม่หานวางเสื้อผ้าของนางลงข้างเตียง แล้วกลับไปเอนกายลงบนที่นอนของตน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อฮองเฮากลับมายังตำหนักหยูซิน อ๋องเฉิงและพระชายาก็ได้พำนักอยู่ที่พระราชวังด้วย
หนานชิงชิงเอนกายไปที่เตียงอย่างเกียจคร้าน กู้โม่เฟิงนั่งอยู่ข้างนางทำท่าทีครุ่นคิด
หนานชิงชิงเหลือบตามองเขาจู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับจะลองเชิงว่า
“ท่านอ๋อง มิรู้ว่าน้องสาวข้านั้น ความรู้ของนางจะนำมาใช้รักษาหยีเฟยเหนียงเหนียงได้หรือไม่ แต่......หากว่าหยีเฟยเหนียงเหนียงสิ้นใจไปจริงละก็ จะสร้างความเสียหายด้านสภาพจิตใจให้แก่น้องหกมิน้อย”
แม้นางจะกล่าวเช่นนั้น แต่สิ่งที่นางต้องการเห็นก็คือหนานหว่านเยียนที่สูญเสียทุกสิ่งอย่าง
บัดนี้ทักษะทางการแพทย์ของหนานหว่านเยียนค่อนข้างโดดเด่น จึงทำให้มีชื่อเสียงอันดี หากจะปล่อยให้หนานหว่านเยียนช่วยเหลือหยีเฟยสำเร็จ คาดว่านางจะมีชื่อเสียงมากในอนาคต
หนานชิงชิงต้องการจะหยิบยกเรื่องนี้มาเคลื่อนไหวปรุงแต่ง เพื่อที่ต้องการดูทัศนคติของกู้โม่เฟิง
กู้โม่เฟิงขมวดคิ้ว เหลือบตามองไปที่นางราวกับได้ยินคำบางอย่างที่มิควร เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าอย่าคิดกระทำการชั่ว”
“กู้โม่หานนั้นสมควรตายก็จริง แต่หยีเฟยนับได้ว่าตายไปแล้ว มิควรจะจุดไฟไปที่นาง”
เขาต้องการแย่งตำแหน่งรัชทายาท ในฐานะองค์ชาย หากเขามิเข้าแย่งตำแหน่งแล้วจะปกป้องตนเองอย่างไร
แต่กู้โม่หานก็ต้องการชีวิตเขา
ด้วยเหตุนี้เองกู้โม่เฟิงจึงอยากจะให้กู้โม่หานตาย
แต่นี่เป็นเรื่องความคับแค้นระหว่างพี่น้อง มิจำเป็นต้องเอาหยีเฟยเข้ามาเกี่ยวข้อง
หากต้องการใช้เหตุผลของ หยีเฟยมาข่มขู่กู้โม่หาน เสด็จแม่คงจะช่วยเขาตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงต้องรอจนถึงบัดนี้......
“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ......” หนานหว่านชิงกัดฟัน ราวกับตั้งใจจะเอ่ยบางอย่างออกมา แต่กู้โม่เฟิงเอนกายลงไปที่เตียงหันไปด้านข้างมิอยากฟัง
น้ำเสียงของเขาดูไร้ซึ่งความอดทน กล่าวอย่างดุเดือดว่า “มิจำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ วันพรุ่งนี้เจ้าจงกลับไปที่จวนอ๋องเฉิงเถิด ลูกยังเล็กนัก อย่าได้ปล่อยให้แม่นมดูแลไปเสียทุกเรื่อง”
หนานชิงชิงโมโหหงุดหงิด กู้โม่เฟิง ไอ้คนโง่เง่าหัวรั้น!
นางแอบเกลียดและโกรธแค้น กัดฟันด่าแช่งอยู่ในใจ
“ไอ้พวกมิมีความทะเยอทะยาน โอกาสแสนดีเช่นนี้มาอยู่ตรงหน้าเจ้า กลับมิยอมลงมือ ปล่อยให้อ๋องอี้และพระชายาของเขาแย่งไปได้”
เห็นได้ชัดว่ากู้โม่เฟิงมิต้องการรับรู้สิ่งใด หนานชิงชิงจึงมิได้กล่าวอะไรออกหมัวมัวกความ นางหันหลังกลับไปนางครุ่นคิด
บัดนี้ทุกอย่างเป็นอย่างไรยังมิรู้ หนานหว่านเยียนอาจจะมิได้มีความสามารถเก่งกาจเช่นนั้น
ถึงยังไงหยีเฟยนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราเช่นนี้เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ประกอบกับอาการเจ็บป่วยของนางในครั้งนี้ก็หนักหนา แม้แต่หมอหลวงก็ประกาศแล้วว่าใกล้สิ้นใจ หนานหว่านเยียนคิดจะไปต่อสู้กับยมทูตงั้นหรือ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็สะลึมสะลือแล้วหลับไป
ค่ำคืนนี้ทุกอย่างเงียบสงบ
เช้าวันต่อมา
กู้โม่หานและภรรยาตื่นขึ้นในเวลาพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนมองหน้าแล้วชะงักลงเล็กน้อย
กู้โม่หานเห็นใบหน้าของหนานหว่านเยียนที่เพิ่งตื่นยังคงมีรอยแดงเล็กน้อย เขาจึงหันหนี
“ลุกขึ้นได้แล้ว รีบไปดูเสด็จแม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้