ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 208

เบื้องหลังการแต่งงานนี้ เหตุใดจึงซับซ้อนนัก

มิแปลกใจเลยที่กู้จิ่งซานจะพยายามปกป้องเจ้าของร่างเดิม

ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนของฮ่องเต้

แต่......แต่กู้โม่หาน มีอะไรให้เคลื่อนไหวกันเล่า?

ชั่วพริบตาเดียว อารมณ์ความนึกคิดของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนไปมากมาย นางเริ่มเป็นกังวล แต่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยด้วยเกรงว่าจะถูกฮ่องเต้มองออก

นางกำลังคาดเดาว่ากู้โม่หานมีสิ่งใดคู่ควรให้ฮ่องเต้ต้องคอยจับตามองด้วย แม้แต่กระทั่งส่งคนไปคอยจับตาอยู่ข้างกายเขา

จู่ๆ นางก็นึกถึงสิ่งที่เซียงอวี้กล่าวขึ้นในห้องวันนั้น

กู้โม่หานมีความเชี่ยวชาญในทุกด้าน เมื่อห้าปีก่อนเขาออกสู้รบที่ชายแดน พิชิตผิงหยางมีม้าและทหารมากมายนับพัน พิชิตเมืองโจรสิบสามแห่งในทางใต้ได้ เขาได้ดินแดนที่สูญเสียกลับคืนมา เอาชนะใจผู้คนมากมาย

ชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ หากมิใช่เพราะสุขภาพร่างกายของหยีเฟยย่ำแย่ลง จึงทำให้กู้โม่หานต้องวางมือ ต้องการจัดการจวนเฉิงเซี่ยงอย่างเด็ดเดี่ยว คาดว่าบัดนี้กำลังทหารของเขาคงจะแข็งแกร่งจนน่ากลัว

แต่ฮ่องเต้ซึ่งอยู่ตรงหน้า ตัวเขาเองก็ยังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง แน่นอนว่ามิต้องการถูกลูกของตนเองเข้ามาแทนที่ในเวลาอันเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อห้าปีก่อนเขาจึงได้ให้นางแต่งงานกับกู้โม่หาน จากนั้นนางก็กลายเป็นหมากตัวหนึ่งในมือเขา

แม้ว่าในความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างจะมิมีเรื่องราวเหล่านี้อยู่ แต่วันที่นางออกเรือนดูคลับคล้ายคลับคลาว่าหนานฉีซานกล่าวกับเจ้าของร่างเดิมด้วยความหนักแน่นว่า “จำไว้ให้ดี อย่าลืมคำกำชับวัตถุประสงค์ของท่านผู้นั้น”

กู้จิ่งซานเห็นว่าหนานหว่านเยียนดูเหม่อลอยด้วยความงุนงง จึงตำหนิว่า “หนานหว่านเยียน!”

หนานหว่านเยียนจึงรีบดึงสติกลับคืนมา นางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพบว่ากู้จิ่งซานผู้นี้ลึกล้ำเกินคาดเดา

นางคิดหาคำตอบที่ค่อนข้างจะเป็นกลาง “ทูลเสด็จพ่อ บัดนี้ยังมิมีความเคลื่อนไหวใดเพคะ อ๋องอี้มิได้ประพฤติตนมิถูกขนบธรรมเนียม และมิเคยแอบติดต่อกับผู้ใดลับหลัง”

กู้จิ่งซานเงยหน้าขึ้น สายตามองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยความเย็นชา “จริงหรือ เจ้ามิได้กำลังเอ่ยแทนเขาใช่หรือไม่?”

“ลูกมิกล้าเพคะ บัดนี้สิ่งที่อ๋องอี้ต้องการก็คือช่วยชีวิตหยีเฟยเหนียงเหนียง ห้าปีมานี้ เขามิได้เดินทางไปที่ค่ายทหารเท่าไรนัก มีเพียงครั้งก่อนที่ให้ลูกไปช่วยชีวิตผู้คนไว้”

แววตาของฮ่องเต้เป็นประกาย “เช่นนั้นก็ดี”

ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบอันพึงพอใจ มุมปากเผยอโค้งขึ้นอย่างน่าประหลาด มองไปหนานหว่านเยียนรู้สึกขนลุกขนพอง

นางได้เรียนรู้ถึงความน่ากลัวของราชวงศ์อีกครั้ง

ถึงจะว่าอย่างไร กู้โม่หานก็เป็นโอรสของฮ่องเต้ หัวใจของฮ่องเต้ลึกล้ำเกินคาดเดา บัดนี้เพื่อตำแหน่งและบัลลังก์นั้น เขามิยอมรับญาติคนใด บัดนี้แม้แต่โอรสของตนก็ต้องคอยระมัดระวัง

หนานหว่านเยียนรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่นางมิได้กล่าวเรื่องลูกทั้งสองคนออกมา

บัดนี้เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว เนื่องจากกู้จิ่งซานหวาดกลัวระแวงกู้โม่หาน ดังนั้นหากเด็กๆ ทั้งสองคนปรากฏตัวตนขึ้น กู้โม่หานก็คงจะได้ขึ้นกลายเป็นไท่จื่อ เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ที่ตายอาจมิใช่กู้โม่หานเพียงคนเดียว......

หัวใจของหนานหว่านเยียนฟุ้งซ่าน กู้จิ่งซานดูเหมือนนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ เขาเลิกคิ้วมองไปทางหนานหว่านเยียนเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “อาการของหยีเฟยเป็นอย่างไรบ้าง พอจะรักษาได้หรือไม่”

หนานหว่านเยียนชะงักลงแล้วโค้งกายคารวะ “ลูกจะต้องรักษาเสด็จแม่ให้หายได้อย่างแน่นอน”

หรือว่าฮ่องเต้ยังคงรักและเป็นห่วงหยีเฟยอยู่?

มิว่าอย่างไร การรายงานตามความจริงก็คงมิผิด

สีหน้าของกู้จิ่งซานดูคลุมเครือและตอบว่า “แล้วอาการนอนติดเตียงของนางเล่า”

หนานหว่านเยียนกำลังจะตอบว่าให้เวลานางสักนิดแล้วนางจะทำให้หยีเฟยฟื้นขึ้นมาเอง

แต่จู่ๆ กู้จิ่งซานก็ได้กล่าวบางอย่างซึ่งทำให้นางหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย

“มิจำเป็นต้องรักษาหรอก ให้นางเป็นเช่นนั้นต่อไปเถอะ เพียงแค่มิตายก็พอ”

มิรักษาแล้วหรือ?

หนานหว่านเยียนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

นี่มัน......

“ทำไมรึ เจ้าอยากช่วยหยีเฟยหรืออย่างไร?” คำพูดของกู้จิ่งซานแฝงไปด้วยความกดดัน แววตานั้นจับจ้องมองไปที่หนานหว่านเยียน ทำให้นางหนาวสั่นไปถึงสันหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้