ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 255

หนานหว่านเยียนเครียด ฮ่องเต้ไม่ได้รักหยีเฟยอยู่แล้ว ตอนนี้หยีเฟยใกล้ตาย เกรงว่าจะตรงกับที่เขาคิดไว้ ไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆแน่

และคนที่คิดทำร้ายนางก็วางแผนมาอย่างดี หลักฐานพวกนี้เพียงพอต่อการใส่ร้ายว่านางคิดสังหารได้แล้ว

นางจะสติแตกไม่ได้ นางต้องพูดให้ฮ่องเต้ลำบากใจ เพื่อให้ฮ่องเต้บอกให้นางเข้าไปช่วยคนให้ได้

หนานชิงชิงมองด้วยแววตาเย็นชา ครั้งนี้นางวางแผนมาอย่างดี หนานหว่านเยียนไม่มีทางพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนแอบช่วยนางด้วย——เดิมทีนางไม่สามารถเข้าใกล้หยีเฟยได้เลย ดังนั้นการจะใส่ยาพิษเข้าไปในขวดยาของหนานหว่านเยียนนั้นยากมาก ตอนนี้ร่างกายของหยีเฟยก็มียาพิษชนิดนี้ เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่อยากให้หยีเฟยตายนั้น ไม่ได้มีแค่นางคนเดียว

ตอนนี้แค่ต้องรอให้หยีเฟยสิ้นใจ……หนานหว่านเยียนก็จะพ่ายแพ้ทันที!

กู้โม่หานกลับร้อนใจมาก มองดูหยีเฟยที่ทรมาน นัยน์ตาสีดำนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากำหมัดแน่น แต่กลับทำได้แค่ทำตามคำสั่ง “ขอรับ เสด็จพ่อ”

“เสด็จพ่อ ลูกอธิบายได้ขอรับ!” ฝ่ามือหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่กลับใจเย็นมาก สายตาจ้องไปยังฮ่องเต้

“หนึ่ง ขวดยาพวกนี้เป็นยาที่ใช้ครั้งเดียว ไม่มียาพิษ นี่เป็นแค่อุปกรณ์ช่วยชีวิตคน ก่อนจะใช้เข็มเงินช่วยชีวิตคน ก็มีคนคิดว่าจะทิ่มแทงคนจนตาย แต่ความจริงแล้ว กลับช่วยคนได้เยอะมาก”

“และอุปกรณ์การแพทย์พวกนี้ ลูกเคยใช้กับทหารในจวนของท่านอ๋องมาก่อน ถ้ามียาพิษจริง เขาก็คงเกิดปัญหาไปแล้ว แต่เขาไม่ได้เป็นอะไรเลย เรื่องนี้หมอหลวงเจียงเป็นพยานให้ลูกได้”

หมอหลวงเจียงพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง ลูกเป็นพยานให้ได้”

ฮ่องเต้มองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาที่เย็นชา “อุปกรณ์การแพทย์? ข้าเชื่อเจ้าได้ แต่ของพวกนั้นมีแต่เจ้าที่เคยแตะต้อง เจ้าพิสูจน์ได้เหรอว่า เจ้าไม่ได้วางยานั่นจริงๆ?”

“เพคะ นี่เป็นข้อสองที่ลูกจะพูด และเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

หนานหว่านเยียนมองไปยังขวดยาที่มีสีสัน

“ขวดยาพวกนี้ใช้งานแล้ว ลูกจะทิ้งทันที ก่อนจะทิ้ง ลูกเอามาวางรวมกันก่อนสักพัก จากนั้นก็ค่อยฆ่าเชื้อ ขวดยาในตอนนั้นสะอาดและไม่มีสี เรื่องนี้หวางหมัวมัวกับหมัวมัวคนอื่นที่ดูแลหยีเฟยเป็นพยานให้ลูกได้ แต่ตอนนี้ ในขวดยากลับมีสีม่วงแดงตกค้างอยู่ นี่เป็นสารยาพิษบัวแปดหัวใจ! และล้างไม่ออกด้วย เห็นได้ชัดว่า ยาพิษถูกใส่หลังจากนั้น”

ทุกคนหันไปมองขวดยา มีสีจริงๆด้วย

หวางหมัวมัวก็ร้อนใจ ออกมาพูดเพื่อหนานหว่านเยียน “ฝ่าบาท หลังจากพระชายาใช้ขวดยาเสร็จแล้ว พระชายาจะล้างให้สะอาดเสมอ ไม่มีทางมีสีตกค้างแน่นอน”

หมอหลวงเจียงก็พูดต่อ: “ฝ่าบาท ถ้าหากในขวดยามีสารพิษบัวแปดหัวใจอยู่ ไม่มีทางล้างสะอาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานจ้องมองฝ่าบาทที่มีสีหน้าบึ้งตึง แต่กลับเริ่มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

“เสด็จพ่อ การรักษาของหนานหว่านเยียนอาจจะแปลกก็จริง แต่นางช่วยชีวิตคนได้จริงๆนะขอรับ”

“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางจะวางยาพิษจริงๆ นางจะทิ้งหลักฐานไว้ที่ขวดทำไมกัน? เรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัยเยอะมาก ขอเสด็จพ่อรอให้เสด็จแม่อาการดีขึ้นแล้ว ค่อยตรวจสอบเถอะนะขอรับ”

ถ้ายื้อเวลาต่อไป เสด็จแม่คงได้ตายจริงๆแน่

หนานชิงชิงมองด้วยสายตาอิจฉาริษยา

หนานหว่านเยียนอย่าคิดดิ้นรนไปเลย ตายๆไปเลยไม่ดีเหรอ?

ยังมีกู้โม่หานอีก ทำไมถึงเข้าข้างนางตลอดเวลานะ?!

ชีกุ้ยเฟยเงียบอยู่ตลอดเวลา แค่ทำหน้าตกใจเป็นระยะ

กู้โม่เฟิงฟังมาเยอะขนาดนี้ รู้สึกหนานหว่านเยียนกำลังแก้ตัว เขาอยากบอกห้าม ฮ่องเต้กลับชิงพูดก่อน

“ในเมื่ออ๋องอี้ปกป้องนางขนาดนี้ งั้นข้าก็จะเชื่อพระชายาอี้สักครั้ง! ช่วยชีวิตคนก่อนเถอะ!”

พอพูดจบ หนานหว่านเยียนยังไม่ทันตั้งตัว หยีเฟยที่อยู่บนเตียงก็ชักกระตุกกะทันหัน แขนขาเริ่มหดเกร็ง

หวางหมัวมัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างแตกตื่น “หยีเฟย! หยีเฟย ท่านเป็นอะไรไปเพคะ!”

หมอหลวงหลี่ตกใจ “หยีเฟยอาการกำเริบแล้ว! คราวนี้ ถึงจะเป็นหมอเทพ เกรงว่าจะช่วยไม่ได้แล้วล่ะ……”

“เสด็จแม่!” กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนไป รีบพุ่งเข้าไป หนานหว่านเยียนวิ่งเร็วกว่าเขามาก ไม่สนใจคนอื่นเลย เข้าไปกดตัวหยีเฟยไว้ หยิบเข็มเงินจากแขนเสื้อ แล้วฝังไปยังจดฝังเข็มของหยีเฟย

“หวางหมัวมัว เอาน้ำร้อนกับผ้าขนหนูมา! เร็ว!”

“เพคะ!” หวางหมัวมัวตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน ตอนนี้กลับไม่กล้าลังเล รีบไปเตรียมทันที

ทุกคนก็ตกใจกันมาก ฮองเฮาตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว กู้โม่เฟิงพยุงนางไว้ได้ทัน นางก็ถึงไม่ล้มลงไป

หนานชิงชิงกระตุกยิ้มมุมปากเงียบๆ

หยีเฟยอาการกำเริบสักทีนะ

หนานหว่านเยียน วันตายของเจ้ามาถึงแล้วล่ะ!

ชีกุ้ยเฟยขมวดคิ้วสำรวจสถานการณ์ ท่าทางเหมือนกังวลมาก

หนานหว่านเยียนสีหน้าแย่มาก เหลือบไปเห็นกู้โม่หานสีหน้าซีดเซียว แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

นางขมวดคิ้วเป็นปม พูดกับกู้โม่หานอย่างร้อนใจ “เจ้าอย่าอยู่นิ่งสิ รีบประคองเสด็จแม่ให้นั่งก่อน เร็วเข้า!”

กู้โม่หานเม้มริมฝีปากบาง ทำตามที่หนานหว่านเยียนบอก

ทั้งสองประคองหยีเฟยขึ้นมาก่อน หนานหว่านเยียนปล่อยเลือดที่ปลายนิ้วของหยีเฟยเล็กน้อย สีหน้ากลับเข้มงวดมากขึ้น

“ไฉหู โถวกู่เฉา ซิงกิงเฉาอย่างละหนึ่ง ตังเซียม ตู๋หัว กำยานและมดยอบอย่างละหนึ่ง ซานหลิง ดอกคำฝอยอย่างละหนึ่ง แบ่งต้มสามครั้ง รีบไปเร็ว!”

พอพูดว่าให้รีบไป แต่หวางหมัวมัวที่ออกไปยังไม่กลับมาเลย ในตำหนักก็ไม่มีข้ารับใช้คนอื่น หมอหลวงอีกสองคนยังต้องอยู่รอดูอาการ

กู้โม่หานอยากออกไปแต่กลับโดนหนานหว่านเยียนจับมือไว้ “เจ้าต้องอยู่ช่วย!”

แต่ตอนนี้ กลับไม่มีใครขยับเลย

กู้โม่เฟิงกัดฟัน สายตามองค้อนกู้โม่หานอย่างโมโห “ข้าไปเอง!”

ว่าแล้ว เขาก็รีบวิ่งออกจากตำหนักอู๋ขู่

เขาเกลียดกู้โม่หาน แต่หยีเฟยไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ให้นางต้องเจ็บปวดหรอก ถือว่าเป็นบุญคุณให้กู้โม่หานมาตอบแทนทีหลังแล้วกัน

สายตาของฮ่องเต้กลับประกายไปด้วยเลศนัย แต่กลับเงียบไม่พูดอะไร

กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจกู้โม่เฟิงนานมาก และรักษาหยีเฟยต่อ

หนานหว่านเยียนหยิบยาล้างพิษออกมาจากแขนเสื้อ และมียาชิงซินอีกเม็ด เอาเข้าปากหยีเฟยทั้งหมด

ยาเหล่านี้สามารถบรรเทาอาการชักที่เกิดจากบัวแปดหัวใจ และด้วยความซับซ้อนของตัวยา สารพิษในร่างกายของหยีเฟยจะสามารถละลายเป็นน้ำได้ ซึ่งจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ

ทุกคนต่างก็มองดูหนานหว่านเยียนรักษาหยีเฟยที่ชักกระตุก บรรยากาศในตำหนักตึงเครียดมาก

หนานหว่านเยียนกลับตั้งสติ ไม่มีความสะเพร่าเลย ฝังเข็มก็รวดเร็วมาก หมอหลวงเจียงอดไม่ได้เอ่ยชม

“การแพทย์ของพระชายา ล้ำเลิศมากจริงด้วย……”

แต่ว่า สารพิษบัวแปดหัวใจจะถอนได้ทันทีเลยงั้นเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้