ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 266

ขณะนี้ในวัง บนตำหนักจุดเทียนสว่างไสว

มีคนรายงานกราบทูบฮ่องเต้เรื่องที่อ๋องอี้ถูกลอบสังหาร ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เดิมทีฮองเฮาและชีกุ้ยเฟยกำลังคุยเล่นกัน คาดไม่ถึงว่ากลับได้ยินข่าวนี้

ชีกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว ใบหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อ๋องอี้ถูกลอบสังหารได้อย่างไร?!”

กู้โม่หานเป็นถึงเทพสงคราม ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นคนที่เมื่อศัตรูเห็นเป็นต้องเดินหลบเขา ถูกลอบสังหารได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น หรือระหว่างทางที่เขาออกจากวังกลับบ้าน ผิดปกติไปหรือไม่

เฟิ่งกงกงส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ฮองเฮา อ๋องอี้ได้รับบาดเจ็บจริงๆ และบ่าวยังได้ยินว่าครั้งนี้อ๋องอี้ถูกดาบแทงบริเวณหน้าอก เกือบจะแทงทะลุหัวใจ แต่ก็เกรงว่าจะรอดอย่างหวุดหวิด คนในจวนอ๋องอี้ตอนนี้กำลังตื่นตกใจ......”

เมื่อคําพูดของเฟิ่งกงกงจบลง ฮองเฮาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา

รอดอย่างหวุดหวิดหรือ?ร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ?!

นางมองย้อนไปยังกู้จิ่งซาน สีหน้าของฮ่องเต้ตึงเครียด และเต็มไปด้วยความโกรธ“กล้าเหิมเกริมเช่นนี้ในแผ่นดินของข้า แถมคนที่ถูกลอบสังหารยังเป็นเจ้าหกของข้า บังอาจยิ่งนัก ผู้ใดเป็นคนทำ?!”

เฟิ่งกงกงกล่างอย่างระมัดระวังว่า:“กราบทูลฝ่าบาท ขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนงำมือสังหารพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเฮาตรัสทันทีว่า:“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้มีคนในวังวางยาพิษหยีเฟย ตอนนี้เจ้าหกและพระชายาถูกซุ่มโจมตีและลอบสังหารระหว่างทางกลับบ้านอีก ทำผิดอยู่ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เบื้องหลังของคนผู้นี้น่าจะไม่ธรรมดา หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาคําอธิบายให้เจ้าหกเพคะ”

ชีกุ้ยเฟยเลิกคิ้วขึ้น และใบหน้าของนางก็ดูลึกลับเช่นกัน

“ฮองเฮาตรัสได้ถูกต้อง ทว่า—ฝ่าบาทฟังหม่อมฉันหน่อยได้ไหมเพคะ?”

กู้จิ่งซานเหลือบตามองชีกุ้ยเฟย และกล่าวอย่างเย็นชา “ว่ามา”

ชีกุ้ยเฟยลุกขึ้นยืน และกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าหม่อมฉันจะรู้ว่าพระองค์ทรงอยากที่จะปกป้องท่านอ๋อง ในตอนนี้อี้อ๋องตกอยู่ในอันตรายเป็นตายยังไม่รู้ ต่อไปจะเป็นเช่นไร ยังไม่มีผู้ใดกล้าสรุปนะเพคะ”

“ทว่าหม่อมฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้ชายแดนของแคว้นจินเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว ดูเหมือนมีแววที่จะยกทัพมา บ้านเมืองกําลังตกอยู่ในความยากลำบาก ฝ่าบาทควรเลือกแม่ทัพที่มีความสามารถมาแทนที่อ๋องอี้โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ทหารใช่หรือไม่เพคะ?”

ความหมายก็คือ กู้โม่หานไม่มีความสามารถในปฏิบัติหน้าที่ในค่ายเสินเชื่อได้แล้ว และยิ่งไม่มีความสามารถในการนำทัพกองเกราะเสวียนออกไปเผชิญหน้ากับข้าศึก ถึงเวลาที่จะรวบรวมอํานาจทางทหารในมือของกู้โม่หานกลับมาแล้ว

ฮองเฮาตกใจเป็นอย่างมาก นางไม่เคยคิดว่าเลยว่าชีกุ้ยเฟยที่ดูเหมือนไม่เคยขัดแย้งกับใคร กลับกล่าวคำที่ร้ายแรงเช่นนี้ออกมาได้ จึงกล่าวตำหนิออกไป

“ชีกุ้ยเฟย! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?!”

เป็นอย่างที่คาดไว้ ใบหน้าของกู้จิ่งซานเต็มไปด้วยความมืดมนดูหวาดกลัว

เขามองไปยังชีกุ้ยเฟย กล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ไร้ซึ่งอารมณ์โกรธเคือง “ชีกุ้ยเฟย วังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงกิจการของบ้านเมือง!”

ทันทีที่จบเสียงพูด บนตำหนักก็ยังได้ยินเสียงก้องกังวานที่เคร่งขรึมของกู้จิ่งซาน

ชีกุ้ยเฟยคุกเข่าลงในทันที   นางกล่าวออกมาอย่างตัวสั่นเทา:“หม่อมฉันทำเกินหน้าที่ไป ฝ่าบาทโปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะ!ทว่าหม่อมฉันไม่มีเจตนาอื่นใด เพียงต้องการแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท และเพื่อราษฎรแคว้นซีเหย่เท่านั้นเพคะ!”

เดิมฮองทีฮองเฮาคิดว่ากู้จิ่งซานจะโกรธ และลงโทษชีกุ้ยเฟยอย่างหนัก ทว่าใครจะคิดว่าฮ่องเต้จะคลายคิ้วขมวด

“วังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงการเมืองก็จริง ทว่าข้อเสนอแนะของเจ้านั้นเป็นการมองการณ์ไกล ขณะนี้อ๋องอี้เป็นตายยากจะคาดเดา รับการใหญ่ได้ยากจริงๆ อํานาจทางการทหารก็ไม่ควรอยู่ในมือของเขาอีกต่อไป เพื่อป้องกันมิให้จิตใจของทหารสั่นคลอน”

“เฟิ่งจงฉวน!”

เฟิ่งกงกงไม่กล้านิ่งเฉยแม้แต่น้อย คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเพื่อฟังคําสั่ง“กระหม่อม มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้