ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 265

ทว่าเด็กน้อยทั้งสองไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ สายเลือดของพวกนางมีความเกี่ยวพันกับกู้โม่หานมากเกินไป อย่างไรเสียเลือดก็ข้นกว่าน้ำ เลือดเนื้อเชื้อไขที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของบิดามารดา จะทำเป็นไม่แยแสได้อย่างไร?

สีหน้าที่ดิ้นรนของเกี๊ยวน้อย กลับซ่อนความกังวลที่มีต่อกู้โม่หานไว้ไม่มิด นางกัดริมฝีปาก ตบหลังมือโม่หวิ่นหมิงเบาๆ ทว่ากลับเรียกชื่อกู้โม่หาน

“คนเลวนั่น......บอกแล้วว่าอย่ารังแกท่านแม่ ตอนนี้ก็ดี ถูกคนทำร้ายบาดเจ็บไปแล้ว”

ใบหน้าของซาลาเปาน้อยก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ในดวงตากลมใสเต็มไปด้วยน้ำตา ทว่ากลับแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง

“พี่สาว คนเลวจะต้องไม่เป็นอะไร ท่านแม่บอกแล้ว คนเลวอายุยืน เขาจะต้องมีอายุยืนยาวถึงร้อยปีแน่นอน”

อวี๋เฟิงมองดูใบหน้าที่กังวลใจของเด็กน้อยทั้งสอง

คุณหนูทั้งสองภายนอกคล้ายกับว่ากำลังด่าทอกู้โม่หาน ทว่าน้ำเสียง อารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสดงออกของลูกสาวที่ห่วงใยบิดาเป็นอย่างมาก

นี่......ดูเหมือนว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้รังเกียจคุณหนูขนาดนั้น

เพียงแค่มอบความจริงใจให้ ก็มักจะได้การตอบแทนกลับมา

สีหน้าของโม่หวิ่นหมิงอึมครึมลง นัยน์ตาก็มีความรู้สึกเย็นชาที่บอกไม่ถูก

เขากำหมัดวางไว้ข้างริมฝีปากที่ไม่มีเลือดฝาดเพื่อไอ “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นห่วงอ๋องอี้ หากพวกเจ้ายืนกรานว่าจะไปดู อย่างนั้นก็ไปเถิด ท่านปู่หมิงจะให้อาจี้ไปเป็นเพื่อน”

“ทว่าตอนนี้ท่านแม่ของพวกเจ้าจะต้องยุ่งอยู่อย่างแน่นอน หากพวกเจ้าไปแล้ว ก็จะทำให้นางเสียสมาธิ”

เขาไอหนักมาก ซาลาเปาน้อยและเกี๊ยวน้อยไม่อาจจะทนนิ่งเฉยได้ คิดไปคิดมาสิ่งที่โม่หวิ่นหมิงพูดก็มีเหตุผล

ปกติแล้วเวลาหนานหว่านเยียนรักษาคนไข้จะปิดประตูไม่พบใคร หากพวกนางไปตอนนี้ จะเพิ่มความยุ่งยากไม่น้อยแน่นอน

เกี๊ยวน้อยเก็บอาการไว้ ดวงตากลมโตเป็นประกายจ้องมายังโม่หวิ่นหมิง“ไม่ไปแล้ว!พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนท่านปู่หมิงเจ้าค่ะ!”

ซาลาเปาน้อยกัดนิ้วมือตัวเองไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จึงทำได้เพียงคล้อยตามคำพูดของเกี๊ยวน้อย

“อืม การบ้านของวันนี้ยังทำไม่เสร็จ ข้าและพี่สาวจะอยู่เขียนการบ้านกับท่านปู่หมิงที่นี้!”

กู้โม่หานเป็นตายยังไม่รู้ ทว่าพวกนางเชื่อว่าหนานหว่านเยียนสามารถรักษาเขาได้

โม่หวิ่นหมิงก็เป็นญาติของพวกนาง ตอนนี้ พวกนางไม่สามารถเพิกเฉยเขาได้

อวี๋เฟิงรู้สึกประหลาดใจ ทว่าก็วางใจที่ทั้งสองอยู่ที่นี้

เขาก็เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของกู้โม่หานเช่นกัน อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ กู้โม่หานก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บเช่นนี้มาก่อน

อวี๋เฟิงคำนับโม่หวิ่นหมิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคารพนอบน้อม“ท่านปู่หมิง ข้าน้อยขอตัวไปดูอาการของท่านอ๋องก่อน คุณหนูทั้งสองก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

โม่หวิ่นหมิงส่งเสียงตอบรับ

อวี๋เฟิงนั่งยองลงมาเพื่อมองหน้าสองพี่น้อง

“พวกคุณหนูวางใจเถิด ท่านอ๋องและพระชายาจะไม่เป็นอะไร พวกท่านก็อยู่ที่นี้เชื่อฟังท่านปู่หมิง ข้าน้อยไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมาขอรับ”

เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมโตมองไปมา ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ซาลาเปาน้อยกลับหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว สายตาแวววาวน้ำตาเอ่อล้นเล็กน้อย

นางยังคงเป็นห่วงกู้โม่หานมาก เมื่อคิดว่าหากกู้โม่หานที่เตะลูกขนไก่เป็นเพื่อนนางและพี่สาว คนที่เพื่อปลอบพวกนางจึงร้องเพลงและเต้นรำให้ดู ผู้ที่สามารถกอดนางอุ้มขึ้นมาชูสูงๆ ได้ตายขึ้นมาจริงๆ นางก็จะเสียใจเป็นอย่างมาก

นางสามารถไม่ชอบพ่อคนนี้ได้ สามารถออกห่างจากคนเลวผู้นี้ได้ ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อยากให้เขาตาย......

อวี๋เฟิงเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป ใบหน้าของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยก็ก้มต่ำลง ถึงแม้ต่อหน้าโม่หวิ่นหมิงพวกนางจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไร ทว่าความรู้สึกเล็กน้อยเหล่านั้นมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาของโม่หวิ่นหมิงได้

โม่หวิ่นหมิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ลูบศีรษะของทั้งสองอย่างนุ่มนวล “หากไม้อยากเขียนการบ้าน ก็ออกไปเล่นข้างนอกสักพักเถิด”

เกี๊ยวน้อยตกใจเล็กน้อย และแสร้งทำต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวน้อยๆ ของนางวางอยู่บนมือโม่หวิ่นหมิง มองหน้าเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้