ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 300

น้ำเสียงกู้โม่หานเย็นชาน่ากลัว

“ข้าย่อมไม่นั่งนิ่งรอความตายอยู่แล้ว ในเมื่อเสด็จพ่อใจร้ายกับข้าก่อน ข้าก็จะไม่ยอมเป็นปลาบนเขียง ยอมให้คนเอามีดมาสับ!”

เขาได้ตัดสินใจว่าจะยึดอำนาจแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การโต้กลับในครั้งนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้

รองแม่ทัพอวี๋ผงะไปครู่หนึ่ง ราวกับตกอยู่ในภวังค์แลเห็นแม่ทัพผู้กล้าหาญยิ่งใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบเมื่อห้าปีก่อน

ดวงตาเขาแดงก่ำ ซาบซึ้งจนพูดไม่ออก “ท่านอ๋องจะทำอย่างไรขอรับ......”

“เฉินเคอผู้นั้น ข้าเคยรู้บางอย่างเกี่ยวกับเขามาก่อน”

อย่างไรเสียเขาก็เป็นยอดจมยุทธ กู้โม่หานชื่นชมนับถือและให้ความสนใจผู้ที่มีความสามารถมาเสมอ แต่น่าเสียดายเฉินเคอทำเขาผิดหวังแล้ว

“เฉินเคอความประพฤติไม่ดี ตอนนั้นที่เขาเพิ่งเป็นตัวเต็งในสำนัก ก็ได้มาที่โรงสุราชื่อดังหลายแห่งในเมืองหลวงก่อความวุ่นวายขึ้น ชื่อเสียงอื้อฉาวเป็นที่สุด ไร้ซึ่งศีลธรรม บ้ากามกิเลส เพื่อจะไปหอนางโลมเพื่อสนองตัณหา ยังเคยผลาญทรัพย์สินครอบครัวหมดภายในคราเดียว”

เสิ่นอี่ว์กับรองแม่ทัพอวี๋ตกตะลึงจนพูดไม่ออก “เช่นนั้นความหมายของท่านอ๋องคือ......”

ความเย็นชาน่ากลัวของกู้โม่หานไม่ได้ถูกปิดซ่อนไว้

“ในเมื่อคนผู้นี้หน้าใหญ่ ขี้อิจฉา เช่นนั้นก็ให้เขาตระหนักเสียบ้าง ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ข้าว่า เสิ่นอี่ว์ลงมือด้วยนิ้วเดียวก็เก่งกาจกว่าเขาเสียอีก”

เสิ่นอี่ว์หน้าแดงขึ้นทันใด แล้วเกาหลังศีรษะอย่างเขินอาย “ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยลงมือไปหนึ่งนิ้วยังไม่สู้เศษฝุ่นหนึ่งเม็ดบนตัวท่านอ๋องเลยขอรับ”

กู้โม่หานเผยยิ้มเบาๆ มองไปที่รองแม่ทัพอวี๋

“คิดหาวิธีมอมเหล้าเขา แล้วส่งสาวงามให้เขานางหนึ่ง ค่ายเสินเชื่อห้ามดื่มสุรา ห้ามมัวเมากามตัณหา หากเขาถูกเหล่าทหารในค่ายเสินเชื่อจับได้คาหนังคาเขาว่าเขามัวเมาอยู่กับนางโลม เอ้อระเหยลอยชาย......เรื่องต่อจากนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ข้าพูด เจ้าก็น่าจะกระจ่างแล้ว”

ในเมื่อเสด็จพ่อแข็งข้อบีบบังคับ เช่นนั้นเขาก็จะให้เสด็จพ่อเข้าพระทัย การยึดอำนาจในค่ายเสินเชื่อ หาใช่กลอุบายที่ดี——

เพราะไม่ว่าจะจัดให้ผู้ใดมา เขาก็ต่างมีวิธีป้ายความผิดให้คนผู้นั้นทุกวิถีทาง และโยนออกไปจากค่ายเสินเชื่อในที่สุด

นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นวิธีการป้องกันตนเองและการโต้กลับ

เสิ่นอี่ว์กับรองแม่ทัพอวี๋ตกตะลึงอย่างยิ่ง

รองแม่ทัพอวี๋กล่าวชมยกใหญ่ “ท่านอ๋อง นี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเลยหนาขอรับ!”

รองแม่ทัพอวี๋เอ่ยอีก “เรื่องนี้ก็มอบให้กระหม่อมไปจัดการเถิด ท่านอ๋องวางใจ กระหม่อมจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้อย่างงดงาม พอถึงครานั้น พลทหารทุกนายในค่ายเสินเชื่อล้วนรอคอยท่านกลับมานะขอรับ!”

กู้โม่หานยื่นมือไปตบไหล่รองแม่ทัพอวี๋ “ข้าเกิดเรื่อง พลอยลำบากพวกเจ้าไปด้วยแล้ว”

“พวกเราเพียงต้องการให้ท่านอ๋องหายวันหายคืน อีกอย่าง ที่จริงแล้ว......” พอเอ่ย รองแม่ทัพอวี๋ก็ลังเลขึ้นนิดหน่อย

“อันที่จริง กระหม่อมเพิ่งนึกได้ว่า หากต้องการหยุดฮ่องเต้จากการแทรกแซงเรื่องในค่ายทหาร ยังมีอีกวิธีขอรับ”

กู้โม่หานหลิ่วตาครึ่งดวงมองรองแม่ทัพอวี๋ ดวงตาเขาลึกซึ้งราวสามารถเจาะเข้าไปในใจคนได้

“อะไรหรือ?”

เสิ่นอี่ว์ถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

รองแม่ทัพอวี๋รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “ก็คือท่านกับพระชายารีบมีลูกด้วยกันสักคน ขอแค่มีทายาทสักคน ถ้าจะให้ดีก็เป็นลูกสาว ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าเหิมเกริมกับท่านนะขอรับ”

“ถึงครานั้นอย่าว่าแต่อำนาจทหารเลย——” เขาหยุดชั่วคราว เอนตัวลงและพูดด้วยเสียงเบา“แม้แต่ตำแหน่งไท่จื่อ ท่านอ๋องก็ครอบครองได้!”

ขอเพียงท่านอ๋องมีลูกสาว บรรดาขุนนาง ไทเฮาและคนอื่นๆ ก็จะล้วนพากันสนับสนุนท่าน พอถึงครานั้นแม้กระทั่งฮ่องเต้ ก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย

เสิ่นอี่ว์เกือบจะสำลักตาย

“รองแม่ทัพอวี๋ เรื่องนี้ไม่อาจพูดส่งเดชหนา”

ความสัมพันธ์ท่านอ๋องกับพระชายาระหองระแหง จะไปมีลูกกันได้อย่างไร?

แววตากู้โม่หานเป็นประกาย ใบหน้าอันหล่อเหลามีสง่าราวกับมีบางอย่างแปลกๆ ไป

“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ข้าย่อมวางแผนเอาไว้แล้ว แต่สภาพร่างกายข้าตอนนี้ ไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้”

ต่างรู้กันดีว่าการยึดอำนาจ มีทายาทเป็นหลักสำคัญ แต่เขาไม่ต้องการ ลูกสาวเขา เขาต้องรับผิดชอบให้ดี เติบโตอย่างเชื่อฟังก็เพียงพอแล้ว

“กระหม่อมเข้าใจแล้วขอรับ” รองแม่ทัพอวี๋พยักหน้าพร้อมกับหัวเราะฮาฮา แล้วก้าวถอยด้วยความเคารพเตรียมกลับไปค่ายเสินเชื่อเพื่อดำเนินแผนการของพวกเขา

แต่ก่อนจากไป เขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยกับกู้โม่หานด้วยสีหน้าจริงจังหนึ่งประโยค “ท่านอ๋องสู้ๆ !ดูแลร่างกายดีๆ !รอหลังจากนั้น ก็ให้พระชายาได้เห็น......เสน่ห์ของท่าน!”

เสิ่นอี่ว์ยิ้มอย่างเก้อเขิน แล้วเอ่ยกับกู้โม่หานอย่างเชื่องช้า “เหล่าอวี๋ก็เป็นเสียแบบนี้แหละขอรับ พูดตรงไปตรงมา ท่านอ๋องอย่าได้เอามาใส่ใจเลยนะขอรับ”

กู้โม่หานพยักหน้า แต่การแสดงออกของเขากลับดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย ใบหน้าอันสะอาดผุดผ่องของเขาก็ได้ปรากฏเส้นใยสีแดงขึ้นทันใด

แม้ว่าเขากับหนานหว่านเยียนจะมีถึงลูกสองคนแล้ว แต่การแต่งงานเมื่อ 5 ปีที่ก่อนนั้นไม่ราบรื่นนัก ยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของนางดีๆ

หากมีลูกกับหนานหว่านเยียนอีกคนหนึ่ง......

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ลูกกระเดือกของกู้โม่หานก็เลื่อนขึ้นลงโดยไม่ตั้งใจสองสามครั้ง และรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย

หากว่ามีลูกได้อีกคนจริงๆ เขาจะเกิดใจเต้นขึ้นมาบ้างหรือไม่?

แต่ลองคิดดูอีกที

หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ หนานหว่านเยียนคงต้องทำเขาเป็นอัมพาตครึ่งซีกอย่างแน่นอน

กู้โม่หานรู้สึกตัวขึ้นได้ กระแอมขึ้นสองครั้ง “เกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายเสินเชื่อ เจ้าแอบส่งคนไปจับตาไว้ ข้ากลัวว่าเหล่าอวี๋กับคนอื่นๆ จะมีอันตราย”

เสิ่นอี่ว์ไม่รู้ความนึกคิดของกู้โม่หานเลย จึงพยักหน้า “ขอรับ”

……

เวลาตอนบ่าย หนานหว่านเยียนได้รับข่าวคราวจากอวี๋เฟิง บอกว่าจวนอ๋องยกเลิกการกักขังแล้ว

นางต้องอาศัยจังหวะที่สวีหว่านหยิงยังไม่ได้นำเรื่องพบเด็กน้อยทั้งสองแพร่งพรายออกไป รีบไปเจรจากับฮ่องเต้เรื่องหย่าร้าง

แต่พอนางเพิ่งก้าวออกจากประตู เสิ่นอี่ว์ก็วิ่งเข้ามาหานางด้วยสีหน้าเร่งรีบ ท่าทางแลดูเร่งด่วนยิ่งนัก

“พระชายา!ท่านรีบไปดูที่เรือนซีเฟิงหน่อยเถิด เมื่อครู่รองแม่ทัพอวี๋มารายงาน ค่ายเสินเชื่อเกิดเรื่อง ครั้นท่านอ๋องได้ยิน ก็โมโหขึ้นกระทบกระเทือนถึงบาดแผล ตอนนี้เลือดไหลไม่หยุดเลยขอรับ!”

“เลือดไหลไม่หยุด!”

หนานหว่านเยียนชะงักฝีเท้า แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย “สาหัสเช่นนี้เชียว เจ้าคงไม่ใช่หลอกข้านะ?”

นางเป็นหมอ รู้ดีว่าบาดแผลของกู้โม่หาน ฟื้นฟูถึงขั้นไหนแล้ว ยาที่ใส่ให้เขาก็เป็นยาพิเศษ ทำไมถึงจะเลือดไหลไม่หยุดได้

เสิ่นอี่ว์รู้สึกผิด แต่ท่านอ๋องบอกว่า ข่าวการฟื้นตัวของเขาต้องแพร่ออกไป เพื่อให้พี่น้องในค่ายเสินเชื่อมีขวัญกำลังใจ การกักขังในจวนยังไงก็ต้องปลดปล่อย แต่หลังจากปลดปล่อยแล้ว ก็ไม่สามารถรั้งพระชายาไว้ได้อีกต่อไป

“พระชายา เป็นเรื่องจริงขอรับ ทางค่ายเสินเชื่อแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่มาแทนที่ท่านอ๋อง ท่านอ๋องอารมณ์ขึ้นจนกระทบกระเทือนถึงบาดแผล ท่านรีบไปดูท่านอ๋องเถิด......”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแน่น

แม่ทัพคนใหม่?

ดูท่าค่ายเสินเชื่อคงจะเกิดเรื่อง กู้โม่หานโมโหเสียจนทำบาดแผลฉีกขาดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

หนานหว่านเยียนไม่อยากยุ่ง แต่ก็ไม่ยุ่งไม่ได้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับกู้โม่หาน ข้อสัญญาระหว่างนางกับฮ่องเต้ก็จะคว้าน้ำเหลว

“ไป ไปดูสักหน่อย”

เสิ่นอี่ว์รีบเอ่ยตอบ “ขอรับ”

ทั้งสองเดินมุ่งไปยังเรือนซีเฟิง

หนานหว่านเยียนก้าวเข้าไปห้อง ก็เหลือบเห็นกู้โม่หานอิงหัวเตียงด้วยครึ่งตัว เส้นผมถูกปล่อยให้กระจายไปทั่ว

เสื้อของเขาคลายออกเล็กน้อย ผ้าพันแผลที่หน้าอกหละหลวมนิดหน่อย เปื้อนด้วยคราบเลือดสีแดงสดอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าซีดขาวไร้ชีวิตชีวา ริมฝีปากบางขบเม้มอย่างแน่น

สภาพแลดูน่าอึดอัด

หนานหว่านเยียนรีบสาวเท้าไปตรงหน้าเขา นั่งลงข้างๆ เขา

นางจับชีพจรให้เขาก่อน แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

“ชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาอะไร”

กู้โม่หานรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่อบอุ่นและเยือกเย็นจากปลายนิ้วของหนานหว่านเยียน แขนเขาสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวสีดำเข้มหรี่มองหนานหว่านเยียน

“อย่างอื่นไม่มีปัญหาอะไรมาก เพียงแค่แผลของข้าฉีกขาดเท่านั้นเอง เจ้าดูให้ข้าหน่อยสิ แล้วค่อยใส่ยา”

หนานหว่านเยียนเหลือบมองกู้โม่หาน แล้วจึงถอดผ้าพันแผลบนตัวชายหนุ่มออก

สะเก็ดแผลที่เดิมทีควรปกคลุมบนปากแผลก็ฉีกขาดออกมา สามารถมองเห็นเนื้อสดๆ จากด้านใน เลือดสดๆ ก็ไหลรินออกมา

นางตกใจมาก “กู้โม่หาน ทำไมท่านถึงโกรธเกรี้ยวได้ขนาดนี้ ทำแผลฉีกออกรุนแรงถึงเพียงนี้ ทั้งทั้งที่แผลกำลังจะตกสะเก็ดแล้ว!”

อีกอย่างบาดแผลนี้ ทำไมนางแลดูเหมือนมีคนจงใจทำให้ฉีกขาดเลยล่ะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้