ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 337

ค่ำคืนอันเงียบสงบ

กู้โม่หานรู้ว่าหนานหว่านเยียนและโม่หวิ่นหมิงจะจากกันในไม่ช้า เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ถึงกระนั้นเขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่โม่หวิ่นหมิงพูดยั่วยุเขานั้นมีเหตุผล

เมื่อไม่แข็งแกร่งพอ ก็ไม่สามารถปกป้องคนที่เขาต้องการจะปกป้องได้ดี

หลังจากกู้โม่หานมองตามหลังหยีเฟยไป เขาไปที่ห้องหนังสือโดยไม่รอช้า เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะโดยมีหนังสืออยู่ในมือ ข้างหนังสือมีตัวอักษรสัญลักษณ์ “ค่ายเสินเชื่อ”

ตอนนี้เขาตัดสินใจเข้ายึดอำนาจแล้ว ต้องจัดการเรื่องการทหารและรีบชดเชยสิ่งที่เขาทิ้งไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แค่อ่านก็หมดเวลาไปทั้งคืน

“ท่านอ๋อง” เสิ่นอี่ว์รีบร้อนเข้ามา พอเห็นกู้โม่หานกำลังจัดการงานการทหารอย่างเคร่งเครียด ก็ยืนรออยู่ที่ข้างประตูด้วยความเคารพ “ข้าน้อยมีเรื่องรายงาน”

กู้โม่หานมองเขาด้วยดวงตาดำขลับ “เจ้าว่ามา”

เสิ่นอี่ว์พยักหน้าและรีบเดินไปหากู้โม่หาน หยิบจดหมายที่มีลายมือประณีตออกมาแล้วยื่นให้เขา

“ที่ท่านให้ข้าไปพบขุนนางพลเรือนเหล่านั้นก่อนหน้านี้ ข้าน้อยเคยพบหลายครั้งแล้ว เลยคุยกันง่าย”

“ในจำนวนนั้น ขุนนางแปดคนที่นำโดยซือเย่ขอเชิญท่านและพระชายาไปที่หอฮ่านฟังเพื่อร่วมพูดคุย”

กู้โม่หานวางหนังสือในมือลง แล้วรับจดหมายมาเปิดดู

เขาเลิกคิ้วหล่อเหลาขึ้นเล็กน้อย เผยความประหลาดใจออกมา “ซือเย่ไม่ได้บอกว่า เหตุใดถึงเชิญพระชายาด้วย?”

มันมีเหตุผลที่จะเชิญเขา แต่ทำไมถึงต้องเชิญหนานหว่านเยียนไปด้วย?

สีหน้าเสิ่นอี่ว์เต็มไปด้วยความสงสัย เขาส่ายหน้า “ไม่มี ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากให้พระชายาอยู่ที่นั่นมากจริงๆ”

กู้โม่หานพยักหน้า แล้ววางจดหมายลงบนเชิงเทียน

เปลวไฟรวมตัวกันเผาไหม้มุมจดหมายจนเกรียมอย่างรวดเร็ว

เปลวไฟสะท้อนในดวงตาของเขา ร้อนแรงแผดเผา กลืนกินทุกสิ่ง

“อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้หนานหว่านเยียนได้ช่วยข้าไว้เมื่อนานมาแล้ว ขุนนางเหล่านี้คิดว่าข้าและนางรักใคร่ชอบพอกัน ก็เลยลองทำการทดสอบดู ว่าเป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้”

พูดจบจดหมายในมือก็แทบจะไหม้เหลือแค่ปลายนิ้ว เขาขยี้จดหมายอย่างรวดเร็ว ให้มันกลายเป็นควันจางหายไปในอากาศอย่างเงียบงัน

เสิ่นอี่ว์คอยฟังอยู่ข้างๆ “ถ้าอย่างนั้นให้ข้าน้อยไปเตรียมรถม้าตอนนี้เลยไหม?”

“อืม” กู้โม่หานตอบเสียงเบา ไขว้นิ้วเรียวเรียวยาวเป็นชั้นๆ หมุนถ่านดำปี๋ด้วยปลายนิ้วของเขา

หลังจากที่เสิ่นอี่ว์เดินไปแล้ว ดวงตาของเขาก็เย็นชาและเฉียบคมขึ้นมาทันที

ในอดีตเขาไม่เคยต้องการที่จะเอาชนะใจผู้คน

ตอนนี้ถูกบังคับให้เลือกเส้นทางนี้ เสด็จพ่อ ต่อไปท่านจะเสียใจไหมที่ปฏิบัติกับลูกแบบนี้…

เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางเรือนเซียงหลินอย่างรวดเร็ว

ภายในเรือนเซียงหลิน หนานหว่านเยียนนอนกอดเด็กน้อยทั้งสองไว้ในอ้อมแขนนอนฝันหวานสักคืนหนึ่ง

หลังจากล้างหน้าและแปรงฟันตามปกติในตอนเช้า นางก็สวมเสื้อคลุมและส่งเด็กหญิงทั้งสองไปที่วังหลังเพื่อเข้าเรียนกับอาจารย์และบรรดาหมัวมัว ตอนกลับมา แค่ระยะทางสั้นๆ ก็ทำให้นางหนาวสั่นแล้ว

“โอ้ย อากาศหนาวชะมัดเลย เป็นฤดูกาลนี้แล้ว ทำไมตอนเช้ายังหนาวอยู่…”

หนานหว่านเยียนถูมือ แล้ววิ่งเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ทันทีที่นางเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็แข็งทื่อทันที

เห็นกู้โม่หานอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตอนไหน

เขายืดตัวตรงข้างเตียงของนาง สีหน้าแปลกประหลาดและย่ำแย่ ถือหนังสือเล่มใหญ่สีแดงและสีม่วงอยู่ในมือ…

เดี๋ยวก่อน สีแดงเข้มและสีม่วงเข้ม?!

“กู้โม่หาน ท่านกำลังทำอะไรอยู่?” หนานหว่านเยียนตัวสั่นด้วยความกลัว ร่างกายของนางไม่เย็นแล้ว แต่หน้าแดงเขินอายเหมือนเปลวไฟ

นางโผเข้าไปหา นิ้วเรียวยาวจับมุมหนังสือในมือของกู้โม่หานแน่นราวกับแมวน้อยตะปบอาหาร

“ปล่อยมือ! เอาหนังสือคืนมา! “

เมื่อได้ยินเช่นนี้กู้โม่หานก็ตกใจเช่นกัน แต่เขากำหนังสือไว้ในมือแน่น ในทางตรงกันข้าม เขายกมือขึ้นดึงหนานหว่านเยียนขึ้นมาพร้อมกับหนังสือในมือ

มือของเขาสั่นระริก สีหน้าเย็นชาดูแปลกๆ ยังแฝงไปด้วยความเขินอาย

“เจ้าอธิบายหน่อยซิ นี่คืออะไร?”

เมื่อกี้เขามาหาหนานหว่านเยียนและพานางไปพบขุนนางหลายคน เมื่อพบว่านางไม่อยู่จึงเข้าไปในห้องก่อน

มุมหนังสือโผล่ออกมาจากใต้หมอนของนาง เขาไม่เคยเห็นหนังสือที่มีหน้าปกสีสันสดใสแบบนี้มาก่อน

ไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นในใจได้ เขาหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็ต้องตกตะลึงตัวแข็งทื่อเป็นหิน

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำศัพท์ในหนังสือ แต่ภาพก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นชายรูปงามสองคนที่ใช้สีแดงและสีม่วงในการวาด

นอกจากนี้ ท่าทางของพวกเขายังคลุมเครือมาก ทนดูไม่ได้สุดๆ

คราวนี้จากภายในสู่ภายนอกเป็นผู้ชายทั้งแท่ง หัวใจดวงน้อยรับศึกหนัก

หนานหว่านเยียนมองดูม้วนหนังสือที่นางรักมาก หน้าปกไม่เหมาะกับเด็ก นางดึงเข้ามากอดไว้อย่างอายๆ

“ท่านสนใจมันด้วยเหรอว่าคืออะไร ใครใช้ให้ท่านแตะต้องของข้า? คืนให้ข้าเดี๋ยวนี้”

เขาพบหนังสือของนางได้อย่างไร?

ทั้งๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้หมอน

กู้โม่หานขมวดคิ้ว กำลังในมือไม่เคยลดลงเลย ยืนนิ่งๆ จ้องมองหนานหว่านเยียน พลางกัดฟัน

“เจ้าเป็นของข้า แตะหนังสือเจ้าสักเล่มจะเป็นอะไรไปล่ะ? ไม่คิดเลยว่า ปกติเจ้าจะอ่านของที่น่าขยะแขยงพวกนี้อยู่ลับหลังข้า”

คราวนี้หนานหว่านเยียนต้องอับอายแทบตายจริงๆ

นางเข้าใจความหมายโดยนัยขอคนสมัยโบราณ แค่มองไปที่หน้าปกของหนังสือกู้โม่หานก็อยู่ไม่สุขแล้ว นางต้องไม่ให้เขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในหนังสือเด็ดขาด

ใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความอึดอัด จับปกหนังสือด้วยมือทั้งสองแล้วดึงเข้าไปแนบอก

“ข้าอ่านอย่างเปิดเผย แล้วมันน่าขยะแขยงตรงไหนกัน นี่ไม่ใช่หนังสือธรรมดาหรอกหรือ? จะว่าไปแล้ว ข้าก็ไม่ได้แบ่งปันกับท่านด้วย รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ…”

“แคว่ก” หนังสือขาดออกเป็นสองท่อนทันที เพราะทั้งคู่ออกแรงมากเกินไป

ภาพวาดจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายบนพื้น

สายตาของกู้โม่หานมองลงไปที่พื้น

ภาพที่น่าตกใจเหล่านั้นประดังเข้ามาในสายตาของเขา

ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อ มองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างไม่เชื่อสายตา

“หนานหว่านเยียน เจ้านี่มัน...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้