ค่ายทหารเกิดเรื่องแล้ว?
คิ้วของหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานพลันขมวดมุ่นทันที
แววตาของกู้โม่หานเย็นเยียบระคนหวาดวิตก ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
ทหารที่มารายงานคุกเข่าตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเคารพ พูดอย่างร้อนใจว่า: "พวกคนของทางอ๋องเฉิงจู่ ๆ ก็เริ่มต่อสู้กับคนของเรา เดิมทีอ๋องเฉิงก็คิดจะจัดการอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้ยิ่งนานไปกลับยิ่งวุ่นวายโกลาหลขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เริ่มจะควบคุมไม่ได้แล้วขอรับ!"
คนของอ๋องเฉิง?
ทั้งหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานต่างก็งงงันขึ้นมาแล้ว
นับตั้งแต่ที่หนานหว่านเยียนพูดเรื่องการลอบสังหารกับกู้โม่เฟิงไปเมื่อครั้งก่อน เขาก็ทำตัวสงบเสงี่ยมไปนานทีเดียว ทั้งไม่แสดงท่าทางจองหองพองขนใส่กู้โม่หานอย่างโจ๋งครึ่ม หรือค่อนแคะจับผิดกู้โม่หานอีกเลย
แล้วเรื่องนี้สรุปว่ามันยังไงกันแน่.....
หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หาน พูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า "เจ้าไปดูที่ค่ายทหารก่อนเถอะ เรื่องในวังข้ารับมือเองได้"
ตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันแล้ว กำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่กู้โม่หานมีอยู่ก็คือค่ายเสินเชื่อ หากชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียแล้ว อย่างไรก็ควรรีบจัดการเรื่องของทางค่ายทหารก่อน
กู้โม่หานขมวดคิ้วมุ่น มองหนานหว่านเยียนด้วยความรู้สึกห่วงใยจนวางใจไม่ลง
“ท่านอ๋องยังต้องเข้าวังด้วยหรือไม่?” กงกงเห็นว่าทั้งสองอึกอักไม่ตอบอะไรอยู่เป็นนาน จึงถามพร้อมกับส่งเสียงกระแอมเบา ๆ
หนานหว่านเยียนหันไปมองขันทีแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องยังมีเรื่องทางค่ายทหารต้องจัดการ ข้าจะเข้าวังไปพร้อมกับกงกงเอง"
"ช้าก่อน —" หนานหว่านเยียนเพิ่งจะเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกกู้โม่หานเรียกให้หยุด
นางหันกลับมามองเขา “ยังมีอะไรอีกรึ?”
จู่ ๆ กู้โม่หานก็โอบรอบเอวของนาง แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หนานหว่านเยียนไม่ทันตั้งตัว จมูกเต็มไปด้วยกลิ่นหมึกที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวเขา ก่อนที่จะได้ยินเขากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูว่า
"ก่อนหน้านี้เสิ่นอี่ว์บอกกับข้าว่า เพราะเรื่องของหยุนเหิงจึงทำให้หยุนเจิ้นซงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงขั้นลุกลามไปถึงฮองเฮา ที่มีประกาศเรียกตัวเจ้าเข้าวังครั้งนี้ คิดว่าคงจะเป็นเรื่องนี้แน่ ๆ"
“ข้าจะรีบจัดการเรื่องทางค่ายเสินเชื่อให้เร็วที่สุด ทางฝั่งฮองเฮา ถ้าเจ้ายื้อได้นานเท่าไหร่ ก็จงยื้อให้ได้นานเท่านั้น”
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องของแม่ทัพลูกเมียหลวงนี่เอง.....
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว ตอบกลับด้วยเสียงแผ่วต่ำ: "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปจัดการเรื่องทางค่ายทหารก่อนเถอะ"
เสียงของนางเบามาก น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้โม่หานได้ยินนางพูดกับเขาแบบนี้ ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่ามีบางอย่างสะกิดเข้าที่ปลายหัวใจจนคันยุบยิบ จู่ ๆ ก็ปล่อยตัวนาง
ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานเย็นเยียบ หันไปพูดกับกงกงว่า "พระชายาของข้า ต้องขอฝากกงกงให้ช่วยดูแลแล้ว"
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!” กงกงผู้นั้นยิ้มด้วยสีหน้า “ข้าน้อยล้วนเข้าใจดี” ก่อนจะพาหนานหว่านเยียนออกไปพร้อมเสียงหัวเราะแช่มชื่น
อ๋องอี้กับพระชายาอี้คู่นี้ ช่างรักใคร่ผูกพันกันลึกซึ้งตามที่ได้ยินผู้คนเล่าลือมาจริง ๆ แค่จะเข้าวังสักครั้ง ก็ยังต้องกอดร่ำลากันเสียหวานชื่น
ก่อนออกไป หนานหว่านเยียนยังหันกลับไปมองกู้โม่หานแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขาอย่างแฝงความหมาย
หยุนเหิงเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ต่อให้ฮองเฮาจะไต่ถามเอาความกับนางจริง ๆ นางก็สามารถรับมือได้
แต่สิ่งที่นางพะวงคือ ช่วงเวลาที่ค่ายเสินเชื่อเกิดเรื่องทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ ราวกับว่าไม่ต้องการให้นางเคลื่อนไหวพร้อมกับกู้โม่หานอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากกู้โม่หานเห็นว่าหนานหว่านเยียนเดินจากไปไกลแล้ว ก็หันไปออกคำสั่งง่าย ๆ กับเซียงอวี้ จากนั้นค่อยเดินตามทหารไปที่ค่ายเสินเชื่อ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ณ. พระราชวัง
หนานหว่านเยียนลงจากรถม้า กงกงที่ทำหน้าที่นำทางให้จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางจึงทำได้แค่อาศัยความทรงจำของตัวเอง เพื่อค้นหาทิศทางของตำหนักหยูซิน
หนานหว่านเยียนเข้าวังมาหลายครั้งมากแล้ว แต่จำได้แค่ตำหนักบรรทมของไทเฮากับกุ้ยเฟย ส่วนตำหนักของฮองเฮานางจำไม่ได้จริง ๆ
ตอนที่เดินไปถึงอุทยานหลวง นางก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะจำคลาดเคลื่อนไปหน่อยแล้ว ขณะที่กำลังมองหาคนเพื่อจะถามทาง ก็เห็นเงาร่างในชุดคลุมสีเขียวร่างหนึ่งเดินตุปัดตุเป๋มาจากที่ไกล ๆ
เสียง "ตึง" ดังแว่วมา จู่ ๆ ชายคนนั้นก็ทรุดฮวบล้มลงไปกับพื้น
สีหน้าของหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบวิ่งเข้าไปดู นางขมวดคิ้วพลางตรวจสอบอาการของชายชุดเขียว "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
ชายคนนั้นกัดริมฝีปากด้วยสีหน้าเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกุมที่ช่วงเอว ฝืนลืมตาด้วยท่าทางติดจะลำบากน้อย ๆ "แม่นาง....."
ผมดำสลวยของเขาถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาน่ามอง เขาสวมชุดคลุมยาวสีเขียวลายเมฆ ขับให้เขาดูมีสง่าราศี ทรงภูมิแต่ก็ยังมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม ดูสูงศักดิ์ไม่น้อย
หนานหว่านเยียนไม่มีเวลามองหน้าเขา แค่อยากถามถึงอาการป่วยของเขา แต่กลับไอร้อนสายหนึ่งผุดออกมาจากฝ่ามือของเขา
นางลองพินิจมองให้ใกล้ขึ้น จึงเห็นว่ามีรอยคราบเลือดกระดำกระด่าง ซึมผ่านออกมาจากเสื้อผ้าของชายคนนี้
“เจ้าได้รับบาดเจ็บนี่!”
นางไม่มีเวลาคิดอะไรมาก หนานหว่านเยียนรีบยื่นมือออกไปถลกเสื้อผ้าของเขาออกทันที
วินาทีถัดมา สองมือก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้อย่างแรง
ชายหนุ่มชุดเขียวที่ดูไปแล้วท่าทางอ่อนแอ กลับมีพละกำลังที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ เจ้าตัวฝืนมองหนานหว่านเยียนอย่างอ่อนแรงด้วยดวงตาที่หรี่ปรือไปกว่าครึ่ง
หนานหว่านเยียนรีบอธิบายว่า: "ข้าแค่ต้องการช่วยดูอาการบาดเจ็บให้เจ้า ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเจ้า ข้ารู้วิชาแพทย์"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...