ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 389

สิ้นเสียง เด็กหญิงทั้งสองก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น

หนานหว่านเยียนตกตะลึง ชำเลืองโม่หวิ่นหมิง แล้วจิบชาคำหนึ่ง “ข้าช่วยชีวิตเสิ่นอี่ว์ไว้ได้ แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะฟื้น”

พูดตามตรง อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเสิ่นอี่ว์นั้นร้ายแรงมาก พรุ่งนี้นางต้องคอยสังเกตอาการให้ดี

เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็กัดริมฝีปากล่างอย่างประหม่า

สำหรับพวกนางแล้วพี่เสิ่นอี่ว์ก็เหมือนกับอวี๋เฟิง ล้วนเป็นคนที่พวกนางโปรดปราน หากแม้แต่ท่านแม่ยังหมดหนทางล่ะก็…

โม่หวิ่นหมิงจับจ้องคิ้วที่ขมวดแน่นของหนานหว่านเยียน ใบหน้ามีความเหนื่อยล้า เขาขมวดคิ้ว คาดเดาว่าเรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างนั้น มีอะไรเกิดขึ้นกับหนานหว่านเยียนอีกไหม

แต่ถ้านางไม่บอก เขาก็บังคับนางไม่ได้

เขาพยักหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทำเต็มที่แล้วก็ปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิต เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว เจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อน เพื่อจะได้มีแรงรักษาเขาต่อไป”

หนานหว่านเยียนยิ้มให้โม่หวิ่นหมิง “อืม ขอบคุณนะท่านน้า”

เขาแตะหน้าผากของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อย “พวกเจ้าสองคน จะเป็นห่วงแค่ไหนก็ถึงเวลาเข้านอนแล้ว ไม่เช่นนั้นแม่ของพวกเจ้าจะเป็นห่วง”

เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยง่วงมากอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นห่วงหนานหว่านเยียนและเสิ่นอี่ว์ จึงถ่างตาไม่ยอมนอน ตอนนี้เห็นหนานหว่านเยียนปลอดภัยดีแล้ว เด็กทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

เกี๊ยวน้อยยังจูงมือซาลาเปาน้อยอยู่ มองหนานหว่านเยียน แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ท่านแม่ ข้ากับซาลาเปาน้อยอยากนอนกับท่านแม่”

หนานหว่านเยียนเผลอหัวเราะ จิตใจที่สั่นคลอนเมื่อครู่ สงบนิ่งขึ้นในทันที

เด็กทั้งสองเพิ่งถูกลอบสังหาร แต่ตอนนี้กลับกล้าหาญถึงเพียงนี้ ทำให้นางรู้สึกทั้งสงสารและดีใจ

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยตรงหน้า นางก็สบายใจขึ้นบ้าง อุ้มทั้งสองขึ้นมากอดแน่น “แม่ยังพอมีพลังอยู่ จะร้องเพลงกล่อมพวกเจ้าดีไหม? วันนี้พวกเจ้าตกใจมา ร้องเพลงกล่อม เมื่อขับไล่ความทุกข์ทุกอย่างให้หมดสิ้น”

เด็กทั้งสองพยักหน้า “ดีเจ้าค่ะ”

หนานหว่านเยียนพาเด็กน้อยทั้งสองกลับไปที่ห้อง ก่อนไปก็ชำเลืองมองโม่หวิ่นหมิง “ท่านน้ารอข้าก่อน ดึกๆ ข้าจะมาดูขาให้ท่าน”

“ตกลง” โม่หวิ่นหมิงยิ้มบางๆ มองหนานหว่านเยียนพาเด็กๆ เข้าไปในห้อง รอยยิ้มจึงค่อยๆ หุบลง

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้หว่านหว่านไม่พอใจขนาดนี้

ผ่านไปสักพักขฌ หนานหว่านเยียนก็กล่อมเด็กน้อยทั้งสองจนหลับ มองคิ้วที่ขมวดแน่นของซาลาเปาน้อยที่อยู่ในความฝัน เกี๊ยวน้อยกำหมัดแน่น แววตาของดวงตาของหนานหว่านเยียนเย็นเยียบ

นางกลับมาหาโม่หวิ่นหมิง ตรวจดูอาการบาดเจ็บที่ขาให้เขา พลางเอ่ยปากพูดเบาๆ

“ท่านน้า ท่านน่าจะรู้เรื่องพระราชโองการแล้ว ตอนนี้กู้โม่หานเป็นไท่จื่อ ด้วยความช่วยเหลือจากไทเฮาและขุนนางบางคนอย่างลับๆ เชื่อว่าการยึดอำนาจจะราบรื่นกว่าที่ข้ามคิดไว้มาก”

“แม้ว่าเวลาหนึ่งเดือนจะเร่งด่วนไปหน่อย แต่ข้าจะจัดการอย่างดี อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าจะพาเด็กหญิงทั้งสองจากไป ท่านไม่ต้องห่วง”

รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่หวิ่นหมิง “ข้าเข้าใจแล้ว แต่เจ้าอย่ากดดันตัวเองเกินไป ถ้าจัดการสถานการณ์ใดไม่ได้ ก็บอกข้า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

พูดจบ เขาก็ยื่นนิ้วเรียวยาวออกมา แตะคิ้วที่ขมวดแน่นของหนานหว่านเยียนเบาๆ รู้สึกสงสารมาก

“ดูคิ้วสิ ขมวดขนาดนี้ เด็กผู้หญิงขมวดคิ้วแล้วไม่สวยเลย”

หนานหว่านเยียนอดหัวเราะไม่ได้ โม่หวิ่นหมิงดีกับนางเสมอมา คอยปลอบประโลม “ขาของท่านน้าหายดีแล้ว หากพักฟื้นต่อไป ทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าเฝ้ารอที่จะได้เห็นท่านหายดีเป็นปกติ”

สายตาของโม่หวิ่นหมิงหลุกหลิก เขาชักมือกลับ

“ข้าก็เฝ้ารอเช่นกัน ข้าคิดว่าเจ้าเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าก็จะกลับแล้ว”

หนานหว่านเยียนยังมีเรื่องอื่นต้องทำ จึงไม่รั้งโม่หวิ่นหมิงไว้ “ตกลง ราตรีสวัสดิ์ท่านน้า”

โม่หวิ่นหมิงมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังเดินจากไป เมื่อกลับมาถึงห้องของตน สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา

สองตาของโม่หวิ่นหมิงเปล่งประกายเย็นเยียบราวกับคมมีด เขากดเสียงต่ำ พูดกับมุมหนึ่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“ออกมา!”

ไม่นาน เงาร่างของคนชุดดำก็กลมกลืนกับความมืดยามราตรี คำนับโม่หวิ่นหมิงด้วยความเคารพ “นายท่าน”

โม่หวิ่นหมิงขมวดคิ้ว “คืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

คนชุดดำตอบตามความเป็นจริง “ระหว่างทางในขณะที่อ๋องอี้และพระชายากลับจวน มีมือสังหารกลุ่มหนึ่งแอบซุ่มอยู่ในความมืด คนของข้าก็เข้ามาช่วยด้วยหญ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารที่ลอบสังหารคุณหนูทั้งสองเมื่อคราวก่อนในเรือนเซียงหลิน”

มือสังหารพวกนั้นอีกแล้ว!

ขนตาของโม่หวิ่นหมิงปรือลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา

ใครกันแน่ที่ต้องการเอาชีวิตหว่านหว่านและเด็กหญิงทั้งสอง?!

คนชุดดำเห็นสีหน้าของโม่หวิ่นหมิงแย่ลง ก็สั่นสะท้านและพูดต่อญห “ครั้งนี้ พระชายารองของอ๋องอี้ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เหมือนจะเข้ามาบังดาบให้อ๋องอี้บภ ตอนนั้นอ๋องอี้พาหยุนอี่ว์โหรวกลับไป โดยไม่สนใจพระชายาและคุณหนูทั้งสองเลย”

“เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง หลังจากพระชายาให้การรักษาเสิ่นอี่ว์แล้ว ก็ถูกพ่อบ้านกาวพาตัวไปที่เรือนของหยุนอี่ว์โหรว เหมือนอ๋องอี้จะบังคับให้พระชายาช่วยชีวิตหยุนอี่ว์โหรว”

ทันทีที่คนชุดดำพูดจบ วินาทีต่อมา ลูกศรหลายสิบดอกก็พุ่งออกไปพร้อมกับลมแรง ตรึงเข้ากับคานของห้อง บรรยากาศเย็นยะเยือก

คนชุดดำกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ขนลุกชูชัน

นายท่านเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว!

ยิ่งได้ยินสีหน้าของโม่หวิ่นหมิงก็ยิ่งเคร่งขรึมเย็นชา เหมือนกับลมแรงก่อนพายุฝนจะมา แรงอาฆาตแค้นอันเย็นเยียบแผ่กดดัน อานุภาพสูงส่ง

“กู้โม่หานกล้ามาทำแบบนี้กับหว่านหว่าน มีอย่างที่ไหน! ไปรวบรวมคนทั้งหมด สั่งสอนบทเรียนอ๋องอี้ให้สาสม!”

กู้โม่หานหมดทางเยียวยาแล้ว!

โชคดีที่เขาไม่หูเบา ยกหว่านหว่านให้เขา มิฉะนั้น ยังไม่รู้ว่าเทพสงครามใจร้ายชั่วช้าผู้นี้จะทำเรื่องขาดสติอะไรกับหว่านหว่านเพื่อหยุนอี่ว์โหรวบ้าง

ในขณะที่คนชุดดำกำลังจะตอบรับ โม่หวิ่นหมิงก็ห้ามไว้อีกครั้ง “ช้าก่อน ไม่จำเป็นแล้ว แต่คราวหน้าหากมีการลอบสังหารอีก ก็ห้ามช่วยเขา”

หว่านหว่านตัดสินใจที่จะไปแล้ว เขาไม่ควรสร้างปัญหาเพิ่ม

ภายในเดือนนี้ เขาต้องพักฟื้นขาให้หายดีให้ได้!

รอให้เขาพาหว่านหว่านและเด็กหญิงทั้งสองกลับไป

จะทำให้กู้โม่หานเสียใจกับการกระทำในวันนี้ไปชั่วชีวิต…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้