ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 489

ความรู้สึกในยามที่ลมหายใจติดขัด ทำให้เขาแทบพูดอะไรไม่ออก

“ในเมื่อข้าออกคำสั่งไม่ให้ใครเข้ามารบกวน เจ้าก็ไม่ควรปล่อยให้นางเข้ามาสิ”

พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็โกรธตัวเองด้วยเหมือนกัน เมื่อคืนเขากลัวว่าจะทำเรื่องโง่ ๆ จึงตั้งใจไล่องครักษ์ที่เฝ้าอยู่โดยรอบทั้งหมดออกไป แต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้หยุนอี่ว์โหรวใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้จนได้

หวังหมัวมัวรู้ดีว่าตัวเองผิด น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกละอายแก่ใจ แต่นางก็ยังพูดอย่างหนักแน่นจริงจังว่า "ท่านอ๋อง ข้าน้อยเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจเรื่องภายในครอบครัวของท่าน แต่เรื่องที่ข้าเป็นห่วงสุขภาพของท่าน นั่นเป็นความรู้สึกจากใจจริงเจ้าค่ะ"

“นอกจากนี้ ในตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข้าน้อยก็เห็นอยู่ว่าพระชายารองหยุนห่วงใยท่านขนาดไหน ทั้งยังกตัญญูและเคารพหยีเฟยเหนียงเหนียงมาก ตอนนี้นางยังบาดเจ็บอยู่ ท่านก็โปรดอย่าได้นึกโกรธเกลียดพระชายารองเลยนะเจ้าคะ ยกโทษให้นางสักครั้งเถอะ "

กู้โม่หานฝืนระงับความโกรธในใจของเขา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ถ้าหมัวมัวคิดจะหาคนมาทำหน้าที่ช่วยแก้พิษให้ข้า ก็ไม่ควรไปหาชายารองหยุน"

“พระชายาก็ยังไม่ตายนะ ทำไมเจ้าไม่ไปเชิญนาง แต่กลับไปเชิญชายารองหยุนแทน?”

สถานการณ์เมื่อคืนนี้ ถ้าเขาไม่แก้พิษ ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้นแล้ว

ถ้าเป็นไปตามที่หยุนอี่ว์โหรวพูด ว่าเมื่อคืนเขาพาหนานหว่านเยียนกลับมาจริง ๆ แต่หนานหว่านเยียนไม่เพียงไม่สนใจไยดีเขา แต่ยังเตะเขาด้วย นั่นไม่เท่ากับว่าหนานหว่านเยียนอยากให้เขาตายหรอกหรือ?

ต่อให้นางไม่ยินดีช่วยแก้พิษ แต่นางก็มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังแก้พิษให้เขาได้ ทำไมนางถึงจะไม่ยอมล่ะ? ทำไมต้องผลักเขาไปให้หยุนอี่ว์โหรวด้วย? !

เขายินดีถูกหนานหว่านเยียนถ่ายเลือดระบายพิษ ก็ไม่ยินยอมให้หนานหว่านเยียนผลักไสเขาไปหาหยุนอี่ว์โหรวแบบนี้

จู่ ๆ หมัวมัวก็ถูกกู้โม่หานถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่นางไม่กล้าละเลย จึงรีบตอบว่า "ท่านอ๋อง ตอนนั้นเป็นเพราะพระชายารองหยุนรู้เรื่องนี้เลยรีบมาหาข้าน้อย ข้าน้อยไม่ทันคิดอะไรให้ถ้วนถี่ จึงอนุญาตให้นางมาที่นี่ ข้าน้อยไม่ทันคิดอะไรมากมายจริง ๆ เจ้าค่ะ"

“แต่ว่าทั้งพระชายาทั้งพระชายารอง ต่างก็เป็นผู้หญิงของท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ ? จะเอ็นดูคนไหนมันก็สมเหตุสมผลทั้งนั้น ทำไมท่านถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ด้วยล่ะเจ้าคะ?”

“ข้าจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของเจ้า ออกไปก่อนเถอะ” กู้โม่หานไม่อยากพูดอะไรกับหมัวมัวอีกต่อไปแล้ว ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ

ความเป็นปรปักษ์ในดวงตาของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะพยายามระงับไว้อย่างเต็มที่ แต่หวังหมัวมัวก็ยังรู้สึกถึงความโกรธนั้นได้

“เจ้าค่ะ” นางถอยออกไปอย่างรู้ความผิด แต่ในดวงตากลับมีแววสงสัยบางอย่าง

ทำไมทั้งที่ท่านอ๋องได้แนบชิดกับพระชายารองแล้ว กลับดูไม่มีความสุขสักนิดเลยล่ะ?

กู้โม่หานนั่งอยู่บนเตียง หงุดหงิดสับสนไปหมด ความคิดจิตใจยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นไปทุกขณะ

ทันใดนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นทันที เดินออกจากเรือนไปด้วยสีหน้าเย็นชา ตรงไปที่เรือนเซียงหลิน

เขาจะไปถามหนานหว่านเยียนให้ชัดเจนไปเลย ว่าแท้จริงแล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น....

ในเวลาเดียวกัน ที่เรือนเซียงหลิน

หนานหว่านเยียนตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด

ทั่วทั้งร่างเจ็บปวดเมื่อยขบไปหมด รู้สึกอ่อนแรงราวกับถูกอะไรบางอย่างหนัก ๆ กดทับก็ไม่ปาน แค่ขยับตัวเบา ๆ ก็ยังรู้สึกเจ็บจนแทบขาดใจ

อีกทั้งความรู้สึกนี้ เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนไม่มีผิด เป็นตอนที่นางเพิ่งจะเดินทางข้ามเวลามาที่นี่ครั้งแรก

จะเป็นไปได้ไหมว่า.... นางถูกข่มขืนอีกแล้ว? !

หนานหว่านเยียนตกใจจนตาแจ้งทันที รีบพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ทว่ากระดูกกลับส่งเสียงลั่นดัง “กร๊อบแกร๊บ ๆ”ไม่หยุด

“ซื้ด—แม่งเอ๊ย!” หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วมุ่น กัดฟันด้วยความเจ็บปวดพลางสบถออกมา ฝืนระงับความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง แล้วเริ่มตรวจสอบร่างกายของตัวเองทันที

นางเลิกกระโปรงขึ้นตรวจสอบดู พบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ จากนั้นค่อยมองสำรวจใบหน้า ยกเว้นส่วนริมฝีปากที่แดงมาก ส่วนอื่นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่บริเวณข้างไหปลาร้า กลับมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ ๆ รอยหนึ่ง

แม้ว่านางจะมีความรู้ทางทฤษฎีมากมายในด้านนี้ แต่ประสบการณ์ลงสนามจริง เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้วแค่ครั้งเดียว

ครั้งนั้น กู้โม่หานทำจนทั้งเนื้อทั้งตัวของนางปกคลุมไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว พอวันนี้มองดูตัวเองอีกครั้ง นอกจากจะรู้สึกเหมือนกับตอนนั้นทุกประการแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรอื่นอีก

หนานหว่านเยียนเริ่มจะสงสัยว่า หรือเมื่อคืนนี้นางนอนหลับในท่วงท่าที่ไม่ถูกต้อง เลยกลิ้งตกจากเตียงหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่า...นางฝันเห็นอะไรเข้า หรือเพราะขาดผู้ชายนานเกินไป? !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้