ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 68

“นางเดินทางมาคารวะท่านเพคะ”

หยุนอี่ว์โหรวเดินทางมาหรือ?

หนานหว่านเยียนยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วเลิกคิ้วขึ้นว่า “จะให้ข้าอยู่อย่างสงบมิได้เลยหรือไร นางกลัวข้าจะแย่งกู้โม่หานไปหรือ”

แม้เซียงอวี้จะมิเข้าใจ แต่นางก็ยังเอ่ยถามว่า “พระชายาเพคะ จะให้นางเข้าพบหรือไม่?”

หนานหว่านเยียนเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาฉายแววโหดร้ายเล่ห์เหลี่ยม “แน่นอนสิ ในเมื่อนางเดินทางมาถึงที่ ในฐานะพระชายา ข้าจะมิต้อนรับได้อย่างไร จะมิดูว่าข้าไร้มารยาทหรอกหรือ?”

หนานหว่านเยียนยังคงกังวลว่ามิสามารถหาโอกาสสู้กลับไปได้ บัดนี้นางกลับเดินทางมาหาเรื่องใส่ตนเอง เป็นโอกาสที่ดีเหลือเกิน

เมื่อคิดดังนั้น หนานหว่านเยียนก็หันไปมองดูเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาด้วยใบหน้าอันระมัดระวัง ราวกับว่ามีความระแวง

แววตาของหนานหว่านเยียนมืดมัว จากนั้นหันไปกำชับกับเด็กทั้งสองว่า “อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าจงออกไปเล่นกับพี่เซียงอวี้ที่ด้านนอก อย่าให้คนน่ารังเกียจนั้นเห็นพวกเจ้านะเด็กดี”

หยุนอี่ว์โหรว คนผู้นี้หน้าซื่อใจคด นางคงอยากจะรู้ถึงภูมิหลังของเด็กน้อยทั้งสองคน และคาดว่าคงจะลงมือกับพวกนางอย่างแน่นอน นางจะมิปล่อยให้ลูกทั้งสองของนางถูกพบหรอก

“เจ้าค่ะ พวกเราจะเชื่อฟังท่านแม่” สองพี่น้องก็มิอยากเห็นหยุนอี่ว์โหรวนัก พวกนางจึงตอบรับด้วยความเชื่อฟังแล้วเดินตามเซียงอวี้ออกไปเล่นข้างนอก

“พระชายาเพคะ......” สีหน้าของเซียงอวี้ดูซับซ้อนและสงสัยเมื่อมองมาทางนางเอง มิรู้ว่าวันนี้พระชายาจะก่อเรื่องหรือไม่

หนานหว่านเยียนเห็นท่าทางเป็นกังวลของเซียงอวี้จึงได้โบกมือขึ้นว่า “มิเป็นไรหรอก เจ้าออกไปเล่นกับเด็กๆ ทั้งสองเถอะ อย่าให้พวกนางไปเล่นที่สวนหน้าบ้าน ข้าจะสนทนากับพระชายารองหยุนเอง”

“เพคะ” เซียงอวี้พาเจ้าหนูทั้งสองไปที่สวนด้านหลัง

ทันทีที่ทั้งสามเดินทางจากไป หนานหว่านเยียนก็ได้ยินน้ำเสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นจากตรงประตูว่า “ข้าน้อยคารวะพระชายา”

เมื่อน้ำเสียงนั้นเข้ามาใกล้ หนานหว่านเยียนก็เห็นร่างอันอ่อนโยนของหยุนอี่ว์โหรวโค้งกายคารวะในชุดสีเขียวอ่อน ช่างงดงามยิ่งนัก

บ่าวรับใช้ข้างกายนางก็ทำการคารวะเช่นกันแต่มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความเย็นชา

ในวันนี้อวี๋เฟิงมิได้ยืนตรวจเวร ผู้คนเหล่านี้คงคิดว่านางมิมีปัญญา จึงได้ปล่อยให้หยุนอี่ว์โหรวเข้ามาโดยพลการ ถึงเวลาแล้วที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู!

เมื่อคิดได้ดังนั้น น้ำเสียงของนางก็เอ่ยขึ้นว่า “พระชายารองหยุน ช่างตื่น‘เช้า’เสียจริง ตะวันสายโด่งแล้ว บัดนี้เพิ่งจะรู้หรือว่าในจวนอ๋องนี่มีพระชายาเช่นข้าอยู่”

น้ำเสียงของนางดูเยาะเย้ยถากถาง หยุนอี่ว์โหรวได้ยินดังนั้นกลับรู้สึกเย็นชา

เมื่อคืนนี้นางถูกส่งกลับไปที่ห้องด้วยสภาพจิตใจอันโกรธแค้น ขณะที่กำลังจะหาที่ระบายก็ได้ยินน้ำเสียงอันแผ่วเบาของชิงหว่านดังขึ้น

จากการบอกเล่าของชิงหว่าน นางจึงได้รู้ว่าหนานหว่านเยียนร้ายสักเพียงไร ทั้งยังทรมานเสียจนชิงหว่านสภาพมิเป็นคน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางได้รู้มาจากปากของชิงหว่านว่าในเรือนเซียงหลินของหนานหว่านเยียนมีแม่หนูน้อยสองคนซ่อนเอาไว้

ส่วนกู้โม่หานก็ดูสนิทสนมกับเจ้าหนูทั้งสอง มองไปความสัมพันธ์มิธรรมดา

แม้หยุนอี่ว์โหรวจะมิสนใจว่าหนานหว่านเยียนจะให้กำเนิดบุตรสักกี่คน แต่นางก็เป็นกังวลว่ากู้โม่หานจะมีมุมมองต่อหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไปเพราะเด็กทั้งสองคนนี้หรือไม่

ตลอดทั้งคืนนางนอนมิหลับ ตั้งใจว่าจะตื่นมาคารวะแต่เช้า แต่นางก็ผล็อยหลับไปจนได้ และเพิ่งตื่นขึ้นเมื่อครู่ นางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจัดแจงผมเผ้าและเดินทางมาในทันที

น้ำเสียงของหยุนอี่ว์โหรวกล่าวเป็นการตำหนิตนขึ้นว่า “หม่อมฉันตื่นสายไปหน่อย เมื่อคืนนี้หม่อมฉันกับท่านอ๋อง......พระชายาคงจะรู้ว่าคืนแรกของคู่บ่าวสาวนั้นมักนอนได้มิสนิท”

ใบหน้าของนางดูเขินอาย ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสุข

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม

“พระชายารองหยุนช่างโชคดียิ่งนัก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องทันทีที่แต่งเข้ามาในจวน ดูเหมือนอีกมินานนี้คงจะมีข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์”

เมื่อคืนนี้นางกับกู้โม่หานมิได้มีความสัมพันธ์ใดกันเลย เพียงแต่หยุนอี่ว์โหรวคาดว่าหนานหว่านเยียนคงมิรู้ ดังนั้นจึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ออกมา

หยุนอี่ว์โหรวมองไปรอบข้างแล้วเอ่ยถามว่า “พระชายาอยู่คนเดียวหรือเพคะ?”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นบางเบา “มิเช่นนั้นเล่า เจ้าคิดอยากจะเห็นใครอีก หรือว่า......ท่านอ๋องมิได้ไปหาเจ้าหรือ พระชายารองหยุนจึงได้เดินทางมาหาเขาถึงที่นี่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้